พลังแห่งการเปลี่ยนแปลง
  จำนวนคนเข้าชม  5489

พลังแห่งการเปลี่ยนแปลง


               หลังจากที่มุฮัมมัดได้ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในทางที่สุจริตประกอบด้วยอารยธรรมและจริยธรรม  ท่านได้รู้สึกเบื่อหน่ายกับความมืดมิดและความโง่เขลาซึ่งล้อมอยู่รอบตัว  ท่านต้องการที่จะหาทางให้หลุดพ้นจากห้วงลึกแห่งความโง่เขลา  ความชั่วร้าย  และการผิดศีลธรรม  การบูชารูปเคารพและความยุ่งเหยิงต่างที่อยู่รอบข้าง  และพบว่าทุกสิ่งรอบตัวนั้นไม่สามารถเข้ากับจิตใจของท่านได้เลย  จึงได้ปลีกตัวอยู่ตามเนินเขา ห่างไกลจากเสียงอึกทึก  และใช้เวลาทั้งกลางวันกลางคืนอยู่กับความสันโดษ พิจารณา ไตร่ตรอง อดอาหารเพื่อทำให้จิตใจและวิญญาณบริสุทธิ์และสูงส่งขึ้น

               ท่านพิจารณาและไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง พยายามค้นหาแสงสว่างที่จะขจัดความมืดมิดให้หมดไป  ท่านต้องการพลังที่สามารถขจัดความตกต่ำ  ความชั่วและความยุ่งเหยิงของโลกสมัยนั้น  และก่อให้เกิดสิ่งใหม่ที่มีสภาพที่ดีขึ้น
 
              นี่แหละคือการเปลี่ยนแปลงซึ่งเกิดขึ้นกับมุฮัมมัด  ในขณะนั้นดวงจิตของท่านก็ได้รับแสงสวรรค์ซึ่งบันดาลให้พบพลังที่ได้เสาะแสวงหา  ท่านจึงออกจากถ้ำและเรียกร้องกับชนทั้งปวง  พร้อมทั้งกล่าวกับกลุ่มชนเหล่านั้นว่า

                “รูปเคารพที่ท่านบูชากันอยู่นั้นเป็นเพียงสิ่งมายา  จงยุติการบูชาเสียตั้งแต่บัดนี้ ไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ดวงดาว  ต้นไม้  หิน  หรือภูตตนใด ที่มีคุณค่าสมควรแก่การเคารพบูชา ดังนั้นจงอย่างก้มศีรษะบูชาสิ่งเหล่านั้น จักรวาลและทุก ๆ สิ่งในจักรวาลเป็นของพระผู้เป็นเจ้าพระองค์เดียว  พระองค์เท่านั้นที่เป็นผู้สร้าง  ผู้อุปถัมภ์และผู้อภิบาล เราจึงควรเคารพบูชาพระองค์  อ้อนวอนขอต่อพระองค์  และภักดีต่อพระองค์  จงรักภักดีต่อพระองค์แต่เพียงผู้เดียว  และทำตามบัญชาของพระองค์เท่านั้น 

การปล้นสดมภ์  ลักขโมย  ฆาตกรรม  ความอยุติธรรมและความโหดร้ายทารุณ  ความชั่วช้าทั้งหลายที่ท่านกำลังกระทำอยู่นี้  เป็นความผิดอย่างมหันต์ ไม่มีใครที่จะเกิดมาพร้อมกับมลทินแห่งความอัปยศที่ลิขิตมาบนใบหน้า  ไม่มีใครที่จะเกิดมาพร้อมด้วยรังสีและเกียรติยศห้อยติดมาที่คอ 

ผู้ที่จะสูงส่งและมีเกียรตินั้นคือผู้ที่ยำเกรงพระผู้เป็นเจ้า  เคร่งครัดในศาสนา  มีสัจจะในวาจาและการกระทำ  ความแตกต่างแห่งกำเนิดและความรุ่งเรื่องแห่งเชื้อชาติมิได้เป็นบรรทัดฐานแห่งความยิ่งใหญ่และเกียรติยศ ผู้ที่ยำเกรงพระผู้เป็นเจ้าและกระทำแต่ความดีเท่านั้นเป็นผู้สูงสุดในหมู่มนุษย์ 

