ปีที่ 40 ปีแห่งการเริ่มต้นเป็นนะบี
เป็นเวลา 40 ปีที่มุฮัมมัดมีชีวิตอยู่ท่ามกลางชาวอาหรับ และมิได้เป็นที่รู้จักในฐานะของรัฐบุรุษ นักเทศน์หรือนักพูด ไม่มีใครเคยได้ยินว่ามุฮัมมัดได้แสดงสติปัญญาหรือความรู้ตราบจนกระทั่งท่านได้เริ่มงานที่ยิ่งใหญ่ ไม่เคยมีใครเห็นท่านสนทนาเกี่ยวกับเรื่องกฎของวิชาที่ว่าด้วยจิตของมนุษย์ หลักธรรมจรรยา กฎหมาย การเมือง เศรษฐกิจ สังคมวิทยา และย่อมไม่ต้องพูดถึงการเป็นนายพล เพราะไม่เคยมีใครรู้จักท่านในฐานะทหารหาญ ท่านไม่เคยเอ่ยถึงพระผู้เป็นเจ้า ทูตมลาอิกะฮ์ พระคัมภีร์ศาสดาพยากรณ์ท่านก่อน ๆ ชาติต่าง ๆ ที่ผ่านมา วันตัดสินชีวิตหลังความตาย นรกหรือสวรรค์
ถึงแม้ท่านนะบีจะเป็นผู้ดำรงลักษณะบุคคลิกภาพที่เป็นเลิศ มีมารยาทนุ่มนวลและมีอารยธรรมสูงส่ง แต่ก็ยังไม่มีลักษณะใดที่น่าสนใจและแปลกประหลาด ที่ทำให้กลุ่มชนทั้งหลายหวังจะได้เห็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่หรือการเปลี่ยนแปลงที่มาจากท่านในอนาคต คนที่รู้จักก็รู้แต่เพียงลักษณะที่สุขุม สงบ เรียบร้อย และเป็นพลเมืองดีที่เคารพกฎหมายเท่านั้น แต่เมื่อท่านออกมาจากถ้ำพร้อมกับสาสน์ใหม่ ท่านได้รับการเปลี่ยนแปลงในทุกๆด้าน
เมื่อท่านได้เริ่มเผยแผ่ความรู้ ชาวอาหรับทั้งชาติต่างตื่นกลัวประหลาดใจและเคลิบเคลิ้มไปด้วยสุนทรพจน์อันซาบซึ้ง ความรู้ที่กล่าวออกมานั้นเป็นข้อความซึ่งประทับใจ จับใจเสียจนกระทั่งศัตรูของท่านขยาดกลัวที่รับฟัง ด้วยเกรงว่าความรู้นั้นจะซึมซาบดื่มด่ำเข้าในส่วนลึกของจิตใจหรือแทรกซึมเข้าในทุกส่วนของร่างกายเข้าครอบงำตัวเขา และทำให้เขาต้องเลิกยึดถือประเพณีและศาสนาดั้งเดิม ความรู้นั้นเป็นความรู้ที่หาที่เปรียบไม่ได้จนทำให้นักกวีทั้งอาระเบีย นักเทศน์ และนักพูดที่มีความสามารถที่สุด ไม่สามารถที่จะเรียงร้อยถ้อยคำหรือข้อความ ให้มีภาษาที่ไพเราะเพราะพริ้งและงดงาม เมื่อท่านศาสดาร้องขอให้ศัตรูช่วยกันคิดค้น นักกวีทั้งหลายก็ไม่สามารถที่จะแต่งเทียบเทียมได้แม้เพียงบรรทัดเดียวก็ตาม
สาสน์รวมของท่านนะบีตั้งแต่นั้นมาท่านศาสดามุฮัมมัด ได้ปรากฏกายในฐานะนักปรัชญา นักปฏิรูปที่น่าพิศวง ท่านเป็นแบบฉบับอันเลื่องลือของวัฒนธรรมและอารยธรรมการเมือง เป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่เป็นผู้พิพากษาที่มีความยุติธรรม เป็นนายพลที่หาคู่แข่งมิได้ บุรุษผู้ไร้การศึกษาเผ่าเบดูอิน ( บัดฺวี ) บุรุษผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในทะเลทราย ปราศจากความรอบรู้และสติปัญญาชนิดที่ยังไม่มีผู้ใดกล่าวขานมาก่อน
