ท่านอัฎฎ่อฮาก อิบนุ ซุฟยาน อัลกิลาบีย์
อัฎฎ่อฮาก เป็นบุตรของซุฟยาน อิบนุ เอาฟฺ อิบนิ กะอฺ อิบนุ อบีบักรฺ อิบนุ กิลาบ อิบนุ ร่อบีอะห์ อิบนุ อามิร อิบนุ เซาะอฺซ่ออะห์ อัลอามิรีย์ อัลกิลาบีย์ และได้รับฉายา “อบูสะอี๊ด”
อัฎฎ่อฮากได้เข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม และเป็นศอฮาบะห์ของท่านรอซูล ขณะที่ชนกลุ่มหนึ่งในพวกของท่านเข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม พร้อมกับได้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าเผ่าด้วย ซึ่งท่านก็ได้เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับพวกของท่าน
มีรายงานต่างๆมากมายที่เกี่ยวกับอัฎฎ่อฮากได้ระบุว่า ท่านได้ทำหน้าที่ให้การป้องกันท่านรอซูล โดยเป็นผู้สะพายดาบอยู่ใกล้ท่านรอซูล ตลอดเวลา ท่านเป็นบุคคลหนึ่งที่มีความกล้าหาญเยี่ยงวีรบุรุษ ท่านเพียงผู้เดียวมีความสามารถเทียบได้กับอัศวิน 100 คน โดยที่ท่านรอซูล ได้กล่าวถึงความเก่งกาจของท่านไว้ขณะที่เดินทางไปพิชิตมักกะห์ ในการนั้น พวกบนีสะลีม ได้ตระเตรียมพลรบเพื่อจะร่วมเดินทางไปกับท่านรอซูล เป็นจำนวน 900 คน ท่านรอซุล ได้กล่าวกับพวกของท่านว่า :
ในหมู่พวกท่านมีบุคคลหนึ่งที่มีความสามารถเทียบเท่ากับทหาร 100 คน จึงทำให้พวกท่านมีจำนวนถึง 1000 คนมิใช่หรือ?
แล้วท่านรอซูล ก็ชี้ไปยังท่านท่านอัฎฎ่อฮาก ซึ่งเป็นหัวหน้าของพวกเขา
อิบนุ อะซีร ได้กล่าวในการเข้ารับตำแหน่งของอัฎฎ่อฮาก ซึ่งเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลกิลาบ และเป็นหัวหน้าเผ่าสะลีมว่า :
แท้จริง การแต่งตั้งให้อัฎฎ่อฮากดำรงตำแหน่งเช่นนี้ เนื่องจากว่า เขาทั้งหมดสืบเชื้อสาบมาจากก็อยสฺ อัยลาน
และจากรายงานเกี่ยวกับตัวของท่านเช่นเดียวกันนี้ ดูเหมือนว่า ท่านได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากท่านรอซูล ทั้งนี้โดยให้ทำหน้าที่ปกป้องท่านพร้อมกับให้สะพายดาบ ด้วยตำแหน่งอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ จึงสมควรที่ท่านจะเป็นหัวหน้าของบนีสะลีมในการพิชิตมักกะห์
อิบนุ อะซีรได้กล่าวต่อไปอีกว่า : ท่านนะบี ได้ใช้ท่านให้ออกไปทำสงคราม(สะรียะห์) แต่ลำพังเช่นกัน
อิบนุ ซะอฺดฺ ได้รายงานรายละเอียดของการทำสงครามแต่เพียงผู้เดียวของอัฎฎ่อฮากว่า :
สะรียะห์นี้ได้ถูกส่งไปยังบนีกิลาบในเดือนรอบีอุลเอาวาล ฮ.ศ. ที่ 9 โดยที่ท่านรอซูล ได้ส่งกองทหารไปยัง อัลก็อรฏ็ออฺ ในจำนวนนี้มี อัฎฎ่อฮาก ร่วมไปกับอัล-อัสยัด อิบนุ สะละมะห์ อิบนุ กุรฏฺ เขาได้พบกับบนีกิลาบ ณ ซัจลาวะห์ จึงเชิญชวนให้พวกเหล่านั้นเข้ารับอิสลาม แต่ได้รับการตอบปฏิเสธ บรรดาทหารจึงได้ทำสงครามกับพวกเหล่านั้น จึงทำให้พวกเหล่านั้นประสบความปราชัย
