บะรอกะฮ์(ความจำเริญ)ทีหายไป
  จำนวนคนเข้าชม  8669

 

บะรอกะฮ์ทีหายไป


โดย อ. อับดุลเราะมัน เจะอารง


          บะรอกะฮ์  หมายถึง  ความจำเริญต่างๆ ที่มาจากพระองค์อัลลอฮ์ และไม่สามารถประเมินค่าได้เลย


           ปัจจุบันใคร ๆก็กล่าวว่า เรากำลังอยู่ในยุคที่มีความเจริญ รุ่งเรืองทางด้านวัตถุอย่างกว้างขวาง ครอบคลุมทุกแง่มุมของชีวิต มนุษย์ได้คิดค้นสิ่งที่สามารถอำนวยความสะดวก ความสุขสบายให้กับชีวิต แต่ความเจริญรุ่งเรืองมหาศาลเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ผู้ที่ได้รับความสะดวกในปัจจุบันมีความสุข ความสงบในจิตใจมากกว่าคนสมัยก่อน เหตุผลก็เพระว่า ในความเจริญรุ่งเรืองในปัจจุบันมีสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งที่หายไปจากเรา  เพราะการหายไปในสิ่งนี้แหละที่ทำให้ชีวิตในปัจจุบันไม่มีความหมาย การงานที่ได้ทุ่มเท ความรู้ที่ได้แสวงหา อาหารและเครื่องดื่มที่รับประทานเข้าไปไม่ได้มีความหมาย สิ่งที่หายจากชีวิตเรานี้คือ ความบะรอกะฮ์

♣ บะรอกะฮ์เป็นปัจจัยสำคัญในชีวิตมนุษย์ หากไม่มีบะรอกะฮ์ หรือความจำเริญนี้ถือว่าชีวิตไม่มีความหมาย

♣ บะรอกะฮ์ไม่ได้อยู่ที่การครอบครองทรัพย์สินมากมาย มียศบรรดาศักดิ์ มีลูกหลาน ญาติมิตร พี่น้องมากมาย มีความรู้ประสบการณ์ แต่ความจำเริญ(บะรอกะฮ์)เป็นคุณค่าที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาของเรา ไม่สามารถเทียบปริมาณได้

♣ บะรอกะฮ์เป็นความรู้สึก ความสบายใจ ความโล่งอกโล่งใจ ความสงบสุข ความรู้สึกเพยงพอ ความรู้สึกปลอดภัยในชีวิต

 ♣ บะรอกะฮ์เป็นต้นไม้ที่ผู้มีชีวิตสามารถใช้ประโยชน์อาศัยอยู่ใต้ร่มเงามันได้

 ♣ บะรอกะฮ์ คือน้ำของต้นไม้ เป็นอาหาร เป็นอากาศและเป็นแสงสว่างของต้นไม้นี้

           เพราะถ้ามีบะรอกะฮ์ แม้เพียงสิ่งของเล็กๆน้อยๆ แต่สามารถกลับกลายเป็นสิ่งมากมาย ก่ายกอง  แต่หากไม่มีบะรอกะฮ์ สิ่งของมากมายเหล่านั้นจะเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ไร้ค่า ไร้ราคา ไม่มีความหมายเลย เมื่อบะรอกะฮ์ได้หายไปจากชีวิตเราไป ผู้ที่ครอบครองคฤหาสน์จะรู้สึกว่าคฤหาสน์นั้นเป็นเพียงรังนกเล็กๆเท่านั้น

 ♣ บะรอกะฮ์ คือ ความเพิ่มพูนและการงอกเงย ดังนั้นบะรอกะฮ์ของเวลา คือ การได้รับประโยชน์จากมัน

 ♣ บะรอกะฮ์ของชีวิต คือ การมีชีวิตที่ยืนยาวและสามารถปฏิบัติคุณงามความดีได้อย่างสงบสุข

♣ บะรอกะฮ์ของความรู้ คือ การมีโอกาสปฏิบัติสิ่งที่ตนได้รู้ และสามารถนำมาถ่ายทอดเพื่อให้ผู้อื่นได้รับผลประโยชน์จากความรู้นั้น

 ♣ บะรอกะฮ์ของทรัพย์สิน คือ การมีความรู้สึกเพียงพอ และมีความพอใจกัยทรัพย์สินที่มีอยู่

 ♣ บะรอกะฮ์ของอาหาร คือ มีความรู้สึกอิ่มเอิบ แม้จะกินไปเพียงเล็กน้อยก็ตาม

♣ บะรอกะฮ์ของเครื่องดื่ม คือมีความรู้สึกหายจากความกระหาย

♣ บะรอกะฮ์ของสุขภาพ คือร่างกายแข็งแรง ปราศจากโรคภัย ไข้เจ็บ

แต่บะรอกะฮ์ทั้งหมดนี้ กำลังเป็นสิ่งที่หายไปจากชีวิตมุสลิมในปัจจุบัน

 

วิธีเรียกบะรอกะฮ์กลับคืนมา

 

ทุกสิ่งทุกอย่างมีวิธีแก้ พระองค์อัลลอฮ์ได้ตรัสไว้ว่า

  “และผู้ใดยำเกรงอัลลอฮ์   พระองค์จะทรงหาทางออกให้แก่เขา”

 

วิธีแก้จากบะรอกะฮ์ที่หายไปโดยการปฏิบัติดังนี้

 

