การเป็นเพื่อนและแฟนระหว่างชายกับหญิง
คำถาม
ผมเป็นวัยรุ่นอายุสิบห้าปี ผมรู้ว่าการมีแฟนอาจจะทำให้เกิดความเสียหายต่อครอบครัว แต่จะเป็นไรหรือไม่ถ้าหากเราจะคบกันเป็นแค่เพื่อนอย่างลับๆ โดยไม่ให้ใครรู้ด้วยวิธีนี้ผมรับประกันว่าเราสามารถที่จะรักษาความสัมพันธ์ได้และไม่กระทำผิดประเวณีจนกว่าจะถึงเวลาของการแต่งงาน ไม่ทราบว่ากรณีแบบนี้เคยมีหรือไม่ในเรื่องราวของความรักในสมัยก่อน ?
คำตอบ
ประการแรก
การเป็นแฟนไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับครอบครัวเพียงเท่านั้น ทว่ามันยังจะสร้างความเสียหายให้กับสังคมด้วย ผู้ที่เล่นแฟนถูกสัญญาว่าต้องได้รับการลงโทษความพิโรธ และการชำระโทษจากอัลลอฮฺ การเล่นแฟนเป็นโรคที่ทำลายหัวใจ และนำไปสู่ความลามาที่ต่ำทรามและความผิด ชัยฏอนจะคอยชักใยและเปิดทางให้ผู้ที่เล่นแฟนหลงตามจนกระทั่งกระทำซินาในที่สุด
เรื่องนี้มีข้อเสียที่ต้องระวังมากมาย อาทิ การละเมิดต่อเกียรติของผู้อื่น การทำลายความไว้วางใจ การอยู่สองต่อสอง การสัมผัสกัน การจูบ การพูดด้วยถ้อยคำที่ลามก และท้ายที่สุดคือการกระทำผิดประเวณี
สิ่งที่ผู้ถามกล่าวว่า “โดยไม่ให้ใครรู้” นั้น เป็นสิ่งที่แปลกยิ่ง เหตุใดที่เขาลืมนึกถึงพระผู้อภิบาลของเขาที่ทรงรู้ความลับและสิ่งที่ซ่อนเร้น และทรงรู้สิ่งที่ลวงตาและสิ่งที่ซ่อนไว้ในอกเล่า ?
ดังนั้น เราจึงขอตักเตือนท่าน ซึ่งยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของวัยรุ่น ให้เอาใจใส่ต่อหัวใจของท่านด้วยการปลูกฝังและบ่มเพาะมันบนการเชื่อฟังต่ออัลลอฮฺและคำนึงถึงพระองค์อยู่เสมอ ให้ยำเกรงต่ออัลลอฮฺไม่ล่วงละเมิดต่อเกียรติของผู้อื่น ให้มุ่งมั่นปฏิบัติความดีเพื่อวันที่ท่านต้องพบกับพระผู้อภิบาลของท่านด้วยงานต่างๆ ของท่าน ให้ระลึกถึงความลับที่ต้องถูกเปิดเผยทั้งในดุนยาและอาคิเราะฮฺ ให้ท่านรู้ว่าท่านเองก็มีพี่สาวน้องสาว และสักวันหนึ่งท่านเองก็จะต้องมีภรรยาและบุตรสาว ท่านจะยอมรับให้พวกเธอเหล่านั้นคนใดคนหนึ่งถูกกระทำเหมือนที่ท่านได้กระทำกับผู้หญิงคนอื่นๆ หรือไม่ ?
แน่นอนว่าท่านย่อมต้องไม่ยินดีด้วย คนอื่นก็ไม่ยินดีที่จะให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นกับพี่น้องและลูกสาวของพวกเขาเช่นเดียวกัน พึงทราบเถิดว่า ท่านอาจจะเห็นผลกรรมของความชั่วของท่านปรากฎอยู่กับคนในครอบครัวของท่านบางคนก็เป็นได้ ซึ่งเป็นการลงโทษที่อัลลอฮฺทรงให้ประสบกับท่านเนื่องจากความผิดนั้น
ท่านควรต้องเลือกคบเพื่อนที่ดี และง่วนอยู่กับสิ่งที่อัลลอฮฺรักและโปรดปราน จงให้ความสำคัญกับสิ่งที่มีคุณค่าสูงส่ง จงเพิกเฉยต่อสิ่งที่ต่ำต้อยและไร้ค่า จงใช้เวลาในวัยหนุ่มของท่านในการปฏิบัติความดีและเชื่อฟังอัลลอฮฺ การค้นหาความรู้และเชิญชวนสู่อัลลอฮฺ จงทราบเถิดว่า ในอดีตนั้น มีผู้คนที่อยู่ในวัยเดียวกับท่าน บางคนอาจจะมีอายุน้อยกว่าท่านด้วยซ้ำ ได้ท่องจำอัลกุรอานและหาความรู้ และถูกส่งโดยท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ให้เป็นดาอีย์ผู้เชิญชวนสู่อัลลอฮฺและเรียกร้องผู้คนสู่การน้อมรับศาสนาอิสลาม
เราขอสั่งเสียให้ท่านแต่งงานด้วยหญิงที่ดีมีศาสนา ที่ช่วยดูแลศาสนาของท่าน และคอยให้กำลังใจเพื่อให้ท่านดำเนินตนอยู่บนบทบัญญัติของอัลลอฮฺ เป็นคนที่คอยดูแลลูกๆ ของท่านและอบรมเลี้ยงดูพวกเขาให้มีจริยธรรมและศาสนา
จงอย่าสนใจผู้หญิงที่ยินดีออกนอกบ้านไปกับชายอื่นที่ไม่อนุญาตให้นางไปพบและสนทนาด้วย เพราะคนที่ยินดีทำเช่นที่ว่า ยังจะมีสิ่งใดห้ามนางไม่ให้ทำเช่นนั้นได้อีกในอนาคต ?
