ทำไมถึงต้องเป็นชนชาติอาหรับ ?
  จำนวนคนเข้าชม  6128

ทำไมถึงต้องเป็นชนชาติอาหรับ ?


            
            ถ้าเราจะเหลือบมองดูแผนที่โลก  เราก็จะพบว่าไม่มีชนชาติใดเลย  ที่เหมาะสมจะมีศาสนามากไปกว่าชนชาติอาหรับ  ประเทศอาหรับตั้งอยู่ในส่วนกลางของเอเชีย  และอาฟริกา  และอยู่ไม่ไกลจากยุโรปมากนัก ในสมัยนั้น ประเทศที่เจริญรุ่งเรืองและก้าวหน้าเหนือประเทศอื่นในทวีปยุโรปจะตั้งอยู่ทางตอนใต้ของคาบสมุทรยุโรป  และมนุษย์ที่อยู่ทางแถบนี้จึงอยู่ห่างไกลจากอาระเบีย จึงเห็นได้ว่าอาระเบียนั้นได้ตั้งอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของโลกเลยทีเดียว เมื่อมองดูในแง่ประวัติศาสตร์ในยุคนั้นท่านก็จะพบว่า  ไม่มีชนกลุ่มใดอื่นจะเหมาะสมที่จะมีนะบี  ซึ่งเป็นผู้ชี้นำทางยิ่งไปกว่าชนชาวอาหรับเลย
             

            ชาติใหญ่ๆในโลกได้พยายามต่อสู้อย่างมากมายที่จะให้ได้มาซึ่งความยิ่งใหญ่ในโลก  และใช้ระยะเวลาที่ยาวนาน และไม่มีการสิ้นสุด พวกเขาได้ใช้กำลังและความปราดเปรียวให้หมดสิ้นไป ในขณะที่ความเจริญทางสังคมได้ทำให้เกิดประเพณีที่ไม่ดีงามขึ้นในกลุ่มชาติอื่นๆที่เจริญขึ้น  แต่ไม่ปรากฏว่าได้มีวิวัฒนาการทางสังคมขึ้นในประเทศอาหรับเลย

           ชาวอาหรับเป็นพวกที่กระตือรือร้นและมีความกล้าหาญ  จึงอยู่ห่างไกลจากความเกียจคร้านความเสื่อมและการปฏิบัติทางอารมณ์ซึ่งเกิดมาจากความฟุ่มเฟือยและความอิ่มตัวทางรูป รส กลิ่น เสียง ในศตวรรษที่ 5 แม้แต่พวกนอกศาสนาชาวอาหรับเอง  ก็ยังไม่ได้รับอิทธิพลทางความชั่วของระบอบสังคมที่ปรุงแต่งขึ้นและอารยธรรมของชาติใหญ่ๆในโลก  เขายังคงมีคุณธรรมอันสูงส่ง ซึ่งยังไม่ได้ทำให้มัวหมองไปด้วยความเจริญทางสังคมซึ่งพวกเขาน่าจะถูกครอบงำในสมัยนั้น ชาวอาหรับเป็นคนกล้าหาญปราศจากความกลัว  เป็นคนใจกว้างโอบอ้อมอารียึดมั่นอยู่กับคำมั่นสัญญา  เป็นผู้รักอิสระ  ส่วนทางการเมืองก็เป็นเอกเทศมิได้ขึ้นอยู่กับประมุขคนใดคนหนึ่งของจักรวรรดิใด  พวกเขาดำรงชีวิตอยู่อย่างง่ายๆ และไม่เคยชินกับชีวิตที่มีแต่ความฟุ่มเฟือยและการทำตามใจชอบ  ไม่ต้องสงสัยเลยว่าย่อมจะไม่มีลักษณะอันพึงประสงค์อยู่ในชีวิตของพวกเขา เป็นเวลานับพันๆปีที่ไม่มีนะบีอยู่ท่ามกลางพวกเขา  ไม่มีแม้กระทั่งนักปฏิรูป และพยายามขจัดสิ่งที่ไม่ดีงามและมลทินทั้งหลายออกจากชีวิตพวกเขา
             