       1. ยำเกรงอัลลอฮ์ในทุกสถานการณ์ ในทุกกิจการ ในที่ลับและที่แจ้ง มีความละอายที่กระทำสิ่งที่พระองค์โกรธกริ้ว  เพราะพระองค์ได้ตรัสไว้ว่า

“และหากว่าชาวเมืองนั้นได้ศรัทธากันและมีความยำเกรงแล้วไซร้

แน่นอนเราก็จะเปิดให้แก่พวกเขาแล้ว ซึ่งบรรดาความเพิ่มพูนจากฟากฟ้าและแผ่นดิน

แต่ทว่าพวกเขาปฏิเสธ ดังนั้น เราจึงได้ลงโทษพวกเขา เนื่องด้วยสิ่งที่พวกเขาขวนขวายไว้”

         

2. รู้บุญคุณของพระองค์ผู้ทรงให้และรำลึกถึงพระองค์เสมอ ท่านเราะซูล  ได้กล่าวไว้ในหะดีษ บทหนึ่งว่า

“พระองค์อัลลอฮ์ไม่ได้ประทานบะรอกะฮ์ใดจากฟากฟ้าให้แก่มนุษย์ นอกจากจะมีมนุษย์กลุ่มหนึ่งปฏิเสธบะรอกะฮ์นี้

 

3. ทำงานหารายได้ด้วยวิธีที่ฮาลาลและบริสุทธิ์

“แท้จริงทรัพย์สินบนโลกนี้เป็นสิ่งเขียวชะอุ่มใครก็ชอบ ดังนั้นใครที่ได้รับมันด้วยวิธีที่ถูกต้อง พระองค์อัลลอฮ์จะให้บารอกะฮ์แก่เขา”

 

4. พูดจริง ทำจริงและมุอามะละฮ์กับเพื่อนมนุษย์บนพื้นฐานของความถูกต้อง ท่านเราะซูลได้เตือนไว้ว่า

“ผู้ซื้อขายทั้งสองคนมีสิทธิเลือกและยกเลิกการซื้อขายได้ตราบใดที่ทั้งสองยังไม่ได้แยกตัวออกจากกัน

หากว่าทั้งสองพูดจริงและชี้แจงด้วยสุจริต พระองค์อัลลอฮ์จะกำหนดบะรอกะฮ์ให้แก่ทั้งสอง

แต่ถ้าหากว่าทั้งสองบิดเบือนและพูดเท็จ พระองค์จะทรงลบล้างบะรอกะฮ์ของการซื้อขายของทั้งสอง”
             

      5. ตามสุนนะฮ์นะบี ในการรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม เพราะบะรอกะฮ์ของพระองค์อัลลอฮ์จะลงอยู่ที่กลางอาหาร ดังนั้นให้รับประทานอาหารที่อยู่รอบ ๆ ก่อน และกินอาหารให้หมดในจาน แม้เศษอาหารที่ติดอยู่ที่มือ ให้กินให้หมด เหตุผลก็เพราะเราไม่รู้ว่าบะรอกะฮ์ของอัลลอฮ์ จะอยู่ที่ใดของอาหาร
            

    6. รีบทำงานในช่วงเช้า เพราะท่านเราะซูลได้ขอจากพระองค์ให้ประทานบะรอกะฮ์แก่ประชาชาติของท่านในช่วงเช้า ๆ แล้วท่านได้กล่าวไว้ว่า

“พระองค์จะประทานบะรอกะฮ์แก่ประชาชาติของฉันในช่วงเช้า ๆ”

 

7. กล่าวชื่ออัลลอฮ์ ก่อนทำกิจการทุกอย่าง เพราะมีคำแนะนำจากท่านเราะซูล  ที่กล่าวว่า

“เมื่อผู้ใดได้เข้าบ้านแล้วได้กล่าวพระนามของอัลลอฮ์ตอนเข้าบ้านและตอนรับประทานอาหาร

ชัยฏอนจะกล่าวว่า พวกเจ้าไม่มีที่พักและไม่มีอาหารคืนนี้

แต่เมื่อเขาเข้าแล้วไม่ได้กล่าวพระนามของอัลลอฮ์ตอนเข้าบ้าน ชัยฏอนจะกล่าวว่า คืนนี้เรามีที่พัก

และเมื่อไม่ได้กล่าวพระนามของอัลลอฮ์ตอนที่รับประทานอาหาร ชัยฏอนจะกล่าวว่า คืนนี้พวกเจ้ามีที่พักและมีอาหาร”
              

       8. ละทิ้งบาปที่ได้กระทำ หนึ่งในบรรดาสิ่งที่พระองค์อัลลอฮ์  ถอดถอนบะรอกะฮ์จากสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างเพราะการกระทำของมนุษย์ที่ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ที่พระองค์กำหนด มีหะดีษที่รายงานว่า ท่านเราะซูลได้กล่าวว่า

 “แท้จริง บ่าวจะถูกห้ามจากการรับปัจจัยยังชีพด้วยบาปที่เขาได้กระทำ”
          

 

     คำตรงข้ามกับคำว่า “บะรอกะฮ์” คือ คำว่า “ละนะฮ์” หรือ สาปแช่ง ซึ่งมีหะดีษที่ท่านเราะซูล  ได้กล่าวไว้ว่า

الدنْيا ملْعونَة ، ملعونٌ ما فيها إلا ما كان لله

 “ดุนยานี้ถูกสาปแช่ง ถูกสาปแช่งทุกสิ่งทุกอย่างยกเว้นสิ่งที่กระทำเพื่อพระองค์อัลลอฮ์เท่านั้น”