มนุษย์ และ นะบี เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
แปลและเรียบเรียง “จินตนา”
ขณะนี้ขอให้เราหันมาสนใจกับ เรื่องราวของความเป็นนะบี ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ? และทำอย่างไรจึงได้ขยายตัวออกทีละน้อยๆ จนในที่สุดบรรลุถึงจุดสูงสุดแห่งความเป็นนะบี ในสมัยของนะบีมุฮัมมัด
มนุษย์ชาตินั้นเกิดขึ้นจากมนุษย์คนแรกคือ "อาดัม" จากอาดัมนี่เองที่ครอบครัวมนุษย์ได้เจริญเติบโตขึ้นและมนุษยชาติได้เพิ่มจำนวนมากขึ้น มนุษย์ทุกคนในโลกนี้ต่างก็สืบเชื้อสายมาจากมนุษย์คู่แรก คือ อาดัมและฮาวา (อีฟ) ทั้งทางประวัติศาสตร์และทางศาสนาต่างยอมรับความจริงข้อนี้ และจากการสำรวจทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับกำเนิดของมนุษย์ ได้แสดงให้เห็นว่ามนุษย์ไม่ได้เกิดมาจากเผ่าพันธุ์ต่างกัน นักวิทยาศาสตร์ส่วนมากคาดการณ์ว่ามีมนุษย์คนหนึ่งเกิดขึ้นมาก่อน และเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหลายได้สืบเชื้อสายมาจากมนุษย์ผู้นั้น
“อาดัม” มนุษย์คนแรกในโลกก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนะบีท่านแรกของพระผู้เป็นเจ้า เช่นกัน พระองค์ได้ทรงประทานศาสนาอิสลามของพระองค์ให้แก่อาดัม และสั่งให้อาดัมนำหลักศาสนาไปเผยแผ่แก่ผู้สืบเชื้อสาย โดยให้สั่งสอนว่าอัลลอฮ์เป็นพระเจ้าองค์เดียว พระองค์เป็นผู้สร้างผู้ปกปักษ์รักษาโลก พระองค์เป็นใหญ่ในจักรวาล และพระองค์เท่านั้นควรเป็นที่เคารพภักดีและปฏิบัติตาม แล้ววันหนึ่งเขาจะต้องกลับไปหาพระองค์ พระองค์เท่านั้นที่เขาจะวิงวอนขอความช่วยเหลือ เขาควรดำรงชีวิตอยู่ด้วยความดี-เคร่งครัดในศาสนา และปฏิบัติในทางที่ถูกต้องตามพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ถ้าเขาปฏิบัติตามนั้นแล้วพระองค์จะทรงมีรางวัลตอบแทน แต่ถ้าหากเขาหันเหไปจากทางของพระองค์และไม่ยอมปฏิบัติตามพระองค์แล้ว เขาก็จะเป็นผู้ที่ขาดทุน และต่อจากนั้นไปเขาจะถูกลงโทษในฐานะที่ไม่ศรัทธาและดื้อดึง
ผู้สืบเชื้อสายของอาดัมซึ่งเป็นคนดีได้ปฏิบัติตามที่อาดัมได้ชี้แนะไว้ แต่พวกที่ชั่วร้ายไม่ยอมฟังคำสั่งสอนของบิดาค่อยๆ หันเหไปในทางที่ชั่ว บางคนเริ่มบูชาดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว บ้างก็บูชาต้นไม้ สัตว์และแม่น้ำ บางกลุ่มก็เชื่อว่าอากาศ น้ำ ไฟ สุขภาพที่สมบูรณ์ ความดีงามและกำลังต่างๆ ของธรรมชาตินั้นต่างก็อยู่ในความคุ้มครองของเทพเจ้าต่างๆ กัน และทางที่จะเอาใจเทพเจ้าเหล่านั้นก็คือ การบูชา และโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์จึงได้เกิดศรัทธาต่างๆ ขึ้นมามากมาย อันได้แก่การบูชาพระเจ้าหลายองค์ และการบูชารูปเคารพ นอกจากนั้นยังได้เกิดศาสนาต่างๆ ขึ้นอีกมากมาย