             การมีชีวิตอยู่อย่างเป็นอิสระและเป็นเอกเทศท่ามกลางทะเลทราย ได้ทำให้เกิดความโง่เขลาเป็นอย่างมากในระหว่างกลุ่มชน  ดังนั้นชาวอาหรับจึงเป็นพวกที่ใจเย็นและยึดมั่นอยู่กับประเพณีที่งมงาย จนกระทั่งการที่จะฝึกฝนอบรมให้เขาเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ขึ้นมานั้น  เป็นงานชิ้นใหญ่สำหรับมนุษย์ธรรมดาๆเลยทีเดียว อย่างไรก็ดีในขณะเดียวกันชาวอาหรับเหล่านี้ก็ยังเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงคุณสมบัติอยู่อย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นลักษณะการเตรียมพร้อมที่จะรับ ถ้าหากมีผู้มีอำนาจพิเศษที่จะชักนำพวกเขาไปสู่การเปลี่ยนแปลงและปรับปรุง  พร้อมทั้งให้ความคิดที่สูงส่งและเตรียมทางที่สมบูรณ์ให้  พวกเขาก็สามารถที่จะรับการปรับปรุงและพร้อมที่จะปฏิบัติการทุกอย่างเพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายโดยไม่ต้องวุ่นวายหรือต้องเสียเลือดเนื้อแม้แต่น้อย  พวกเขาได้รับการตระเตรียมไว้ที่จะเผชิญกับเหตุการณ์ต่างๆ  แท้จริงกลุ่มชนที่ยังไม่ถูกครอบงำจากอารยธรรมภายนอก  มีพลกำลังและกล้าหาญเหล่านี้เป็นที่ต้องการสำหรับการเผยแผ่คำสอนของนะบีมุฮัมมัด 
              

          เมื่อพิจารณาถึงชนชาติอาหรับและได้ศึกษาลึกลงไปถึงวรรณคดีอาหรับแล้ว  ท่านก็จะเชื่อแน่ว่าไม่มีภาษาอื่นนอกจากภาษาอาหรับที่เหมาะสม  ในการใช้อธิบายความคิดอันสูงส่ง  ภาษาอาหรับเท่านั้นที่เหมาะสมในการใช้อธิบายปัญหาที่ละเอียดลึกซึ้งอันเกี่ยวกับความรู้ในพระเจ้า  นอกจากนั้นภาษาอาหรับยังเป็นภาษาที่เหมาะที่จะดลใจมนุษย์  และกล่อมเกลาให้อยู่ในความจงรักภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า  เพียงแต่วลีและประโยคสั้นๆ ก็สามารถที่จะแสดงความหมายได้มากมาย  อีกทั้งยังทรงอิทธิพลจนสามารถที่จะแทรกซึมเข้าไปในจิตใจของมนุษย์  เพียงเสียงสำเนียงยังสามารถเรียกน้ำตาและความปรีดาจากมนุษย์ได้  ภาษาอาหรับเป็นภาษาที่หวานซาบซึ้ง  จนกระทั่งทำให้ผู้ฟังรู้สึกเหมือนมีหยดน้ำผึ้งมากรอกหู  นอกจากนั้นภาษาอาหรับยังมีความผสมกลมกลืนจนทำให้ทุกโสตประสาทของคนฟังได้รับการกระตุ้นจากความคล้องจองผสมกลมกลืน  ภาษาอาหรับเป็นภาษาซึ่งสมบูรณ์และมีพลังเหมาะสมที่จะใช้สำหรับอัลกุรอาน  ซึ่งเป็นพจนารถของพระผู้เป็นเจ้า
             

            ดังนั้น การที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกดินแดนประเทศอาหรับซึ่งเป็นที่เกิดของนะบีของโลก  จึงเป็นการแสดงให้เห็นถึงความรอบรู้อันยิ่งใหญ่ของพระองค์ 

 

จากหนังสือ “มาเข้าใจ ‘อิสลาม’ กันเถิด”

แปลและเรียบเรียง  “จินตนา”