การแพร่สะพัดของศาสนาอิสลามในยุโรปและอเมริกา
โดย อ.อาลี เสือสมิง
ผลการสำรวจสถิติล่าสุดที่ออกมาในปีค.ศ.2008 ยืนยันว่า ความพยายามในการบิดเบือนภาพลักษณ์ของศาสนาอิสลามและชาวมุสลิมและการสร้างภาพในเชิงลบแก่ชาวมุสลิมประสบความล้มเหลว และศาสนาอิสลามยังคงแพร่สะพัดทั้งในยุโรปและอเมริกาและการสำรวจความเห็นที่ดำเนินการโดย สถาบันแก็ลล็อบ์ เพื่อการวิจัยความเห็นทั่วไปในอเมริกาได้เปิดเผยว่า ศาสนาอิสลามมิได้หมายถึงความสุดโต่งและความเป็นอริกับสหรัฐอเมริกา และการศึกษาวิจัยซึ่งครอบคลุม 40 ประเทศและกินเวลาในการรวบรวมข้อมูลถึง 6 ปี ได้ยืนยันว่า 93% จากประชากรมุสลิมทั่วโลกมีความเป็นสายกลาง และเพียง 9% เท่านั้นที่มีความคิดรุนแรงและชาวมุสลิมส่วนใหญ่ใน 3 ประเทศใหญ่ของยุโรป คือ ฝรั่งเศส อังกฤษ และเยอรมันถือว่าพวกเขามีความเกี่ยวพันและเป็นส่วนหนึ่งของประเทศดังกล่าวตลอดจนพึงพอใจที่จะเลือกในการดำเนินชีวิตอย่างกลมกลืนในกลุ่มประเทศดังกล่าว และการศึกษาล่าสุดยังได้ยืนยันว่า จำนวนชาวมุสลิมในสหรัฐอเมริกามีมากกว่า 6 ล้านคนจนกระทั่งศาสนาอิสลามได้กลายเป็นหนึ่งในห้าศาสนาใหญ่ของสหรัฐอเมริกา
กล่าวกันว่า จำนวนประชากรมุสลิมในโลกมีจำนวน 20% จากประชากรโลกทั้งหมด และมีการคาดการณ์ของซีรีย์ เบตช์ อาจารย์ประจำภาควิชาภูมิศาสตร์สังคมศึกษา มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดว่า จำนวนประชากรมุสลิมจะเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าสู่ปีค.ศ.2015 ในขณะที่จำนวนประชากรที่มิใช่มุสลิมจะลดลงประมาณ 3 ถึง 5% อันเป็นผลทำให้มองซิเออร์ ฟิโตริโอ ฟอร์เมนติ์ ได้กล่าวไว้เมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ.2008 ว่า : จำนวนชาวมุสลิมได้มีมากกว่าชาวคาทอลิกซึ่งจะทำให้ผู้นับถือศาสนาอิสลามกลายเป็นประชากรที่มากที่สุดในโลกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ อย่างไม่เคยมีมาก่อน
มุสลิมมีจำนวนหนึ่งในสี่ของพลเมืองฝรั่งเศส
ในการศึกษาที่ดำเนินการโดยกระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศสระบุว่ามีคนราว 3,600 คน ที่เข้ารับอิสลามในแต่ละปีและการศึกษาดังกล่าว ยังได้ยืนยันอีกว่า ชาวมุสลิมฝรั่งเศสมีความเคร่งครัดเป็นอันมากและมีสถิติอาชญากรรมเกิดขึ้นในหมู่ชาวมุสลิมน้อยมาก การสำรวจสถิติบ่งชี้ว่า ในฝรั่งเศสมีมัสยิดจำนวน 2,300 แห่ง และมีประชากรมุสลิม 7 ล้านคน ซึ่งทำให้ศาสนาอิสลามกลายเป็นศาสนาในลำดับที่ 2 รองจากศาสนาคริสต์ในฝรั่งเศส นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์อีกด้วยว่าชาวมุสลิมจะมีจำนวนหนึ่งในสี่ของประชากรฝรั่งเศสเมื่อเข้าสู่ปี ค.ศ.2025 ในขณะที่การคาดการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ว่ามุสลิมจะมีจำนวน 20% จากพลเมืองของยุโรปในปี ค.ศ.2050