ยุคนี้เองเป็นยุคที่เชื้อสายของอาดัมได้แผ่กระจายไปทั่วโลก ได้จัดตั้งเผ่าพันธุ์และชาติต่างๆขึ้นมากมาย และแต่ละชาติก็ได้ตั้งลัทธิศาสนาของตน มีรูปแบบและวิธีการปฏิบัติทางศาสนาของตนเอง มนุษย์เหล่านั้นต่างพากันหลงลืมพระผู้เป็นเจ้าผู้ซึ่งเป็นใหญ่และเป็นผู้สร้างมนุษย์และจักรวาลจนหมดสิ้น ไม่ใช่แต่เพียงเท่านั้นเชื้อสายของอาดัมยังลืมแม้กระทั่งทางดำเนินชีวิตซึ่งพระผู้เป็นเจ้าได้ทรงเปิดเผย โดยให้ทราบแต่เพียงแนวทางที่บรรพบุรุษได้สั่งสอนไว้ มนุษย์เหล่านั้นได้ทำตามอำนาจฝ่ายต่ำของตนเอง ประเพณีที่ไม่ดีงามทุกชนิดได้เพิ่มมากขึ้นและเป็นบ่อเกิดแห่งอวิชา ซึ่งได้แผ่ปกคลุมไปทั่ว พวกเขามองเห็นความชั่วเป็นความดี และไม่ใช่แต่เพียงละเลยการกระทำดีเท่านั้น เขายังมองความดีกลายเป็นความชั่วอีกด้วย
ต่อมาพระผู้เป็นเจ้าจึงเริ่มเลือกนะบีจากกลุ่มชนทุกๆกลุ่ม เพื่อให้ได้เผยแผ่ระบอบอิสลามให้แก่ชนเหล่านั้น นะบีแต่ละท่านได้กล่าวย้ำและฟื้นฟูคำสอนที่มนุษย์หลงลืมละเลยไป ท่านนะบีได้สอนให้รู้จักเคารพภักดีพระผู้เป็นเจ้า และให้ยุติการบูชารูปเคารพและการชิรฺก กล่าวคือ การบูชาเทพเจ้าอื่นๆนอกจากอัลลอฮ์ ให้ละทิ้งประเพณีที่โง่เขลา สั่งสอนให้มวลมนุษย์ดำรงชีวิตอยู่ในทางที่ถูกต้องตามพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ให้ได้รู้กฎของกการดำรงชีวิตและการปฏิบัติตนในสังคม
นะบีที่แท้จริงของพระผู้เป็นเจ้า ได้รับเลือกขึ้นในทุกๆ ประเทศในทุกๆ ดินแดนและกลุ่มชน นะบีทั้งหลายยึดถือศาสนาเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น และศาสนานั้นก็คือ “อิสลาม” ไม่ต้องสงสัยเลยว่าวิธีการสั่งสอน และประมวลคำสอนของนะบีแต่ละท่านจะแตกต่างกันไปบ้างตามความเหมาะสม ความต้องการและสภาพของขนบธรรมเนียมประเพณีของกลุ่มชน คำสอนแต่ละแบบเป็นผลสืบเนื่องมาจากความชั่วร้ายที่นะบีได้พบประสบอยู่ และพยายามที่จะกำจัดความชั่วร้ายให้หมดสิ้นไป วิธีการที่จะปฏิรูปสังคมของแต่ละท่านก็ย่อมแตกต่างกันออกไปตามความเหมาะสม เพื่อที่จะให้สามารถต่อต้านความคิดเห็นของชนแต่ละกลุ่มได้
ถ้าสังคมมนุษย์ยังอยู่ในลักษณะที่ป่าเถื่อน อยู่ในระยะแรกของความเจริญและวิวัฒนาการทางสติปัญญา กฎเกณฑ์ต่างๆ ก็คงต้องเป็นเพียงกฎง่ายๆ วิวัฒนาการและกฎเกณฑ์ต่างๆ จะได้รับการขยายและปรับปรุงให้ดีขึ้น ต่อเมื่อสังคมนั้นขยายใหญ่ขึ้นหรือก้าวหน้าขึ้น อย่างไรก็ตามความแตกต่างเพียงดูเหมือนว่าแตกต่างแต่มันเป็นเพียงผิวเผินเท่านั้น พื้นฐานแห่งการสั่งสอนของศาสนาทุกศาสนานั้น ก็เป็นแบบเดียวกันคือให้เชื่อมั่นในความเป็นหนึ่งของพระผู้เป็นเจ้า ให้ยึดมั่นอยู่กับชีวิตที่ทรงคุณธรรมในทางศาสนา ความดี ความสันติ ให้เชื่อถือชีวิตอีกชีวิตหนึ่งภายหลังความตายและความเที่ยงแท้ แห่งการได้รับรางวัล และ การถูกลงโทษ
จากหนังสือ “มาเข้าใจ ‘อิสลาม’ กันเถิด”