ผู้ซึ่งไม่มีความรักในพระผู้เป็นเจ้า  และถลำลึกลงไปในสิ่งที่ชั่วช้าจะต้องได้รับการลงโทษ  จะมีวันหนึ่งซึ่งได้ถูกกำหนดไว้เมื่อท่านจบชีวิตไปแล้ว ในวันนั้นทุกคนจะต้องไปปรากฏตัวต่อพระพักตร์ของพระผู้เป็นเจ้า  การกระทำทุกอย่างทั้งดีและเลวจะต้องถูกกล่าวขาน  ไม่มีใครสามารถซ่อนเร้นปิดบังสิ่งใดไว้ได้เลย  บันทึกของมนุษย์ทั้งชีวิตจะเป็นเสมือนหนังสือที่เปิดอยู่ กรรมดีและกรรมชั่วเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องตัดสินโชคชะตาในศาลของพระองค์ผู้ทรงไว้ซึ่งความสถิตยุติธรรม 

พระผู้เป็นเจ้าทรงรอบรู้ทุกสิ่ง ปัญหาที่ไม่ยุติธรรม การลำเอียงจะไม่เกิดขึ้นเป็นอันขาด จะไม่มีใครสามารถให้สินบนแก่พระองค์ได้  จะไม่มีการพิจารณาโดยให้อภิสิทธิ์แก่วงศ์วานหรือบิดามารดา สัจจะและการทำดีเท่านั้นที่ยืนหยัดได้  ผู้ซึ่งพร้อมด้วยสัจจะและคุณงามความดีจะได้เข้าสู่สวรรค์ซึ่งมีแต่ความสุขเป็นอมตะ  ในขณะที่ผู้ไร้สัจจะและไร้ความดีจะถูกโยนเข้าสู่ไฟนรก”
 
              ทั้งหมดคือข้อความที่นะบีมุฮัมมัด นำมาสู่มวลมนุษยชาติที่โง่เขลา  ทุกคนต่างพากันเป็นศัตรู คำผรุสวาทและก้อนหินได้ระดมมายังร่างอันสง่างาม การทรมานแต่และชนิดและความโหดร้ายทารุณต่างๆ ได้ถูกนำมาใช้  การกระทำเหล่านี้ก็มิได้เกิดขึ้นแค่เพียงวันหนึ่งหรือสองวันเท่านั้นแต่เกิดติดต่อกันถึง 13 ปีเต็ม ในที่สุดท่านก็ลี้ภัยไปยังเมืองใหม่  แต่ก็ไม่พ้นการรังควาญด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา อาหรับทั้งประเทศได้รับการยุยงให้เป็นศัตรูต่อท่าน  ท่านถูกกลั่นแกล้งทำร้ายตลอด 8 ปีเต็มที่ท่านอาศัยอยู่ที่นั่น  ท่านยอมทนทุกข์ แต่ไม่เคยถอยไปจากสิ่งที่ท่านยึดมั่นแม้แต่นิ้วเดียว  ท่านเป็นคนเด็ดเดียว  มั่นคง  ยึดมั่นอยู่กับจุดประสงค์และหลักการ


เหตุใดนะบีมุฮัมมัด  จึงมีศัตรู

          อาจมีบางคนถาม  เหตุใดทุกคนจึงได้กลายเป็นศัตรูต่อท่านนะบี อาจมีความไม่ลงรอยกันและแก่งแย่งเงินทองหรือทรัพย์สมบัติทางโลกบ้างกระมัง หรือเกิดจากความอาฆาตพยาบาทมาแต่บรรพบุรุษ ! ท่านขอร้องอะไรจากพวกเขาหรือเปล่า !

          ความเป็นศัตรูเกิดจากการที่ท่านขอร้องให้พวกเขาบูชาพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริงแต่เพียงพระองค์เดียว  และให้ดำเนินชีวิตในทางที่ถูกต้อง  เคร่งครัดในหลักศาสนา บำเพ็ญแต่ความดี  ให้เลิกการบูชารูปเคารพและสิ่งอื่น ๆ นอกจากพระผู้เป็นเจ้า 