ท่านได้อธิบายปัญหาอันซับซ้อนของวิชาที่ว่าด้วยจิตใจมนุษย์ และศาสนศาสตร์ ท่านแสดงสุนทรพจน์เกี่ยวกับกฎของความเสื่อมและการสลายตัวของจักรวรรดิต่างๆ สนับสนุนทฤษฎีโดยการอ้างอิงถึงเรื่องราวรายละเอียดทางประวัติศาสตร์ในอดีต พิจารณางานของนักปฏิรูปท่านก่อน ๆ ท่านให้คำตัดสินศาสนาในโลกและให้การตัดสินเกี่ยวกับข้อขัดแย้งและปัญหาระหว่างชาติ
สอนหลักจรรยาวินัยและกฎต่าง ๆ ของวัฒนธรรม ตั้งกฎทางสังคม ตั้งระบบเศรษฐกิจ ตั้งกฎแห่งความประพฤติของกลุ่มชนและกฎเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การกระทำที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดนั้น นักคิดหรือนักปราชญ์จะได้ความรู้เหล่านี้มาอย่างจริงจังก็ต่อเมื่อได้ทำการค้นคว้าตลอดชีวิต และมีการประสบอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับมนุษย์และสิ่งต่าง ๆ แท้จริงแล้วเมื่อมนุษย์ได้มีความรู้ทางศาสนศาสตร์และมีประสบการณ์ ความงดงามของความรู้เหล่านี้จะเผยตัวเองออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง
พ่อค้าผู้เงียบขรึมและรักสันติ ผู้ที่ไม่เคยจับดาบ ไม่เคยฝึกฝนทางยุทธศาสตร์ เคยไปร่วมทางสงครามแต่เพียงในฐานะผู้สังเกตการณ์เท่านั้น ในฉับพลันกลับกลายเป็นทหารกล้าผู้ไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว แม้กระทั่งในการรบที่น่าสะพรึงกลัว ท่านได้กลายเป็นขุนพลผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งสามารถพิชิตดินแดนอาระเบียทั้งดินแดนภายในเวลา 9 ปีอาวุธที่ใช้ในการสงครามยังล้าสมัยอีกทั้งการคมนาคมยังไม่สะดวกสบาย ความเฉียบแหลมและประสิทธิภาพทางการทหารของท่าน ค่อย ๆ วิวัฒนาการขึ้นจนสู่จุดสูงสุด จิตใจอันหาญกล้าซึมซาบอยู่ในสายเลือดและฝึกฝนทางทหารให้แก่กลุ่มชนอาหรับที่ต่ำต้อย ภายในเวลาไม่กี่ปีทหารอาหรับสามารถที่จะโค่นกำลังทางทหารที่น่ากลัว 2 กลุ่มลงได้และกลายเป็นผู้ปกครองดินแดนส่วนใหญ่ซึ่งเป็นที่รู้จักกันมาต่อ
บุรุษผู้ซึ่งเก็บตัวและเงียบขรึมอยู่ตลอดเวลา 40 ปีเต็ม ไม่เคยพิสูจน์ให้เห็นเลยแม้แต่น้อยว่า ได้ให้ความสนใจหรือเข้าร่วมปฏิบัติงานทางการเมือง กลับปรากฏแก่สายตาของชาวโลกเป็นนักปฏิรูปการเมืองและรัฐบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ได้ทำให้พลเมืองที่กระหายสงคราม ป่าเถื่อน ปราศจากวัฒนธรรมและหมกมุ่นอยู่ในการทำสงครามระหว่างเผ่าที่กระจัดกระจายกันอยู่ในทะเลทรายที่กว้างใหญ่ 120,000 ตารางไมล์ สามารถเข้ามาร่วมกันภายใต้ประมุขคนเดียวกัน กฎหมายระบอบเดียว อารยธรรมวัฒนธรรมเดียว และรัฐบาลหนึ่งเดียว
