ความหมายของ อิสลาม
  จำนวนคนเข้าชม  28147

 

ความหมายของ “อิสลาม”

 

          ทุก ๆ ศาสนาในโลกย่อมได้รับการขนานนามจากนามของผู้ตั้งศาสนา  หรือไม่ก็จากถิ่นหรือประเทศซึ่งศาสนานั้น ๆ ได้อุบัติขึ้น  ตัวอย่าง เช่น คริสต์ศาสนาได้นามมาจากพระเยซูคริสต์  พุทธศาสนาก็ได้รับการขนานนามมาจากผู้ตั้งศาสนา  คือ พระโคตมพุทธ  ลัทธิโซโรแอสเตรียนก็ได้นามมาจากผู้ตั้งลัทธิ คือ โซโรแอสเตอร์ เช่นเดียวกับลัทธิยูดาย ซึ่งเป็นศาสนาของพวกยิว ก็ได้รับการขนานนามตามนามของเผ่ายูดา   (ประเทศของชนเผ่ายูดา)   ซึ่งเป็นที่เกิดของศาสนานั้น แทบจะทุกศาสนาในโลกนี้ได้รับการขนานนามมาจากเหตุที่คล้ายคลึงกันนี้ 

          แต่สำหรับศาสนาอิสลามมิได้เป็นเช่นนั้น  ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่แตกต่างออกไปเป็นพิเศษ  โดยไม่มีความเกี่ยวพันกับบุคคลผู้หนึ่งผู้ใดหรือชนกลุ่มใด  คำว่า “อิสลาม” ไม่ได้บ่งบอกถึงความสำคัญระหว่างตัวบุคคลหรือสถานที่ดังกล่าวมาแล้ว  เพราะว่าอิสลามไม่ได้เป็นของผู้ใด  ของชนกลุ่มใด  หรือของประเทศใด  อิสลามไม่ได้เป็นผลอันเกิดมาจากการคิดค้นของมนุษย์คนใดคนหนึ่งหรือจำกัดวงอยู่ในถิ่นใดถิ่นหนึ่งโดยเฉพาะ  อิสลามเป็นศาสนาสากล และความมุ่งหมายอิสลามก็คือการสร้างสรรค์และปลูกฝังคุณลักษณะของอิสลามลงในมวลมนุษย์
             
           อันที่จริงแล้ว “อิสลาม” เป็นนามที่บ่งบอกลักษณะของตัวเอง  ผู้ใดก็ตามที่มีคุณลักษณะนี้ไม่ว่าจะเป็นคนเชื้อชาติใด กลุ่มใด ประเภทใด หรือเผ่าใดก็เป็นมุสลิมทั้งสิ้น ตามบัญญัติในอัล-กุรฺอาน ( คัมภีร์ของมุสลิม ) นั้นกล่าวว่า มนุษย์ทุกชาติและในทุกสมัยถ้าดำรงอยู่ในความดีและเที่ยงธรรม เป็นผู้ครองคุณลักษณะนี้แล้ว  เขาเหล่านั้นต้องได้ชื่อว่า “มุสลิม”
   
            

จากข้อความทั้งหมดนี้  ทำให้เกิดปัญหาขึ้นว่า “อิสลาม” หมายความว่าอย่างไร ?  “มุสลิม” คืออะไร ?

 

“อิสลาม” คืออะไร ?

 

           “อิสลาม” เป็นคำภาษาอารับ  ซึ่งหมายความว่า อ่อนน้อม ยอมตามและเชื่อฟัง ถ้าจะกล่าวถึงความหมายทางศาสนาแล้ว  อิสลามหมายถึงการยอมตามและการเชื่อฟังพระองค์อัลลอฮ์  ด้วยเหตุนี้  ศาสนาจึงได้ชื่อว่า “อิสลาม”

