กำเนิดเพชรในตม
  จำนวนคนเข้าชม  7040

กำเนิดเพชรในตม

 


               ได้มีบุรุษหนึ่งถือกำเนิดมาในยุคแห่งความมืดและความโง่เขลา  ท่านผู้นี้กำพร้าบิดามารดาตั้งแต่ยังเยาว์วัย  และอีกสองสามปีต่อมาก็พบกับการสูญเสียปู่ ดังนั้นท่านจึงไม่ได้รับการอบรมและเลี้ยงดู  เหมือนดังที่เด็กชาวอาหรับทั้งหลายได้รับในสมัยนั้น 

          ในวัยเด็กท่านเลี้ยงแพะและแกะอยู่ท่ามกลางเพื่อน ๆ เผ่า “บัดฺวี” เมื่อเจริญวัยขึ้นได้หันมาทำการค้า  กลุ่มชนที่ท่านเกี่ยวข้องและทำธุรกิจด้วยก็มีเฉพาะชาวอาหรับ   ท่านไม่เคยได้รับการศึกษาไม่เคยได้อยู่ในกลุ่มนักปราชญ์    ท่านมีโอกาสที่จะเดินทางออกนอกประเทศแต่การเดินทางก็จำกัดอยู่แต่เพียงบริเวณประเทศซีเรีย  และไม่ใช่เป็นการเดินทางที่พิเศษไปกว่าการติดต่อค้าขายธรรมดาที่กองคาราวานอาหรับทำอยู่ในขณะนั้น  หากท่านจะได้พบปราชญ์หรือมีโอกาสที่จะได้รับรู้ลักษณะของวัฒนธรรมและอารยธรรม  การพบและสังเกตโดยบังเอิญเหล่านั้นก็ย่อมที่จะไม่สามารถส่งเสริมบุคลิกของท่านได้  เพราะว่าสิ่งต่าง ๆ ย่อมไม่อาจทรงอิทธิพลจนกระทั่งสามารถยกให้พ้นจากสภาพแวดล้อม  เปลี่ยนแปลงเขาจนหมดสิ้น  หรือไม่อาจยกขึ้นสู่ความรุ่งโรจน์และหมดความสัมพันธ์กับสังคมที่เขากำเนิดมา  สิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นย่อมไม่อาจจะเป็นทางที่จะได้มาซึ่งความรู้อันกว้างขวางลึกซึ้ง  และสามารถทำให้บุรุษชาวบัดฺวีผู้ไร้การศึกษากลายเป็นผู้นำที่ไม่ใช่แต่เฉพาะในประเทศของตนเท่านั้น  ยังจะเป็นผู้นำของมวลชนเกือบทั้งโลกและทุก ๆ สมัยอีกด้วย

          อันที่จริง! แม้จะคิดว่าการเดินทางมีอิทธิพลต่อท่านนะบีมูฮัมมัด  ทางด้านสติปัญญาและวัฒนธรรมมากเพียงใดก็ตาม  ความจริงที่ว่าอิทธิพลนั้นย่อมจะไม่สามารถเชื่อมความคิดเห็น  กฎของศาสนา  หลักธรรมจรรยา  วัฒนธรรมและอารยธรรมซึ่งไม่เคยมีเลย  และไม่อาจสร้างแบบอย่างที่ประเสริฐสมบูรณ์ในคุณลักษณะของมนุษย์  ซึ่งไม่สามารถที่จะพบได้เลยในสมัยนั้น

           เราได้ศึกษาชีวิตและงานของบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ไม่เฉพาะแต่ในสังคมอาหรับเท่านั้น  แต่ได้ศึกษาสังคมทั้งโลกที่มีอยู่ในระยะนั้น

