ศาสนาอิสลามไม่มีวันสูญสลาย
  จำนวนคนเข้าชม  6962

 

ศาสนาอิสลามไม่มีวันสูญสลาย


ศาสนาอิสลามจะยืนหยัดมั่นคงไม่มีวันสูญสลาย

           ศาสนาอิสลามจะคงมีอยู่ต่อไปโดยไม่มีวันสูญสลายจนวันกิยามะฮฺ ซึ่งจะมีคนกลุ่มหนึ่งที่เป็นประชาชาติของท่านนะบีมุฮัมมัด   ที่เสียสละและทุ่มเทเพื่อศาสนาของอัลลอฮฺจนกว่ากำหนดการของอัลลอฮฺจะมาถึง บุคคลกลุ่มนี้จะทำงานอย่างโจ่งแจ้งเปิดเผย พวกเขาคือ กลุ่มบุคคลที่ประสบความสำเร็จ ท่านมุอาวิยะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า

سمعت رسول الله يقول: «لا تَزَالُ طَائِفَةٌ مِنْ أُمَّتِي قَائِمَةً بأَمْرِ الله، لا يَضُرُّهُـمْ مَنْ خَذلَـهُـمْ أَوْ خَالَفَهُـمْ، حَتَّى يأْتِيَ أَمْرُ الله وَهُـمْ ظَاهِرُونَ عَلَى النَّاسِ».

 “ฉันได้ยินท่านเราะสูลของอัลลอฮฺ   ได้กล่าวว่า

“ยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่เป็นประชาชาติของฉัน พวกเขาจะยืนหยัดในคำสั่งของอัลลอฮฺ

ไม่มีผลกระทบใดๆแก่พวกเขาจากผู้ที่ดูหมิ่นดูแคลนและผู้ที่ต่อต้านพวกเขา

จนกว่าบัญชาของอัลลอฮฺจะมาถึงในขณะที่พวกจะคงยืนหยัดเปิดเผย(ในหลักการ)แก่สายตาของผู้คนต่อไป"

(บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ หะดีษที่ 70 และมุสลิม หะดีษที่ 1037 สำนวนหะดีษเป็นของมุสลิม)


 ประโยชน์ของการเชิญชวนไปสู่อัลลอฮฺ

           ใครที่ศรัทธาอย่างแน่วแน่มั่นคง ปฏิบัติศาสนกิจอยู่เป็นนิจ และเชิญชวนผู้คนไปสู่อัลลอฮฺ ผู้ที่ปฏิบัติอยู่เช่นนี้ อัลลอฮฺจะเทิดเกียรติพวกเขาด้วยสิ่งต่างๆ ที่สำคัญเช่น อัลลอฮฺจะให้อำนาจ แม้ว่าเขาก่อนหน้านี้ไม่มีสาเหตุใดๆที่ทำให้เขาได้รับอำนาจและเกียรติเช่นนี้ อาทิเช่น บิลาลและสัลมาน เราะฎิยัลลอฮุ อันฮุมา และอัลลอฮฺจะทำให้การงานต่างๆในศาสนาที่เขาได้ปฏิบัติและได้เชิญชวนผู้คนไปสู่อัลลอฮฺเป็นที่รักของพระองค์

- อัลลอฮฺ ตะอาลา จะทำให้เขาเป็นที่รักในใจของผู้คน

- อัลลอฮฺ ตะอาลา จะขจัดความไม่ดีต่างๆที่อยู่รอบๆตัวเขา

- อัลลอฮฺ ตะอาลา จะช่วยเหลือด้วยอำนาจที่มองไม่เห็นจากพระองค์

- ดูอาของเขาจะถูกตอบรับ

- อัลลอฮฺ ตะอาลา จะให้ความเกรงขามแก่เขา

- อัลลอฮฺ ตะอาลา จะให้ผลบุญเท่ากับผลบุญของผู้ที่ดูอาแก่เขาและได้รับทางนำอันด้วยสาเหตุเพราะเขา

