กุฟร์ คือ ทรราช
ไม่ใช่แต่เพียงการปฏิเสธเท่านั้น กุฟรฺ มีอีกความหมายคือการเป็น"ทรราช" และเป็นทรราชที่เลวที่สุดเสียด้วย อะไรเล่าคือ ทรราช ทรราช คือการให้อำนาจในทางที่โหดร้ายและไม่ยุติธรรม ถ้าท่านบังคับสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้กระทำอย่างไม่ถูกต้อง หรือให้กระทำสิ่งที่ขัดกับธรรมชาติของตัวมันเองแล้ว สิ่งนั้นก็คือทรราช......เป็นทรราชเต็มตัวเลยทีเดียว
เราได้เห็นมาแล้วว่าทุกสิ่งในจักรวาลนั้น ทำตามความประสงค์ของพระผู้อภิบาล พระผู้สร้าง การยอมทำตามหรือดำรงชีวิตอยู่ตามความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า และตามกฎของพระองค์ หรือจะพูดอย่างย่อๆในความเป็นมุสลิม คือ การปฏิบัติตามบทบัญญัติของอัลลอฮ์ และรอซูลของพระองค์ ในธรรมชาติที่แท้จริงพระผู้อภิบาลได้ให้อำนาจนั้นดำเนินตามความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าทั้งสิ้น แต่คนที่ไม่ยอมทำตามพระผู้เป็นเจ้า และเอนเอียงไปทางกุฟรฺนั้น เป็นผู้ซึ่งปฏิบัติผิดพลาดอย่างยิ่ง (ไม่ถูกต้อง)
เพราะว่าเขาไม่ได้ใช้อำนาจทั้งทางร่างกายและจิตใจ ในการต่อต้านธรรมชาติ และกลายเป็นเครื่องมืออันไม่ค่อยจะเต็มใจ ของความดื้อดึงไม่เชื่อฟัง เขาบังคับตัวเองให้ก้มศีรษะเพื่อสิ่งอื่นๆ นอกเหนือไปจากพระผู้อภิบาล และพยายามปลูกฝังความรักความเกรงกลัวอำนาจนั้นๆ โดยไม่แยแสต่อสภาพดั้งเดิมตามธรรมชาติในร่างกายของเขาเอง ใช้อำนาจในตัวของเขานั้นกระทำการต่างๆ ซึ่งขัดกับความประสงค์ของพระผู้อภิบาล และสิ่งนี้แหละที่ทำให้เขาเป็น ทรราช ซึ่งมีความไม่ถูกต้องและโหดร้าย อะไรอีกเล่าที่จะชั่วร้ายไปกว่าไม่ความถูกต้อง ไม่ยุติธรรม อันเกิดขึ้นจากผู้ที่ใช้ทุกสิ่งทุกอย่างในธรรมชาตินั้นอย่างผิด โดยการท้าทายดูถูกธรรมชาติและความยุติธรรม
กุฟรฺนั้นไม่ใช่แต่เพียงเป็นทรราชเท่านั้น ยังจะเป็นผู้คิดอกตัญญูและไม่ซื่อสัตย์อีกด้วย อะไรเล่าที่จะเป็นความจริงแท้ของมนุษย์ ? อำนาจและความสามารถของมนุษย์คืออะไร ? มนุษย์เราเป็นผู้สร้าง ชีวิต จิตใจ สมอง วิญญาณและส่วนต่างๆ ของร่างกายตัวเองกระนั้นหรือ ? หรือพระผู้อภิบาลเป็นผู้ทรงสร้างมันขึ้นมา มนุษย์เป็นผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาล หรือว่าพระผู้อภิบาลเป็นผู้สร้าง ? และใครเล่าที่ใช้อำนาจและกำลังเพื่อเป็นผลประโยชน์ให้แก่มนุษย์ มนุษย์เองหรือพระผู้อภิบาล ? ถ้าพระเจ้าสร้างทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นมาแต่ลำพังพระองค์เดียว แล้วสิ่งต่างๆ เหล่านั้นจะเป็นของใครได้เล่า ? ใครที่สมควรเป็นเจ้าของที่แท้จริง? ใครที่สมควรจะเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดอย่างถูกต้อง ?