         ท่านนะบีได้ประณามความประพฤติที่ผิดทำนองคลองธรรมของคนเหล่านั้น  ท่านเปิดเผยเล่ห์กลของนักบวช ติเตียนการแบ่งชั้นวรรณะในหมู่มนุษย์ คัดค้านความรังเกียจเดียดฉันท์ระหว่างเผ่าพันธุ์และเชื้อชาติโดยถือว่าเป็นความเขลาอย่างแท้จริง  ท่านต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงโครงร่างของสังคมที่ตกทอดกันมาตั้งแต่สมัยอดีต  ผลที่ได้รับคือ  พี่น้องร่วมชาติบอกว่าหลักการที่ท่านประกาศนั้นขัดกับประเพณีของบรรพบุรุษ  และขอให้เลิกเสียมิฉะนั้นจะต้องได้รับผลตอบแทนที่เลวร้ายที่สุด

               อาจมีบางคนถามว่า  ทำไมท่านนะบี  ทนทุกข์ทรมานอยู่กับความลำบากเพื่ออะไร ? ชนเผ่าของท่านเสนอจะแต่งตั้งให้ท่านเป็นกษัตริย์  และจะกองทรัพย์สินเงินทองของแผ่นดินไว้แทบเท้าขอเพียงเลิกสั่งสอนศาสนา  และเผยแผ่ความรู้ของท่านเท่านั้น “1”

           “1” ท่านนะบีมุฮัมมัด ได้เผชิญกับมรสุมร้ายด้วยทางแห่งสัจจะ  ท่านต่อสู้ศัตรูและความกดขี่ด้วยรอยยิ้มบนริมฝีปาก  ท่านยืนอยู่อย่างมั่นคง  ไม่หวั่นไหวต่อคำวิจารณ์และการบังคับขู่เข็ญต่าง ๆ นานาด้วยวิธีการที่รุนแรงที่สุด  แต่ไม่อาจทำให้บุรุษผู้นี้  และสาวกของท่านถอยแม้แต่นิ้วเดียว

               ตัวแทนของผู้นำเผ่ากุร็อยช์  ได้มาหาท่านนะบี  และพยายามให้สินบน โดยเสนอจะให้ความรุ่งโรจน์ทางโลกทั้งมวลเท่าที่เขาจะนึกได้  เขากล่าวว่า :

            “ถ้าท่านต้องการครอบครองทรัพย์สมบัติ  เราก็จะหามากองให้ท่านมากมายเท่าที่ท่านจะปรารถนา  ถ้าท่านต้องการจะได้อำนาจและเกียรติยศ  เราก็เตรียมพร้อมที่จะสาบานเข้าเป็นพวกท่าน  โดยยกท่านขึ้นเหนือเจ้านายอื่น ๆ และให้เป็นกษัตริย์ของเรา  ถ้าท่านต้องการหญิงงาม  ท่านก็จะได้พบหญิงสาวที่งามที่สุดตามที่ท่านปรารถนา”

           สิ่งที่เขาเหล่านั้นต้องการคือให้ละทิ้งหน้าที่ของท่าน  ข้อเสนอเหล่านี้ย่อมเป็นเหยื่อล่ออย่างดีสำหรับมนุษย์ธรรมดา  แต่หาได้มีความสำคัญแม้แต่น้อยในสายตาของศาสดาผู้ยิ่งใหญ่  คำตอบของท่านเปรียบเสมือนระเบิดต่อผู้แทนของชนอาหรับ  เขาคาดว่าคงต้องชนะแต่แล้วก็ต้องผิดหวัง

ท่านศาสดา กล่าวว่า
 
            “ได้โปรดเถิด! ข้าไม่ต้องการทั้งเงินทองและอำนาจ ข้าได้รับบัญชาจากพระผู้เป็นเจ้าให้มาเตือนมนุษย์ทั้งหลาย  ข้าได้เปิดเผยพระบัญชาของพระองค์ต่อท่าน  ถ้าท่านรับปฏิบัติท่านก็จะมีความสะดวกสบายและความสุขในชีวิตนี้  และได้รับบรมสุขอันเป็นอมตะในชีวิตหลังจากนี้  ถ้าท่านปฏิเสธ แน่แท้พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเลือกระหว่างท่านและข้า"

              ในครั้งหนึ่งซึ่งถูกบีบคั้นจากผู้นำชาวอาหรับ พยายามที่จะชักชวนให้ละทิ้งงานของท่าน  แต่ท่านได้กล่าวว่ากับลุงของท่านว่า
 
