การรายงาน ซุนนะฮ์ในยุคคอลีฟะฮ์ผู้ทรงธรรม
ในยุคนี้มีซอฮาบะฮ์รายงานซุนนะฮ์ไม่มากนัก เพราะความหวั่นเกรงว่าจะมีการแอบอ้าง ป้ายสี คำพูดหรือ การกระทำบางอย่างว่ามาจากบรมศาสดา ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ เหตุนี้เราจึงพบว่า บรรดาคอลีฟะฮ์โดยฉพาะอย่างยิ่ง อบูบักรและอุมัร รังเกียจการรายงานเกี่ยวกับซุนนะฮ์จำนวนมาก ๆ
มีบันทึกคำสั่งของคอลีฟะฮ์ อบูบักร ซึ่งได้สั่งแก่คณะบุคคลภายหลังการอสัญกรรมของบรมศาสดา ว่า
“พวกท่านมักอ้างถึงบรมศาสดา ว่าท่านได้พูดอย่างนั้น พูดอย่างนี้ และขัดแย้งกันเอง แล้วคนรุ่นหลังก็จะขัดแย้งกันมากกว่านี้
ดังนั้น จงอย่าอ้างถึงบรมศาสดา เลย ใครถามเรื่องอะไรก็บอกเขาไปว่า เรามีคัมภีร์แห่งอัลลอฮ์ อยู่
สิ่งที่พระองค์ทรงอนุมัติพวกท่านก็จงอนุมัติและสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม พวกท่านก็จงถือว่ามันต้องห้าม”
อบู อุรัยรอฮ์เคยถูกถามว่า “ในยุคอุมัรท่านเคยรายงานวจนะศาสดามากเช่นนี้หรือไม่ ?
เขาตอบว่า “หากแม้นฉันรายงานมากในสมัยอุมัร เช่นเดียวกับที่ทำอยู่ทุกวันนี้ อุมัรคงจะทุบฉันด้วยกำปั้นแล้ว”
อุรวะฮ์ ซุบัยร์ รายงานไว้ว่า คอลีฟะฮ์อุมัรเคยดำริที่จะบันทึกกิจวัตรปฏิบัติแห่งบรมศาสดา ไว้ และได้หารือกับบรรดาซอฮาบะฮ์หลายท่าน ส่วนใหญ่เห็นชอบตามดำริ หลังจากนั้นอุมัรใช้เวลาหนึ่งเดือนละหมาดอิสติคอรอฮ์ขอทางเลือกที่ดีกว่าจากอัลลอฮ์ เพราะยังมีความลังเลใจอยู่ จนวันหนึ่งก็เกิดความมั่นใจและประกาศว่า
“ฉันเคยบอกพวกท่านว่าอยากจะบันทึกรวบรวมซุนนะฮ์ แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า
ชนชาวคัมภีร์ก่อนหน้าพวกท่านก็เคยทำบันทึกของตนเองเคียงคู่ไปกับคัมภีร์แห่งอัลลอฮ์ มาก่อน
ต่อมาพวกเขาก็หมกมุ่นอยู่แต่บทบันทึกและทิ้งคัมภีร์แห่งอัลลอฮ์ เสีย
สำหรับฉันนี้ ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ว่าจะไม่นำสิ่งใดมาห่อหุ้มคัมภีร์แห่งอัลลอฮ์ เด็ดขาด”
เป็นดังนี้จึงไม่มีการบันทึกซุนนะฮ์ในยุคนี้แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ซอฮาบะฮ์บางคนได้จดบันทึกซุนนะฮ์ไว้บ้างเล็กน้อย แต่เป็นวจนะที่ไม่มีการขัดแย้งกันในส่วนที่เกี่ยวกับสายรายงาน เช่น วจนะในการทำพิธีฮัจญ์อำลา เป็นต้น