               ท่านศาสดาแตกต่างไปจากกลุ่มชนรอบ ๆ ตัวท่าน  บุคคลที่พบท่านแต่แรกเกิดซึ่งท่านมีภูมิธรรมอันสูงส่ง  ในวัยรุ่นและวัยฉกรรจ์ท่านไม่เคยกล่าวเท็จ  คนในประเทศทั้งหมดสามารถเป็นพยานได้อย่างเอกฉันท์ถึงความสัตย์ของท่าน  แม้แต่ศัตรูที่ร้ายกาจก็ไม่อาจกล่าวหาในเรื่องการกล่าวเท็จได้  ไม่ว่าในโอกาสใดก็ตามตลอดชีวิตท่านมีวาจาที่สุภาพไม่เคยใช้ภาษาหยาบคายหรือน่าเกลียด  ท่านมีบุคลิกสง่างามและมีลักษณะที่ชนะจิตใจทุกคนที่ได้พบและติดต่อกับท่าน  ในการติดต่อจะดำเนินตามกฎของความยุติธรรมและสุจริตใจ  ท่านดำเนินการค้าอยู่หลายปีและไม่เคยประกอบธุรกิจที่ไม่สุจริต  ทุก ๆคนที่ติดต่อธุรกิจไว้วางใจท่านอย่างเต็มที่  ประชาชนทั้งหมดเรียกท่านว่า “อัล อฺมีน” (ผู้มีความสัตย์และผู้ที่ไว้วางใจได้)  แม้แต่ศัตรูก็ฝากสมบัติอันมีค่าไว้ในความอารักขาของท่าน  ซึ่งท่านก็ได้รักษาความไว้วางใจนั้น

           ท่านเป็นตัวอย่างของการถ่อมตนในสังคมซึ่งไม่มีการถ่อมตนเลยแม้แต่น้อย  ท่านเกิดและได้รับการเลี้ยงดูท่ามกลางกลุ่มชนที่เสพย์ของมึนเมาและการพนันเป็นคุณธรรม  แต่ท่านก็ไม่เคยแตะต้องมันและยุ่งเกี่ยวกับการพนัน  ประชาชนของท่านเป็นพวกที่โง่เขลา  ไร้วัฒนธรรมและไม่สุจริต แต่ตัวท่านเองกลับเป็นตัวแทนของวัฒนธรรมอันสูงส่ง  และความงดงามของคุณลักษณะที่ล้อมรอบด้วยกลุ่มชนที่ไร้ความเมตตาปราณี 

          ท่านมีน้ำใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยความเมตตาธรรมของมนุษย์  ท่านช่วยเหลือเด็กกำพร้าและแม่ม่าย ท่านเป็นเจ้าบ้านที่ดีต่อนักเดินทาง  ท่านไม่เคยทำร้ายใครแต่ยอมทนทุกข์ทรมานเพื่อผู้อื่น  ท่านอยู่ท่ามกลางกลุ่มชนที่เสพย์สงครามเป็นอาหารประจำวันแต่ท่านกลับเป็นผู้รักสันติ ในจิตใจของท่านสลดหดหู่ทุกครั้งที่มนุษย์จับอาวุธขึ้นประหัตประหารกัน  ท่านไม่เคยเข้าร่วมการทะเลาะวิวาทของเผ่า นอกจากนั้นท่านยังเป็นผู้นำประสานรอยร้าวระหว่างชนทั้งหลาย  ท่านได้รับการเลี้ยงดูมาในชนเผ่าที่บูชาเทวรูป  แต่ท่านมีจิตใจที่ผ่องใสและมีวิญญาณที่บริสุทธิ์จนกระทั่งมองไม่เห็นว่าสิ่งใดในสวรรค์หรือในโลกมีค่าควรแก่การบูชานอกจากพระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว  ท่านไม่เคยน้อมศีรษะให้แก่สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นและไม่เคยมีส่วนรวมในการเซ่นสรวงสังเวยรูปปั้น โดยสัญชาตญาณท่านเกลียดการบูชาสิ่งที่ถูกสร้างทุกชนิด  ยกเว้นแต่พระผู้เป็นเจ้าเพียงองค์เดียวเท่านั้น

           กล่าวโดยย่อแล้ว  ลักษณะที่สูงส่งเจิดจรัสของบุรุษผู้นี้  เมื่ออยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมอันมืดมิด  จะเปรียบได้ดั่งประกายเพชรซึ่งทอแสงอยู่ท่ามกลางปลักตม

จากหนังสือ “มาเข้าใจ ‘อิสลาม’ กันเถิด”

แปลและเรียบเรียง  “จินตนา”