         ทุก ๆ คนก็ย่อมเห็นประจักษ์กันอยู่ว่า  จักรวาลที่เราอาศัยอยู่นี้เป็นจักรวาลที่มีระเบียบ  ท่ามกลางหน่วยต่าง ๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นจักรวาลนั้น  ย่อมมีกฎและระเบียบบังคับอยู่ทุกสิ่งได้ถูกกำหนดให้อยู่ภายใต้แผนกำหนดอันกว้างขวาง  ซึ่งได้กำเนินไปตามวิถีทางของมันอย่างสมบูรณ์ที่สุด  ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว  และทุกสรรพสิ่งในฟากฟ้าก็ได้ถูกวางระเบียบไว้อย่างถูกต้องสมบูรณ์  สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นต่างก็เดินไปตามกฎหนึ่งซึ่งไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้  และไม่เคยเลยที่จะหันเหไปจากทิศทางที่ถูกกำหนด  แม้แต่เพียงส่วนเล็กน้อยที่สุดก็ตาม

         โลกหมุนอยู่บนแกนของมันและในขณะเดียวกันก็โคจรรอบดวงอาทิตย์ตามวิถีกำหนด  เช่นเดียวกับทุกสิ่งในโลกตั้งแต่อีเลกตรอนอนุภาคเล็ก ๆ จนถึงกลุ่มหมอกเพลิงต่างก็เดินไปตามกฎของมันทั้งสิ้น สสาร พลังงาน  และชีวิตต่างก็ดำเนินไปตามกฎของมันซึ่งต้องมีการเจริญเติบโต เปลี่ยนแปลง ดำรงชีวิตและดับสูญไปด้วยกฎเหล่านั้น  แม้แต่ในโลกของมนุษย์  กฎธรรมชาติก็เป็นกฎที่ปรากฏเห็นชัดเจนทีเดียว  การเกิดของมนุษย์  การเจริญเติบโต  และการดำรงชีวิต ต่างดำเนินไปตามกฎของชีววิทยา  มนุษย์มีชีวิตสืบเนื่องมาจากธรรมชาติตามกฎอันหนึ่งซึ่งมิอาจจะเปลี่ยนแปลงได้  ตั้งแต่ส่วนที่เล็กที่สุดในร่างกายของเขาไปจนถึงหัวใจและสมอง  ถูกควบคุมกำหนดด้วยกฎอันหนึ่งซึ่งตั้งไว้สำหรับเขาโดยเฉพาะ  กล่าวโดยสั้น ๆ ก็คือ กฎอันนี้เป็นกฎที่ตั้งไว้สำหรับจักรวาล  และทุก ๆ สิ่งในจักรวาลต้องดำเนินไปตามกฎนี้

 

             กฎซึ่งมีอำนาจควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างอันประกอบขึ้นเป็นจักวาล  นับแต่ส่วนเล็กที่สุดของอนุภาคจนกระทั่งกลุ่มดาวใหญ่ที่สุดในท้องฟ้า  คือกฎของพระผู้เป็นเจ้า  พระผู้สร้าง และผู้ครองจักรวาล  ดังนั้น ! ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ โลก และดวงดาวต่าง ๆ นั้นก็คือ “มุสลิม” ในทำนองเดียวกัน น้ำ อากาศ ความร้อน หิน ต้นไม้ และสัตว์ทุก ๆ สิ่งในจักรวาลก็เป็นมุสลิมเพราะน้อมยอมตามพระผู้เป็นเจ้า  โดยดำเนินตามกฎที่พระองค์ทรงวางไว้ 