ท่านได้เปลี่ยนแปลงแนวความคิดของชนเหล่านั้นตลอดจนอุปนิสัยและจรรยามารยาท ท่านเปลี่ยนคนโง่ให้เป็นคนมีวัฒนธรรม ท่านเปลี่ยนคนป่าเถื่อนให้เป็นคนอารยะ เปลี่ยนผู้ประพฤติชั่วให้เป็นผู้ใจบุญ เกรงกลัวในพระเจ้าและยึดมั่นแต่ในจริยธรรม ความนอกคอกดื้อดึงของชนเหล่านั้น ถูกเปลี่ยนให้เป็นการเชื่อฟังและเคารพต่อกฎระเบียบ เป็นเวลาหลายศตวรรษที่อาหรับไม่เคยมีบุคคลผู้ยิ่งใหญ่แม้แต่เพียงผู้เดียว แต่ภายใต้การนำและอิทธิพลของท่านนะบี ได้ให้กำเนิดบุคคลที่สูงส่งซึ่งเดินทางไปทั่วมุมโลก เทศนาและสั่งสอนศาสนา จริยธรรมและอารยธรรม 1
"1" คงจะเป็นการทำให้เข้าใจกระจ่างขึ้น ถ้าจะได้อ้างถึงคำกล่าวอันสำคัญของ ญะอฺฟัรฺ บิน-อบีฏอลิบ ( Jafar Ibn Abi Tolib ) เมื่อความกดดันเหนือกลุ่มชนมุสลิมแห่งมักกะฮฺได้ขึ้นถึงขีดสุด ศาสดามูฮัมมัด ก็ขอให้บางกลุ่มไปยังแคว้นอบิสสิเนีย ซึ่งมีดินแดนอยู่ใกล้ชิดกัน มีชาวมุสลิมกลุ่มหนึ่งได้อพยพไปยังที่นั้น แต่ชนเผ่ากุร็อยชฺผู้ซึ่งกระทำการกดขี่พวกมุสลิมทุกวิถีทางก็หาได้หยุดยั้งเพียงเท่านั้นไม่ เขาได้ติดตามผู้อพยพเหล่านั้นไปและขอให้กษัตริย์ เนกุส ( Negus ) แห่งอบิสสิเนียส่งผู้ที่ อพยพเหล่านั้นกลับดินแดนในราชสำนักแห่งกษัตริย์ เนกุส ( Negus ) ญะอฺฟัรฺ ( Jafar ) ได้แสดงสุนทรพจน์ และได้ให้ความสว่างแก่การปฏิวัติซึ่งศาสดามูฮัมมัด ได้นำมา ต่อไปนี้คือข้อความบางตอนซึ่งคัดมาจากสุนทรพจน์
"เรากินซากศพของสัตว์ที่หาชีวิตไม่แล้ว และกระทำการที่น่ารังเกียจนานาประการ เราไม่เคยทำดีต่อญาติพี่น้องและเราเคยปฏิบัติอย่างเลวร้ายต่อเพื่อนบ้านของเรา ผู้ที่แข็งแรงในหมู่เราก็เบียดเบียนผู้ที่อ่อนแอกว่า จนกระทั่งในที่สุดพระผู้เป็นเจ้าก็ได้โปรดให้มีศาสดาขึ้นในหมู่เรา เพื่อปรับปรุงให้พวกเราดีขึ้น ความถ่อมตน ความมีธรรมะ ความยุติธรรมและความใจบุญของท่านย่อมเป็นที่รู้จักดีในหมู่พวกเรา