อิบนุ ซะอฺด กล่าวว่า : อัฎฎ่อฮากได้มอบอูฐตัวเมียมีลักษณะดีเยี่ยมให้ท่านรอซูล ตัวหนี่ง ดังที่อุมมุสะละมะห์ได้กล่าวว่า :
อัฎฎ่อฮาก อิบนิ ซุฟยาน อัลกิลาบีย์ ได้มอบอูฐตัวหนึ่งให้แก่ท่านรอซูล มีชื่อว่า “บุรดะห์” ซึ่งฉันไม่เคยเห็นอูฐตัวเมียใดที่สวยงามเช่นนี้มาก่อน มันให้นมมากเท่ากับนมของอูฐที่มีน้ำนมมากถึงสองตัว มันเดินไปมาระหว่างบ้านของเรา โดยมีฮินดฺ และอัสมาอฺ เป็นผู้เลี้ยงดู ครั้งหนึ่งทั้งสองได้ติดตามมันไปยังภูเขาอุฮุด และญุมาอฺ แล้วท่านรอซูล ได้นำมันมานอนที่บ้านของเรา พร้อมกับเอาเสื้อยาวห่อใบไม้ร่วงมาจนเต็ม มันนอนกินใบไม้อยู่จนกระทั่งรุ่งเช้า บางครั้งอูฐตัวนี้ได้ถูกรีดนมเพื่อนำมาเลี้ยงแขกของท่านรอซูล พวกเขาดื่มนมของมันกว่าจะหมดก็ถึงเวลาเย็น แล้วท่านก็แยกเอาส่วนที่เหลือเก็บไว้ และการรีดนมของมันในตอนเช้านั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
อิบนุ อะซีร ได้รายงานว่า : อัฎฎ่อฮากพักอยู่ในชนบทของเมืองมะดีนะห์
แต่ อิบนุ อับดุลบัร กล่าวว่า : เขาคลุกคลีอยู่ในหมู่ชนชาวมะดีนะห์
ส่วนหนึ่งจากรายงานข่าวของท่าน อัฎฎ่อฮาก คือ ท่านรอซูล ได้ส่งเขาไปเก็บซะกาต เขาได้นำอูฐที่มีรูปร่างดีเยี่ยมมาตัวหนึ่ง ท่านรอซูล จึงกล่าวกับเขาว่า :
ท่านจงสอบสวนพวกเขา แท้จริงท่านได้นำเอาทรัพย์สินที่ดีที่สุดของพวกเขามา จงนำมันไปคืนแก่พวกเขา แล้วจงเอาซะกาตของพวกเขามาจากปศุสัตว์ และจากทรัพย์สินของพวกเขา
จากรายงานต่างๆ ดูเหมือนว่า อัฎฎ่อฮากเป็นหัวของบรรดาผู้ศรัทธาในหมู่พกวเขา
มีรายงานข่าวเกี่ยวกับบ่อน้ำมะอูนะห์ว่า หลังจากที่บรรดาครูผู้สอนอัลกุรอานที่ท่านรอซูล ได้จัดส่งไปยังบนีอามิร เพื่อเป็นการตอบสนองต่อความต้องการของ อามิร อิบนุ มาลิก ซึ่งมีชื่อในทางการตลบตะแลง แล้วถูกลอบฆ่าตายว่า :
อามิร อิบนุ ฏุไฟล์ ซึ่งเป็นหลานของเขาได้ขัดขวางการกระทำอันต่ำช้านั้น และได้ทำการสังหารบรรดาครูเหล่านั้น ในจำนวนผู้ที่ถูกฆ่าได้แก่ อามิร อิบนิ ฟุฮัยเราะห์ ซึ่งเป็นบ่าวของท่านอบูบักรฺ ที่ได้ร่วมอยู่ในขบวนอพยพของท่านรอซูล พร้อมกับทำหน้าที่รับใช้ท่านรอซูล และอบูบักรฺ โดยชายชาวบนีกิลาบคนหนึ่งชื่อ ญับบาร อิบนิ ซัลมา เป็นผู้สังหารเขา มีผู้เล่าว่า เมื่ออามิรถูกแทง เขาได้กล่าวว่า : ฉันได้รับชัยชนะแล้ว ขอสาบานด้วยอัลเลาะห์
ฉันจึงพูดขึ้นว่า : คำพูดของเขาที่ว่า ฉันได้รับชัยชนะแล้วนั้นมีความหมายว่าอย่างไร?