ถ้าพูดกันตามจริงแล้วผู้ที่มีสิทธิและอำนาจอย่างแท้จริงก็คือพระผู้อภิบาลองค์เดียวเท่านั้น ไม่มีใครอื่น ถ้าพระผู้อภิบาลเป็นผู้สร้าง เป็นนาย เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดแล้ว ผู้ใดอีกเล่าที่จะทรยศยิ่งไปกว่าผู้ที่คิดต่อต้านพระองค์ ถ้าคนใช้ทรยศต่อนายเราก็เรียกว่าเป็นผู้ไม่มีความสัตย์ชื่อ ถ้าทหารไม่ซื่อสัตย์ต่อประเทศชาติเราก็กล่าวว่าเขาเป็นคนทรยศขบถต่อชาติ ถ้าผู้ใดหลอกลวงผู้มีพระคุณเราก็ไม่ลังเลที่จะประณามเขาว่าเป็นคนอกตัญญู ส่วนการทรยศอกตัญญูต่อต้านพระผู้อภิบาล อย่างเช่นผู้ที่ไม่เชื่อถือความจริงที่ปรากฏอยู่นั้นจะเปรียบเทียบกับสิ่งใดได้เล่า !
นอกจากนั้นใครเล่าจะเป็นต้นกำลังและอำนาจ ใครเล่าเป็นผู้ออกคำสั่งเหนือทุกๆ สิ่ง ใครเล่าที่ยกฐานะของมนุษย์ขึ้นสู่ความมีกำลัง และความมีอำนาจ ทุกๆสิ่งซึ่งมนุษย์มีใช้เป็นสิ่งซึ่งเขาได้รับมาจากพระผู้อภิบาลทั้งสิ้น หนี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่มนุษย์มีนั้นคือหนี้ที่มีต่อผู้ให้กำเนิด แล้วใครเล่าที่ปลูกฝังความรักบุตรให้เกิดขึ้นในใจของบิดามารดา ? ใครเล่าได้มอบความปรารถนาที่จะโอบอุ้มปกป้องเลี้ยงดูบุตรให้เกิดขึ้นในใจของมารดา ? ใครเล่าที่ดลใจบิดามารดาให้ยอมมอบและสละทรัพย์สินทุกอย่างเพื่อความเจริญรุ่งเรื่องของบุตร ?
เพียงแต่รองคิดดูนิดเดียวเท่านั้นก็จะได้รู้ว่าผู้นั้นคือพระผู้อุปถัมภ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษย์ พระองค์เป็นผู้สร้าง ผู้คุ้มครอง ผู้อภิบาล ผู้ให้ และเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาล เมื่อพระองค์มีบุญคุณต่อมนุษย์เช่นนี้แล้ว จะมีสิ่งใดอีกเล่าที่จะเลวร้ายไปกกว่าการทรยศ อกตัญญู ของกุฟรฺ ซึ่งทำให้มนุษย์ไม่ยอมรับและขัดขืนแม้กระทั่งผู้ที่พระคุณสูงสุดของตนเอง
แต่อย่าคิดเลยว่า การที่มนุษย์เป็นกุฟรฺ(ผู้ปฏิเสธ)นั้นจะสามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อพระผู้อภิบาลได้ เปล่าเลย ! ไม่สามารถเป็นภัยต่อพระองค์เลยแม้แต่น้อย มนุษย์เราเป็นเพียงจุดเล็กๆที่ปรากฏขึ้นบนโลก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมหาจักรวาลเท่านั้น เหตุใดเล่า - มนุษย์จะสามารถทำให้เกิดอันตรายต่อพระผู้สร้างจักรวาลได้ จักรภพของพระองค์นั้นกว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด จนกระทั่งเราไม่สามารถที่จะสำรวจอาณาเขตได้ แม้จะใช้กล้องโทรทรรศน์ที่วิเศษเพียงใดอำนาจของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่ เพียงแต่คำสั่งของพระองค์เท่านั้น ดวงดาวน้อยใหญ่ในจักรวาลนับเป็นหมื่นๆ แสนๆ ล้านดวง รวมทั้งโลก ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ ต้องหมุนคว้างอยู่รอบๆเหมือนกับลูกบอลเล็กๆ สมบัติของพระองค์มากมายไม่มีขอบเขต พระองค์เป็นนายคนเดียวของจักรวาล พระองค์เป็นผู้จัดหาทุกสิ่ง และไม่ต้องการความช่วยเหลือจากผู้ใดเลย การที่มนุษย์ทรยศต่อพระองค์นั้น ไม่เคยเป็นภัยต่อพระองค์ ตรงกันข้าม โดยการไม่เชื่อฟังของมนุษย์เอง เขาจะต้องก้าวย่ำลงไปในทางของความเสื่อม และหายนะ
ผลที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ของการทรยศและการปฏิเสธความจริงคือ การประสบความล้มเหลวในอุดมการณ์ที่สูงสุดของชีวิต การทรยศจะไม่มีวันแสวงหาความรู้ที่แท้จริงได้พบเลย อีกทั้งจะไม่สามารถพบความสว่างทางปัญญา เพราะความรู้ใดก็ตามที่ไม่อาจให้ความกระจ่างแม้แต่เรื่องพระผู้ให้กำเนิดได้นั้น จะเปิดเผยความจริงได้อย่างไร ความสามารถและเหตุผลของผู้ทรยศจะหันเหไปในทางที่ผิด มีสิ่งที่บดบัง ความรู้จักผู้สร้างนั้นไม่อาจจะส่องทางชีวิตของเขาได้ คนเช่นนั้นจะประสบแต่ความล้มเหลวในชีวิต ทั้งจรรยามารยาท ทั้งทางสังคม ในการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อตัวเองและครอบครัวหรือจะพูดสั้นๆ ก็คือชีวิตของเขาทั้งชีวิตจะแปรปรวน นอกจากนั้นเขายังแผ่ความโกลาหลไปยังผู้อื่นด้วย
เขาจะไม่ละอายแม้แต่น้อยในการใช้วิธีรุนแรงก่อกวนสิทธิของผู้อื่น ใช้ความคิดและความทะเยอทะยานอย่างผิดๆ สายตาที่พล่ามัว และคุณธรรมที่ถูกบิดเบือน การกระทำที่ถูกอิทธิพลชั่วร้ายครอบงำอยู่นั้น จะทำให้ชีวิตของเขาและทุกๆ คนที่อยู่รอบๆ ตัวเขานั้นมีแต่ความขมขื่น ชีวิตของเขาจะเป็นชีวิตที่แบกไว้ด้วยความผิดทั้งมวลที่ได้กระทำไว้
ทุกส่วนในร่างกายของเขาคือ สมอง ตา จมูก มือ และเท้า ก็จะร้องทุกข์เกี่ยวกับเรื่องที่เขาได้ปฏิบัติไว้อย่างโหดร้าย และไม่ยุติธรรม ทุกๆ ส่วนที่ประกอบเป็นชีวิตของเขาจะฟ้องร้องต่อพระผู้อภิบาล ผู้ซึ่งเป็นหลักของความยุติธรรม พระองค์จะลงโทษเขาอย่างรุนแรงที่สุด ให้สาสมกับความผิดที่เขาสมควรจะได้รับ นี่แหละคือผลเสื่อมที่พวก กุฟรฺ จะได้รับ การกุฟ รฺ จะนำไปสู่ความมืดมนและความผิดพลาดอย่างสิ้นเชิง ทั้งในโลกนี้ และโลกหน้า
จากหนังสือ มาเข้าใจ อิสลาม กันเถิด
แปลและเรียบเรียง จินตนา