พึงระลึกว่า แท้จริงท่านได้ทำให้พระผู้อภิบาลของท่านพิโรธด้วยการทำมะอฺศิยะฮฺเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นด้วยการอยู่สองต่อสอง การพบปะ การพูดคุยและสนทนา รวมทั้งพฤติกรรมเลวทรามที่ใหญ่หลวงกว่าที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้น
และพึงทราบเถิดว่า ซินานั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับอวัยวะเพศเท่านั้น แต่ตาก็ทำซินาได้ หูก็ทำซินา มือก็ทำซินา และเท้าก็ทำซินา เช่นที่มีรายงานยืนยันจากท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นเป็นบทนำสู่การซินาของอวัยวะเพศ ดังนั้น อย่าปล่อยให้ชัยฏอนล่อลวงท่านได้ เพราะแท้จริงมันเป็นศัตรูของท่าน มันปรารถนาให้ท่านประสบกับสิ่งที่ชั่วร้าย และคอยสั่งให้ท่านทำสิ่งที่เลวทรามและความผิดบาป
ท่านเชค มุหัมมัด บิน ศอลิหฺ อัล-อุษัยมีน กล่าวว่า
“การติดต่อสัมพันธ์ระหว่างสองคนที่รักกันโดยไม่ถูกต้องตามหลักศาสนานั้น นี่แหละคือ หายนะ มันเปรียบดังการตัดคอและแทงหลัง ดังนั้น จึงไม่อนุญาตให้ผู้ชายติดต่อกับผู้หญิง หรือผู้หญิงติดต่อกับผู้ชาย โดยอ้างว่าเขาต้องการแต่งงานกับนาง แต่ที่ถูกคือเขาต้องบอกให้ผู้ปกครองทราบว่าเขาปรารถนาที่จะแต่งงานกับนาง หรือให้นางเป็นคนบอกแก่ผู้ปกครองว่าต้องการแต่งงานกับเขา เป็นต้น
เช่นที่ท่าน อุมัร เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ปฏิบัติ เมื่อครั้งที่ได้เสนอลูกสาวของท่านที่ชื่อ หัฟเศาะฮฺแก่อบูบักรฺและอุษมาน เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา ส่วนการที่ผู้หญิงทำการติดต่อกับผู้ชายโดยตรงนั้นเป็นสิ่งที่จะก่อให้เกิดฟิตนะฮฺ”
อ้างจาก “อัสอิละฮฺ อัล-บาบิล มัฟตูหฺ” คำถาม หมายเลข 868
ประการที่สอง
คำถามที่ท่านบอกว่ามีกรณีเช่นนี้ในเรื่องเล่าสมัยก่อนนั้น แท้จริง การมีอยู่ของเรื่องเล่าเหล่านั้นไม่ได้เป็นข้ออ้างที่สามารถนำมาใช้ได้กับหลักการทางศาสนบัญญัติเพราะการชี้ขาดว่าสิ่งใดต้องห้ามหรือสิ่งใดอนุมัตินั้นต้องนำมาจากหลักฐานของอัลกุรอานและซุนนะฮฺ และเนื้อหาที่มีอยู่ในนั้น ไม่ว่าจะคำเป็นคำสั่งใช้หรือคำสั่งห้าม
บางเรื่องเล่าที่ท่านยกมาอ้างนั้นเป็นเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นก่อนอิสลาม เช่นเรื่องของอันตะเราะฮฺและคนอื่นๆ เรื่องเล่าแบบนี้ก็มีปรากฏอยู่ในวัฒนธรรมอื่นๆ ด้วย ซึ่งมันเป็นสิ่งที่รู้กันอยู่แล้ว ซึ่งมันมิอาจจะนำมาใช้เป็นหลักฐานทางศาสนาได้ เพราะอิสลามเป็นศาสนาที่มาเพื่อปลดปล่อยมนุษย์จากอารมณ์ใฝ่ต่ำของมนุษย์ สู่การนอบน้อมภักดีต่ออัลลอฮฺพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก
เราขอต่ออัลลอฮฺให้ประทานทางนำและการบรรลุเป้าหมายแห่งความสำเร็จแก่ท่าน
ผู้แปล : ซุฟอัม อุษมาน / Islam House
www.islamqa.com ฟัตวาหมายเลข 20949