อาระเบีย ในห้วงแห่งความมืดมิด
ถ้าจะลองหลับตาและวาดภาพตัวเองให้มีชีวิตย้อนหลังไปอยู่ในโลกเมื่อ 1,400 ปีมาแล้ว เราจะพบโลกอีกโลกหนึ่งซึ่งแตกต่างไปจากโลกปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง สมัยนั้นมนุษย์ไม่มีโอกาสจะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันและอยู่ห่างไกลกันมาก การติดต่อระหว่างกลุ่มชนยังถูกจำกัดและไม่ได้รับการพัฒนา องค์ความรู้ของมนุษย์มีอยู่เพียงเล็กน้อย ส่วนความคิดเห็นและท่าทีต่างๆก็ยังอยู่ในวงแคบ มนุษย์ยังลุ่มหลงอยู่กับไสยศาสตร์และไม่เคยได้รับความรู้สมัยใหม่เลยทุกหนทุกแห่งในสมัยนั้นมีแต่ความมืดมน จะมีก็แต่แสงสลัวของความรู้ซึ่งไม่อาจก่อให้เกิดปัญญาแก่มนุษย์ได้ ไม่มีแม้แต่วิทยุ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ ส่วนรถไฟ รถยนต์ เครื่องบินนั้นเป็นสิ่งซึ่งยังไม่มีใครฝันถึง เครื่องพิมพ์ก็ยังไม่มีโอกาสรู้จัก จะมีแต่การเขียนหรือคัดลอกเท่านั้นที่ใช้ในการเผยแพร่ความรู้ที่มีอยู่แต่เพียงเล็กน้อย จากสมัยหนึ่งไปยังอีกสมัยหนึ่งต่อ ๆ กันไป การศึกษาถือว่าเป็นการฟุ่มเฟือยและมีความหมายอยู่เฉพาะผู้ที่โชคดีที่สุดเท่านั้น
ความรู้ของมนุษย์มีอยู่จำกัด จะมีก็แต่ความรู้ในเรื่องสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเขาเท่านั้นเอง แม้แต่นักการศึกษาก็ยังขาดความรู้บางอย่างที่มนุษย์ชั้นสามัญในปัจจุบันมี คนที่มีวัฒนธรรมสูงสุดก็ยังมีความละเอียดอ่อนและอารยธรรมน้อยกว่าคนเดินถนนในสมัยปัจจุบัน
มนุษยชาติยังลุ่มหลงอยู่ในความโง่เขลาและไสยศาสตร์ ไม่ว่าจะมีแสงสลัวของความรู้ปรากฏขึ้นในที่ใดก็ตาม ดูเหมือนว่าจะต้องต่อสู้กับความมืดมนและโง่เขลาซึ่งปกคลุมอยู่ทั่วไป สิ่งที่มนุษย์ปัจจุบันเห็นว่าเป็นความรู้พื้นๆ เป็นสิ่งที่หามาได้อย่างลำบากยากเย็น แม้ว่าจะใช้เวลาเป็นปี ๆ คิดค้นและเสาะแสวงหาด้วยความอดทน คนเป็นจำนวนมากที่ต้องเสี่ยงเดินทางและต้องใช้เวลาทั้งชีวิตในการแสวงหาความรู้ตื้นๆ ซึ่งเป็นความรู้ที่ตกทอดกันมาสำหรับมนุษย์ยุคปัจจุบัน สิ่งที่เราตัดสินว่าเป็นนิยายหรือไสยศาสตร์ก็เรื่องที่สืบถามกันไม่ได้