ท่านนำเราไปเคารพภักดีพระผู้เป็นเจ้า ท่านสอนให้เราเลิกบูชารูปเคารพและหินกรวดต่าง ๆ ท่านสอนให้เรากล่าวแต่วาจาสัตย์ ให้ยึดมั่นแต่ความดี ให้เคารพรักญาติพี่น้อง ให้ทำดีต่อเพื่อนบ้าน ท่านสอนให้เราเกรงกลัวความชั่วและให้หลีกหนีจากสงคราม ท่านห้ามมิให้กระทำการอันไม่เหมาะสม เช่น กล่าวเท็จ คดโกงสมบัติของเด็กกำพร้า และมิให้กล่าวร้ายต่อความบริสุทธิ์ของสตรี ดังนั้นเราจึงเชื่อท่าน ทำตามท่านและประพฤติตามที่ท่านสอน"
ท่านนะบีได้ดำเนินงานไม่ใช่เพราะต้องการสิ่งล่อใจทางโลก ลักษณะมรรยาทที่นุ่มนวล บุคคลจริยาที่เป็นเสน่ห์และคำสอนที่น่าเสื่อมใส ด้วยความประพฤติที่สูงส่งและสุภาพ ท่านเป็นมิตรแม้แต่กับศัตรูของท่าน ท่านผูกใจคนทั่ว ๆ ไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ ปกครองด้วยความเป็นธรรม และไม่เคยหันเหไปจากสัจจะและทางที่ถูกต้อง ไม่เคยกดขี่แม้กระทั่งศัตรูที่ร้ายกาจ ศัตรูซึ่งตามล้างชีวิต ผู้ซึ่งขว้างปาด้วยก้อนหินผู้ซึ่งเคี้ยวตับสด ๆ ของลุงผู้วายชนม์ด้วยความแค้น ท่านให้อภัยต่อทุกคนที่ท่านมีชัยชนะ ไม่เคยแก้แค้นเพื่อความโกรธส่วนตัว หรือแก้แค้นสำหรับความเลวร้ายที่พวกศัตรูได้ทำไว้
เมื่อท่านได้กลายเป็นผู้ปกครองประเทศ ท่านปราศจากความเห็นแก่ตน และถ่อมตนจนกระทั่งยังดำรงชีวิตอยู่อย่างง่าย ๆ และยังคงดำเนินกิจวัตรประจำวันต่อไปเช่นเดิม ท่านมีความเป็นอยู่ในกระท่อมที่สร้างด้วยดินดังเช่นแต่ก่อน นอนบนเสื่อ สวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบ ๆ กินอาหารแบบคนจน และบางครั้งก็ออกจากบ้านโดยมิได้กินอะไรเลย ท่านใช้เวลาทั้งคืนยืนอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า ท่านช่วยเหลือคนที่ถูกทอดทิ้งและคนที่ตกทุกข์ได้ยาก ท่านไม่รู้สึกว่าเป็นการต่ำต้อยแม้แต่น้อยในการที่จะทำงานอย่างกรรมกร จนในวาระสุดท้ายก็ไม่มีแม้แต่จุดเล็ก ๆ ของความถือตัวหรือการแสดงออกซึ่งความสูงส่งและร่ำรวย ท่านจะนั่ง เช่นเดียวกับคนสามัญทั้งหลาย เดิน และดำรงชีวิตอยู่กับชนทั่วไปพร้อมทั้งร่วมทุกข์สุขกับชนเหล่านั้น ท่านจะอยู่ปะปนกับกลุ่มชนในปกครอง เมื่อคนภายนอกมาพบจะรู้สึกว่าเป็นการยากลำบาก ที่จะชี้ตัวผู้นำ ผู้ปกครองออกจากกลุ่มชนนั้น
แม้ว่าท่านจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ แต่ท่าทีที่แสดงต่อบุคคลที่ต่ำต้อยที่สุดก็เป็นท่าทีของมนุษย์สามัญ ตลอดชีวิตท่านมิได้หารางวัลหรือผลตอบแทนสำหรับตัวเองหรือทิ้งทรัพย์สมบัติไว้ให้ทายาท ท่านอุทิศชีวิตเพื่อศาสนา และยังห้ามมิให้ลูกหลานของท่านรับซากาต ( เงินที่จ่ายแก่คนจนตามบัญญัติศาสนากำหนด )
จากหนังสือ มาเข้าใจ อิสลาม กันเถิด
แปลและเรียบเรียง จินตนา