ฉันจึงไปหาอัฎฎ่อฮาก อิบนุ ซุฟยาน อัลกิลาบีย์ แล้วบอกเขาถึงสิ่งที่ฉันได้ยินมา และได้ถามเขาถึงความหมายของคำว่า “ฉันได้รับชัยชนะแล้ว”
อัฎฎ่อฮาก กล่าวว่า : หมายถึงสวรรค์
เขากล่าวต่อไปว่า - แล้วอัฎฎ่อฮาก ก็เสนอให้ฉันเข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม ฉันจึงเป็นมุสลิม และฉันได้เห็นว่า อามิร อิบนุ ฟุฮัยเราะห์ ซึ่งถูกฆ่านั้นได้รับการเทิดยังฟากฟ้าอันสูงส่ง
เขากล่าวว่า - อัฎฎ่อฮากได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังท่านรอซูล โดยบอกถึงการเข้ารับอิสลามของฉัน และสิ่งที่ฉันได้เห็นฟุฮัยเราะห์ที่ถูกฆ่า ถูกเทิดยังฟากฟ้า
ท่านรอซูล กล่าวว่า :
แท้จริง มลาอิกะห์ได้ทำการฝังศพของเขาและเขาถูกให้พำนักอยู่ในสวรรค์ชั้นสูงสุด
จากเรื่องต่างๆดังที่ได้กล่าวมานี้ ทำให้เราได้รู้ว่า อัฎฎ่อฮาก คือ หัวหน้าของผู้ที่เข้ารับอิสลามจากบุคคลภายในตระกูลของเขา เขาเป็นผู้ให้ความสนใจในการเรียกร้องไปสู่อิสลาม และเขาได้ส่งหนังสือไปยังท่านรอซูล โดยบอกถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ดังเช่นการกระทำของบรรดาผู้ปกครองเมืองต่างๆ ซึ่งอยู่ในดินแดนที่อยู่ห่างไกล
ชื่อของอัฎฎ่อฮากได้ถูกกล่าวขวัญอยู่เสมอ ในสงครามหุไนนฺ ซึ่งเกิดขึ้นในปี ฮ.ศ.8 คือหลังจากที่ได้มีการพิชิตมักกะห์ ดังที่เราได้รู้ว่า ท่านรอซูล ได้แต่งตั้งให้อัฎฎ่อฮากเป็นผู้บัญชาการทหารของเผ่าสะลีม ในจำนวนทหารดังกล่าวได้แก่ อับบาส อิบนุ มิรดาส อัสสุละมี (เสียชีวิตประมาณปี ฮ.ศ.18) ซึ่งเป็นลูกของอัลคอนซาอฺ เขาได้แต่งโคลงไว้มากมายเกี่ยวกับสงครามหุไนนฺ โดยได้แต่งโคลง หลายบทกล่าวสรรเสริญความกล้าหาญของอัฎฎ่อฮาก และการใช้ดาบอันคมกริบของเขาทำการอารักขาท่านรอซูล
อัฎฎ่อฮาก อัลกิลาบีย์ มีชีวิตยืนยาวอยู่จนถึงกระทั่งสมัยของท่านอุมัร อิบนุล ค็อฏฏอบ รอฎิยัลลอฮุอันฮุ
ครั้งหนึ่งท่านอุมัรได้กล่าวว่า : สตรีไม่มีสิทธิในค่าทำขวัญซึ่งเป็นมรดกของสามีที่ถูกฆ่าตาย
อัฎฎ่อฮากจึงได้กล่าวขึ้นว่า : ท่านรอซูล ได้ส่งหนังสือไปยังฉัน โดยให้หญิงจากตระกุลอัชยัม อัฎฎ่อบาบี ได้รับมรดกจากค่าทำขวัญของสามีที่ถูกฆ่าตาย
นอกจากนี้แล้ว อัฎฎ่อฮาก ยังเป็นเครือญาติของตระกูลฮาชิม เฉพาะอย่างยิ่งตระกูลของอบูฏอลิบ เพราะว่าอะกีล บุตรของอบูฏอลิบ มีภรรยาคนหนึ่งชื่อ อุมมุลบะนีน บินติซซัครฺ ซึ่งมีชื่อจริงว่า อัสมาอฺ บินติ ซุฟยาน ซึ่งเป็นน้องสาวของ อัฎฎ่อฮาก อิบนุ ซุฟยาน พร้อมกันนี้ เขายังเป็นผู้ที่รายงานฮะดีษของท่านรอซูล อีกด้วย
|
|