         แม้กระทั่งมนุษย์ที่ปฏิเสธไม่ยอมรับนับถือพระผู้เป็นเจ้า โดยเคารพบูชาอื่นนอกเหนือไปจากอัลลอฮ์ ก็ยังได้ชื่อว่า “มุสลิม” อยู่ดีถ้าพูดกันในแง่ของการกำเนิดและการดำรงชีวิตเพราะชีวิตของเขาทั้งชีวิตตั้งแต่เริ่มปฏิสนธิจนกระทั่งถึงวาระที่ร่างกายของเราเปื่อยยุ่ยเป็นผุยผง  หลังจากสิ้นชีวิตแล้วทุกสิ่งทุกอย่างในร่างกายเขา  ไม่ว่ากล้ามเนื้อ แขน ขา ก็ต้องดำเนินไปตามกฎที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกำหนดไว้  แม้กระทั่งลิ้นที่ปฏิเสธการนับถือพระเจ้าและประกาศนับถือเทวดาต่าง ๆ นั้นแท้จริงแล้วลิ้นก็คือมุสลิม  ศีรษะที่ก้มให้กับสิ่งอื่น ๆ นอกไปจากอัลลอฮ์ นั้น  ก็คือศีรษะที่เป็นมุสลิมมาแต่กำเนิดเช่นเดียวกัน  สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ต้องดำเนินตามกฎของพระผู้เป็นเจ้า  การกระทำและวิวัฒนาการต่าง ๆ ได้ถูกกำหนดไว้ด้วยกฎนี้เพียงอย่างเดียวทั้งนั้น
 
 

 

              ถ้าจะกล่าวโดยสรุปแล้ว  สภาพดังที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ก็คือสภาพอันแท้จริงของมนุษย์และจักรวาล  ต่อไปนี้เราลองพิจารณาปัญหานี้ในทางที่กลับกันบ้าง 

         มนุษย์เราถูกสร้างให้ประกอบด้วยสองลักษณะในชีวิตคือ  การกระทำของเขานั้นย่อมแตกแยกเป็นสองภาวะ  ในภาวะหนึ่งนั้นเขาพบว่า  ตัวเองอยู่ใต้อิทธิพลของกฎอันหนึ่งซึ่งเขาไม่สามารถจะขยับเขยื้อนหรือก้าวให้พ้นไปจากกฎนั้น  หรือไม่อาจจะหลบหลีกพลิกแพลงให้หลุดพ้นไปจากกฎนั้นได้  อันที่จริงแล้วมนุษย์เราก็เหมือนสัตว์โลกทั้งหลาย คือ  ต้องตกอยู่ใต้อิทธิพลของธรรมชาติ  และจำเป็นที่จะต้องทำตามกฎของธรรมชาติ  

         แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่กำหนดการกระทำของเขา  สิ่งนั้นคือเหตุผล  สติปัญญา  และวิจารณญาณ มนุษย์มีความสามารถขบคิดปัญหาและตัดสินใจในการกระทำต่าง ๆ  มีความสามารถในการเลือกหรือปฏิเสธ  จะยอมรับหรือเบือนหนีเขามีสิทธิที่จะเลือกดำเนินชีวิตเอง  เขาอาจจะเลือกรับนับถือสิ่งที่เขาศรัทธา  เลือกวิถีชีวิตที่ตนปรารถนาและปฏิบัติตนไปตามลัทธิที่เลื่อมใส  เขาอาจจะตั้งกฎขึ้นเองหรืออาจจะรับนับถือกฎซึ่งคนอื่นตั้งขึ้น  เขาได้รับสิทธิในการเลือก  และยังสามารถกำหนดขอบเขตความประพฤติของตนเองได้  ในกรณีหลังนี้เองที่ทำให้มนุษย์ต่างกับสัตว์อื่น ๆ ทั้งหลาย  เนื่องจากมนุษย์มีอิสระในความคิด  การตัดสินใจ  และการกระทำ
 
              ในลักษณะสองประการที่แตกต่างกันนี้เอง  ที่รวมอยู่ในชีวิตมนุษย์  ลักษณะแรกร่างกายมนุษย์ก็เหมือนสัตว์โลกอื่น ๆ ทั่ว ๆ ไป  คือเป็นมุสลิมโดยกำเนิด  โดยจะต้องเป็นไปตามบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า  และจำเป็นต้องเป็นอยู่เช่นนั้น  ส่วนในลักษณะที่สองนั้น  จิตวิญาณของมนุษย์มีอิสระที่จะเป็นมุสลิม  หรือจะปฏิเสธการเป็นมุสลิม  มนุษย์ได้รับอิสระในการเลือก   และด้วยการใช้สิทธินี้เองที่แบ่งมนุษย์ออกเป็นสองกลุ่ม  คือ  กลุ่มผู้ศรัทธา และ กลุ่มผู้ไม่ศรัทธา 