ในสมัยนั้น การกระทำที่ถือว่าเป็นการกระทำที่ชั่วร้ายและป่าเถื่อน คือการปฏิบัติตามกฏระเบียบในซีวิตประจำวัน วิธีการที่สกปรกกลับได้รับการยึดถือเป็นหลักสำคัญของคุณธรรมในสมัยก่อน มนุษย์ไม่สามารถคิดที่จะมีทางดำเนินชีวิตที่แตกต่างไปจากนั้น ความงมงายลุ่มหลงได้เข้าครอบคลุมและได้แพร่ขยายออกไป จนกระทั่งประชาชนปฏิเสธที่จะยอมรับสิ่งอื่นว่าดีกว่าหรือประเสริฐกว่า นอกไปเสียจากว่าสิ่งนั้นจะมาในรูปแบบที่ผิดแปลกไปจากธรรมชาติ ผิดไปจากธรรมดาสามัญเป็นสิ่งประหลาดและไม่สามารถจะยึดถือครอบครองได้ มนุษย์ติดอยู่กับความรู้สึกที่ต่ำต้อย จนไม่อาจจะคิดได้ว่า มนุษย์ธรรมดานั้นสามารถที่จะมีชีวิตที่บริสุทธิ์ในทางของพระผู้เป็นเจ้า และไม่คิดว่านักบุญนั้นจะเป็นมนุษย์ธรรมดาๆนี่เอง
ในยุคนั้น ได้มีดินแดนอีกแห่งหนึ่งซึ่งมีความมืดและความโง่เขลาปกคลุมอยู่อย่างหนาทึบ ประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ เช่นเปอร์เซีย ไบแซนติน และอียิปต์ ต่างมีวัฒนาธรรมของตนเองและยังได้รับแสงแห่งความรู้บ้างแม้จะมีความสลัว แต่ดินแดนอาระเบียกลับไม่ได้รับอิทธิพลของวัฒนธรรมเหล่านั้นเลย อาระเบียตั้งอยู่โดดเดียว ถูกตัดออกจากสังคมอื่นด้วยผืนทรายอันกว้างใหญ่ พ่อค้าชาวอาหรับเดินทางด้วยความอดทนเป็นระยะทางไกลซึ่งกินเวลาเป็นเดือน ๆ บรรทุกสินค้าไปมาระหว่างประเทศต่าง ๆ แต่ไม่สามารถที่จะหาความรู้จากการเดินทางได้ ในประเทศของพวกเขาเองก็ไม่มีสถาบันการศึกษาสักแห่งเลย หรือห้องสมุดแม้แต่แห่งเดียวก็ไม่ปรากฏ ไม่มีใครที่จะสนใจในวัฒนธรรมหรือความก้าวหน้าทางความรู้ ชนกลุ่มน้อยที่มีการศึกษาก็มีไม่มากพอที่จะปรับปรุงความรู้ทางวิทยาศาสตร์และทางศิลปะซึ่งมีอยู่ในขณะนั้น ชาวอาหรับเป็นเจ้าของภาษาที่สูงส่ง สามารถที่จะแสดงความรู้อันลึกซึ้งของมนุษย์ออกได้อย่างชัดแจ้ง และยังมีรสนิยมทางวรรณคดีสูง แต่จากการศึกษาสิ่งที่หลงเหลือจากวรรณคดีของชาวอาหรับ จะเห็นได้ถึงความรู้อันจำกัด วัฒนธรรมและอารยธรรมที่ต่ำกว่ามาตรฐาน การลุ่มหลงอยู่กับไสยศาสตร์ความป่าเถื่อนและดุร้ายที่แฝงอยู่ในความคิดและประเพณีต่าง ๆ ของชนสมัยนั้น
อาระเบียเป็นประเทศที่ไม่มีรัฐบาล กลุ่มชนเผ่าต่างประกาศตนเป็นใหญ่ เป็นอิสระไม่ขึ้นกับใคร ไม่มีกฎหมายนอกจากกฎหมายป่า การแย่งชิง การปล้นสดมภ์ เผาทรัพย์สินและฆาตกรรมผู้ที่อ่อนแอเป็นประจำวัน ชีวิตทรัพย์สมบัติ และเกียรติยศขึ้นอยู่กับโชคชะตา ต่างเผ่าต่างทำการรบพุ่งกันอยู่เสมอ เหตุการณ์แม้แต่เพียงเล็กน้อยก็เพียงพอที่จะเป็นชนวนสงครามรบพุ่งกันใหญ่โต ซึ่งบางครั้งทำให้เกิดสงครามระหว่างประเทศลุกลามเป็นเวลาหลายสิบปี ที่จริงแล้ว ชนเผ่าเบดูอิน (บัดฺวี) ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงต้องปล่อยชนเผ่าอื่นไปทั้ง ๆ ที่เขามีสิทธิที่จะฆ่าและปล้นได้