              “คุณลุงที่เคารพ แม้ว่าพวกเขาจะนำดวงอาทิตย์มาใส่ไว้ในมือขวาและดวงจันทร์มาใส่ไว้ในมือซ้ายของหลาน  เพื่อจะให้หลานละทิ้งหน้าที่แล้ว  หลานจะไม่ยอมเลิกเป็นอันขาด  หลานจะไม่ยอมเลิกจนกว่าพระผู้เป็นเจ้าจะทรงบันดาลให้หลานชนะ  หรือว่าหลานจะตายเสียด้วยความพยายามนั้น”

นี่แหละคือคุณลักษณะของนะบี  แห่งศาสนาอิสลาม

            
            ท่านนะบี ปฏิเสธข้อเสนอเหล่านั้น  และยอมทนทุกข์ทรมานแทนเพราะเหตุใดหรือ ? หรือว่าท่านจะได้รับผลประโยชน์มากมาย ถ้าหากว่าประชาชนเหล่านั้นดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องและเคร่งครัดศาสนา  เหตุใดเล่า ! ท่านจึงไม่สนใจความร่ำรวย  ความฟุ่มเฟือย  ตำแหน่งกษัตริย์  เกียรติยศชื่อเสียง ความสบายและความสมบูรณ์พูนสุข  หรือว่าท่านทำเช่นนั้นเพราะหวังผลประโยชน์อื่น ๆ   ผลประโยชน์ทางวัตถุที่ได้รับเสนอมานั้นไม่มีความสำคัญเลยหรือ เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่หวัง มัน
ยิ่งใหญ่และล่อใจมากจนกระทั่งท่านเลือกที่จะเดินเข้ากองไฟและเข้าหาคมดาบ  ยอมทุกข์ทนทรมานใจกายเป็นปี ๆ กระนั้นหรือ การที่จะหาคำตอบนั้นเราจะต้องคิดใคร่ครวญกันอย่างลึกซึ้งที่เดียว

               มีใครบ้างที่จะหาตัวอย่างของการสละความสุขของตัวเอง  ความรู้สึกเห็นใจและความรักเพื่อนมนุษย์ ตลอดจนการที่มนุษย์ผู้หนึ่งยอมทำลายความสุขของตนเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น  ในเมื่อคนเหล่านั้นพากันด่าสาปแช่ง  ขว้างปาขับไล่ไสส่ง  และไม่เคยให้ความสงบสุขแก่ท่านเลยแม้ในขณะที่ท่านถูกเนรเทศ  กระนั้นก็ตามท่านก็ไม่หยุดยั้งความพยายามที่จะช่วยเหลือพวกเขา

               ผู้ที่แสแสร้งและไม่จริงใจจะสามารถทนต่อความยากลำบากเพื่อเหตุอันไม่สมควรได้กระนั้นหรือ ผู้ที่ไม่ซื่อสัตย์หวังกอบโกยประโยชน์ใส่ตนและนักสร้างวิมานจะสามารถแสดงความเข้มแข็ง  เด็ดเดี่ยว  และยึดมั่น  อยู่กับอุดมคติของตนจนวาระสุดท้าย  ไม่หวั่นไหวกระวนกระวายแม้จะเผชิญกับอันตรายและการทรมานนานาประการ เมื่อชนทั้งชาติลุกขึ้นจับอาวุธเพื่อประหัตประหารเขากระนั้นหรือ

               ศรัทธา ความอดทน ความมานะบากบั่นและตั้งใจมั่น ซึ่งท่านได้ใช้นำไปสู่ความสำเร็จนั้นย่อมเป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างดีถึงสัจธรรมอันสูงส่ง  หากจะมีความสงสัยแม้แต่น้อยหรือเกิดความไม่แน่ใจแก่ท่านแล้ว  ท่านก็คงไม่สามารถที่จะฟันฝ่าอุปสรรคที่ประดังเข้ามาอย่างหนักหน่วงตลอดระยะเวลาอันยาวนานถึง 21 ปี

               ที่กล่าวมานี้  เป็นแต่เพียงการเปลี่ยนแปลงเพียงด้านเดียวที่เกิดขึ้นสำหรับนะบีมุฮัมมัด  นะบีแห่งศาสนาอิสลาม ส่วนลักษณะอื่น ๆ นั้นยิ่งน่าสนใจและน่าเรียนรู้มากนัก

จากหนังสือ “มาเข้าใจ ‘อิสลาม’ กันเถิด”

แปลและเรียบเรียง  “จินตนา”