 

 

         บุคคลใดที่เลือกศรัทธาพระผู้สร้างยอมรับนับถือพระองค์อย่างแท้จริง  ทำตามกฎและบัญชาของพระองค์อย่างสุจริตใจ  และดำเนินตามกฎที่พระองค์ทรงวางไว้สำหรับมนุษย์  ทั้งการปฏิบัติส่วนตัวและในสังคม  บุคคลนั้นย่อมเป็นมุสลิมอย่างสมบูรณ์  หรืออีกนัยหนึ่งจะกล่าวได้ว่าเขาได้บรรลุความบริสุทธิ์ในการเป็นมุสลิม  โดยใช้สิทธิเสรีในการเลือกของเขานั้น  ทำการเลือกอย่างรอบคอบด้วยการตัดสินใจยอมรับนับถือตามปฏิบัติตามบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า  และในขณะนั้นเองชีวิตของเขาทั้งชีวิตก็มีแต่เพียงการอยู่ในบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า และจะไม่มีการขัดแย้งใด ๆ อยู่ในตัวของเขาอีกต่อไปเขาเป็นมุสลิมที่สมบูรณ์  และความเป็นมุสลิมของเขาก็สมบูรณ์  เพราะยอมทำตามบัญชาของอัลลอฮ์  ก็คืออิสลามและไม่มีวันที่จะแปรเป็นอื่นไปได้นอกจากอิสลาม
  
            แล้วมนุษย์ผู้นั้นได้ยอมจำนนตามกฎของพระองค์อย่างมีสติ รู้เหตุรู้ผล ซึ่งเขาได้ทำตามกฎมาแล้วแต่ต้นโดยไม่รู้สึกตัวเลย  เขาจะได้เชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้าซึ่งเขาเคยเชื่อฟังมาแล้วแม้จะด้วยความไม่ตั้งใจ  ความรู้ของเขาขณะนี้เป็นความรู้ที่แท้จริง  เพราะเขาได้ประจักษ์ถึงพระผู้ซึ่งมอบอำนาจในการเรียนรู้ให้แก่ตัวเขา  และในบัดนี้ที่เหตุผลและการตัดสินใจของเขาตั้งอยู่บนหลักที่มั่นคง  เพราะเขาได้ตัดสินใจอย่างถูกต้องในการยอมรับนับถือพระองค์  พระผู้ซึ่งมอบความคิดและการตัดสินใจให้แก่เขา  ลิ้นของเขาก็ย่อมกล่าวแต่ความจริงเพราะเขาได้กล่าวสารภาพอย่างจริงใจต่อพระองค์  พระผู้ซึ่งบันดาลความสามารถในการพูดแก่เขา  และในระยะนี้เองที่ร่างกายของเขาทั้งร่างนั้นเป็นที่รวมแห่งความจริงทั้งหมด  เพราะชีวิตของเขาทั้งชีวิตนั้นจะเป็นโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม  ได้กำหนดตามกฎของพระผู้เป็นเจ้าพระองค์เดียวผู้สร้างจักรวาล  เขาสามารถอยู่อย่างสงบได้ในจักรวาล  เพราะเขาภักดีต่อพระองค์ซึ่งเป็นที่ภักดีของจักรวาล  เขาผู้นี้คือผู้แทนของพระผู้เป็นเจ้าบนพื้นโลก โลกทั้งโลกมีไว้สำหรับเขา  และเขาก็อยู่เพื่อพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นเอง

 

 

 

จากหนังสือ “มาเข้าใจ ‘อิสลาม’ กันเถิด”

แปลและเรียบเรียง  “จินตนา”