ไม่ว่าศีลธรรม วัฒนธรรมและอารยธรรมในด้านใดก็ตามที่มีอยู่ในเวลานั้น เป็นสิ่งที่ยังป่าเถื่อนและโง่เขลาอยู่มาก และแถบจะแยกไม่ออกว่าสิ่งใดสุจริตและสิ่งใดทุจริต สิ่งใดถูกกฎหมายและสิ่งใดขัดต่อกฎหมาย สุภาพหรือไม่สุภาพ ชีวิตและการกระทำของพวกเขาหมกมุ่นอยู่ในกามารมณ์ การพนัน และการเสพของมึนเมา การช่วงชิง การปล้นสะดม และการฆาตกรรมเป็นคติประจำใจและกิจวัตรประจำวัน เขาอาจจะยืนเปลือยกายอยู่ต่อหน้ากันโดยปราศจากความละอายเลยแม้แต่น้อย แม้แต่สตรีก็สามารถเปลือยกายได้ในพิธีเวียนรอบกะอ์บะฮ์ สิ่งหนึ่งที่เห็นได้จากความเชื่อถืออันโง่เขลาของชนเหล่านี้ คือการฝังบุตรสาวทั้งเป็นถ้าไม่มีใครยอมเป็นบุตรเขย เขาจะสมรสกับมารดาเลี้ยงเมื่อบิดาถึงแก่กรรม ชนอาหรับเหล่านี้เป็นคนป่าเถื่อนในทุก ๆ ทาง แม้แต่ในการปฏิบัติภารกิจประจำวัน เช่นการกินอยู่ การแต่งกายและการทำความสะอาด
ถ้าจะกล่าวถึงความเชื่อถือในเรื่องศาสนา ชาวอาหรับเหล่านี้ตกอยู่ในความชั่วร้ายเช่นเดียวกับที่ชนทุก ๆ กลุ่มกำลังประสบอยู่ กล่าวคือ เขาเคารพบูชาหิน ต้นไม้ รูปปั้น ดวงดาว และภูตผี บูชาทุก ๆ สิ่งที่สังเกตเห็นได้นอกจากพระผู้เป็นเจ้า เขาไม่ได้รู้ถึงคำสอนของท่านนะบีพยากรณ์ พวกเขารู้แต่ว่าอิบรอฮีมและอิสมาอีลเป็นบรรพบุรุษของพวกเขา แต่ไม่ได้ล่วงรู้ถึงคำสั่งสอนของท่านเหล่านั้น และไม่รู้จักพระเจ้าซึ่งท่านเคารพภักดี เรื่องราวพวกอาด และษะมูด ได้ปรากฏอยู่ในนิยายพื้นเมืองแต่มิได้ปรากฏร่องรอยคำสั่งสอนของนะบีฮูดและนะบีศอลิหฺ พวกยิวและคริสเตียนได้ถ่ายทอดตำนานและนิยายพื้นเมือง ซึ่งเกี่ยวกับนะบี(ศาสดาพยากรณ์)ของอิสรออิลให้แก่ชนอาหรับด้วยคำสอนที่ถูกปรับปรุงเจือปนด้วยความนึกฝัน และแต่งเติมของชนเหล่านั้น ชีวิตของอัมบิยาอ์ (ศาสดา) ทั้งหลายถูกระบายป้ายสีจนไม่มีเค้าของเดิมแม้กระทั่งปัจจุบัน เราอาจจะพบหลักความเชื่อถือทางศาสนาได้จากประเพณีต่าง ๆ ของอิสรออีล ซึ่งผู้บรรยายกุรฺอานชาวมุสลิมได้แถลงให้เราทราบ อันที่จริงแล้วเรื่องราวที่ได้รับการเปิดเผยเกี่ยวกับความเป็นนะบี (ศาสดา) และลักษณะต่างๆ ที่ชาวอิสรออีลได้กล่าวไว้นั้นเป็นเรื่องที่ตรงกันข้ามกับความเป็นจริง
จากหนังสือ มาเข้าใจ อิสลาม กันเถิด
แปลและเรียบเรียง จินตนา