- อัลลอฮฺ ตะอาลา จะให้ขามีจุดยืนที่มั่นคงและชี้ทางนำหรือทางที่ถูกต้องแก่เขา


1. อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ตรัสว่า

 “และผู้ใดเล่าจะมีคำพูดที่ดีเลิศยิ่งไปกว่าผู้เชิญชวนไปสู่อัลลอฮฺ และเขาปฏิบัติงานที่ดี และกล่าวว่า แท้จริงฉันเป็นคนหนึ่งในบรรดาผู้นอบน้อม”

 (ฟุศศิลัต : 33)


2.จากท่านอบีหุร็อยรอฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุได้กล่าวว่า ท่านเราะสูล ได้กล่าวว่า

«مَنْ دَعَا إلَى هُدَىً، كَانَ لَـهُ مِنَ الأَجْرِ مِثْلُ أُجُورِ مَنْ تَبعَهُ، لا يَنْقُصُ ذلِكَ مِنْ أُجُورِهِـمْ شَيْئاً، وَمَنْ دَعَا إلَى ضَلالَةٍ، كَانَ عَلَيْـهِ مِنَ الإثمِ مِثْلُ آثَامِ مَنْ تَبعَهُ، لا يَنْقُصُ ذلِكَ مِنْ آثامِهِـمْ شَيْئاً».

 “ผู้ใดเชิญชวนผู้อื่นไปสู่แนวทางที่ถูกต้อง เขาก็จะได้รับผลบุญเท่ากับผลบุญของผู้ปฏิบัติตามคำเชิญชวนของเขา

โดยที่ผลบุญของเขาเหล่านั้นไม่ได้ขาดหายไปแต่ประการใด

และผู้ใดที่เชิญชวนผู้อื่นสู่ทางหลงผิด เขาก็จะได้รับผลบาปเท่ากับผลบาปของผู้ปฏิบัติตามคำเชิญชวนของเขา

โดยที่ผลบาปของเขาเหล่านั้นไม่ได้ขาดหายไปแต่ประการใด”

 [บันทึกโดยมุสลิม หมายเลข 2674]
 

3. จากสะฮฺลฺ บิน สะอฺดฺ เราะฎิยัลลอฮุ อันฮุ ได้กล่าวว่า ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวแก่อะลี บิน อะบีฏอลิบ เราะฎิยัลลอฮุ อันฮุ ในช่วงสงครามค็อยบัรฺว่า

«..انْفُذْ عَلَى رِسْلِكَ، حَتَّى تَنْزِلَ بسَاحَتِـهِـمْ، ثمَّ ادْعُهُـمْ إلَى الإسْلامِ، وَأَخْبرْهُـمْ بمَا يَـجبُ عَلَيْـهِـمْ مِنْ حَقِّ الله فِيهِ، فَوَالله لأَنْ يَـهْدِيَ الله بكَ رَجُلاً وَاحِداً خَيْرٌ لَكَ مِنْ أَنْ يَكُونَ لَكَ حُـمْرُ النَّعَمِ».

“ท่านจงเดินไปอย่างช้าๆ จนกว่าจะถึงหมู่บ้านของพวกเขา หลังจากนั้นเจ้าจงเชิญชวนพวกเขาสู่อิสลาม

และจงอธิบายแก่พวกเขาถึงสิ่งที่เป็นวาญิบ(จำเป็น)เหนือพวกเขาในสิ่งที่เป็นสิทธิของอัลลอฮฺ

ฉันขอสาบานด้วยอัลลอฮฺ หากอัลลอฮฺทรงประทานฮิดายะฮฺ(การชี้ทางนำ)แก่คนหนึ่งเนื่องจากการเชิญชวนของท่าน

แน่นอนมันเป็นสิ่งประเสริฐยิ่งกว่า(การที่ท่านได้รับ)อูฐแดงเสียอีก” 

(บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ หะดีษที่ 4210 และมุสลิม หะดีษที่ 2406 สำนวนหะดีษเป็นของมุสลิม)

  

การจำแนกกลุ่มของมนุษย์ตามการงานที่พวกเขาได้ปฏิบัติ

 มนุษย์ตามการงานที่ตนเองปฏิบัติแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม

           กลุ่มที่หนึ่ง ผู้ที่ได้ทุ่มเทชีวิตทั้งหมดในการไขว่คว้าหาปัจจัยแห่งโลกดุนยาเพียงอย่างเดียว แล้วเมื่อได้ตายจากไปก็จะทิ้งทรัพย์สมบัติที่ได้สะสมมาอยู่เบื้องหลัง

           กลุ่มที่สอง  คือผู้คนที่ได้ทุ่มเทชีวิตในโลกนี้เพื่อชีวิตในโลกอะคีเราะฮฺ และเมื่อเขาได้เสียชีวิตไป เขาก็จะได้ในสิ่งที่เขาได้เคยไขว่คว้าหามาในโลกดุนยา เขาเหล่านั้นคือบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย


  

สำหรับผู้ที่ทุ่มเทชีวิตเพื่อโลกอะคีเราะฮ์สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกัน ดังนี้

         1. ผู้ที่ทุ่มเทชีวิตเพื่อการปฏิบัติอิบาดะฮฺเพียงอย่างเดียว แล้วอิบาดะฮฺทุกอย่างจะสิ้นสุดลงเมื่อชีวิตของเขาได้ตายจากไป นอกจากสามประการ คือ หนึ่ง เศาะดาเกาะฮฺญาริยะฮฺ (ทานที่คุณาประโยชน์ของมันคงภาวร) สอง ความรู้ที่มีประโยชน์ และสาม บุตรที่ดีที่คอยดุอาให้แก่เขา(ในเมื่อยามที่เขาได้ตายจากไป)

         2. ผู้ที่ทุ่มเทชีวิตเพื่อการอิบาดะฮฺและยังได้เชิญชวนผู้คนไปสู่อัลลอฮฺ พร้อมกับได้ทุ่มเทชีวิตทั้งหมดในการยกระดับศาสนาของอัลลอฮฺให้เจิดจรัส เขาได้ปฏิบัติเช่นนี้อยู่เรื่อยไป เหตุผลก็เพราะผู้ใดผู้หนึ่งที่ได้รับทางนำอันด้วยเหตุเพราะเขา เขาก็จะได้รับผลบุญเสมือนผลบุญของผู้ที่ได้ปฏิบัติตามคำเชิญชวนของเขาจนถึงวันที่โลกจะสูญสิ้นไป

อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ตรัสว่า 
   
 

“พวกเจ้าได้ถือเอาการให้น้ำดื่ม แก่ผู้ประกอบการพิธีหัจญฺ และการบูรณะมัสยิดหะรอม

ดั่งที่ผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันกิยามะฮฺ และต่อสู้ในทางของอัลลอฮฺงั้นหรือ

เขาเหล่านั้นย่อมไม่เท่าเทียมกัน ณ อัลลอฮฺ และอัลลอฮนั้นจะไม่ทรงแนะนำกลุ่มชนที่เป็นผู้อธรรม

บรรดาผู้ที่ศรัทธาและอพยพและต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺทั้งด้วยทรัพย์สมบัติของพวกเขา และชีวิตของพวกเขา

นั้นย่อมเป็นผู้มีระดับชั้นยิ่งใหญ่กว่า ณ ที่อัลลอฮฺ และชนเหล่านี้พวกเขาคือผู้ที่มีชัยชนะ

พระเจ้าของพวกเขาทรงแจ้งข่าวดีแก่พวกเขาด้วยความกรุณาเมตตาจากพระองค์ และด้วยความปิติยินดี และบรรดาสวนสวรรค์ด้วย

ซึ่งในสวนสวรรค์เหล่านั้น พวกเขาจะได้รับสิ่งอำนวยความสุขอันจีรังยั่งยืน

โดยที่พวกเขาจะพำนักอยู่ในสวนสวรรค์เหล่านั้นตลอดกาล แท้จริงอัลลอฮฺนั้น ณ ที่พระองค์มีรางวัลอันยิ่งใหญ่ ”

(อัต-เตาบะฮฺ : 19 - 22)

 

 

 الشيخ محمد بن إبراهيم التويجري
 

แปลโดย : อิบรอฮีม หุเซน / Islam House