อิสลามจะกลายเป็นศาสนาอันดับหนึ่งในเบลเยี่ยมหนังสือพิมพ์ เอลิเบอร์ เบลญีก ของเบลเยี่ยมได้ยืนยันว่าประชากรหนึ่งในสามของกรุงบรัสเซลในขณะนี้เป็นชาวมุสลิม และศาสนาอิสลามจะกลายเป็นศาสนาอันดับหนึ่งของบรัสเซล หลังจากนี้อีกราว 20 ปีและชื่อมุฮำหมัด เป็นชื่ออันดับต้น ๆ ของเด็กทารกที่เกิดใหม่นับแต่ปี ค.ศ.2001 และหนังสือพิมพ์รูซิสก้า กาซีต้ากล่าวว่า : จำนวนชาวมุสลิมในเบลเยี่ยมได้เพิ่มขึ้นในช่วงสิบปีให้หลังมานี้
ส่วนในเดนมาร์กซึ่งมีการตีพิมพ์ภาพวาดล้อเลียน ท่านนะบีมุฮัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ซ้ำอีกครั้งในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2008 หนังสือพิมพ์บูลิติกันของเดนมาร์กยืนยันว่า จำนวนชาวเดนมาร์กซึ่งเข้ารับอิสลามมีจำนวนเพิ่มขึ้นวันแล้ววันเล่า และพลเมืองเดนมาร์ก 1 คนเป็นอย่างน้อยจะเลือกนับถือศาสนาอิสลามในแต่ละวัน นับแต่มีการเผยแพร่ภาพวาดล้อเลียนดังกล่าวมีจำนวนผู้เข้ารับอิสลามมากกว่า 5,000 คน สำหรับร้านขายหนังสือในอัมสเตอร์ดัมได้รับความสนใจเป็นอันมากจากชาวฮอลแลนด์ โดยเฉพาะการซื้อคัมภีร์อัลกุรอานที่มีคำแปลแบบอิเล็กโทรนิคจนทำให้ขาดตลาดภายหลังการตีพิมพ์ภาพล้อเลียนท่านนะบีมุฮัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) อีกด้านหนึ่งนายเจอร์ริต ฟิลเดอร์ซฺ ส.ส. ชาวฮอลแลนด์ต้องแสดงความผิดหวังของตน ภายหลังการนำเสนอภาพยนตร์ที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายอยู่หลายเดือน มีชาวฮอลแลนด์ 3 คนประกาศเข้ารับอิสลามในช่วงสัปดาห์ที่มีการฉายภาพยนตร์ดังกล่าว
อังกฤษยอมรับการมีภรรยาหลายคน
อังกฤษได้ยกเลิกการใช้ถ้อยคำ การก่อการร้ายอิสลามและการบ่งชี้ว่าอิสลามเป็นการก่อการร้ายที่นิยมความรุนแรง ตลอดจนมีการแก้ไขกฎหมายมรดกตามการยอมรับของอังกฤษในการมีภรรยาหลายคน และดูเหมือนว่า กฎหมายชะรีอะฮฺของอิสลามได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนเป็นจำนวนมากในอังกฤษ อันมีผลทำให้ราว วิลเลียมซ์ พระผู้ใหญ่ของวิหารเคนเตอร์เบอรี่เรียกร้องให้มีการบังคับใช้กฎหมายชะรีอะฮฺอิสลามบางส่วนในอังกฤษ เขาถือว่าการบังคับใช้กฎหมายชะรีอะฮฺอิสลามเป็นเรื่องที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้โดยเขากล่าวในการสัมภาษณ์ของสถานีโทรทัศน์บีบีซีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008 ว่า : การบังคับใช้กฎหมายชะรีอะฮฺอิสลามเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเลี่ยง เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับสังคมอังกฤษ
โพลสำรวจได้แสดงให้เห็นว่า ชาวมุสลิมอังกฤษมีความเชื่อมั่นในรัฐบาลของพวกเขาและมีความเกี่ยวพันกับรัฐบาลถึง 82% หนังสือพิมพ์ เดลี่เทลกราฟของอังกฤษได้เปิดเผยในเดือนมีนาคม 2008 ว่า : จำนวนของผู้ที่เข้ามัสยิดในอังกฤษมีมากกว่าผู้เข้าโบสถ์ทั้งหมดในอังกฤษ และแคว้นเวลซ์ โดยหนังสือพิมพ์ฉบับนี้เตือนว่า หากสถานการณ์ยังคงเป็นอยู่เช่นนี้จะทำให้ผู้ที่เข้าโบสถ์เพื่อร่วมสวดมนต์ในวันอาทิตย์จะลดน้อยถอยลงไปถึง 678,000 คน เมื่อเข้าสู่ปี ค.ศ.2020 ในทางกลับกันจำนวนชาวมุสลิมที่เข้ามัสยิดต่างๆ เพื่อร่วมละหมาดวันศุกร์จะเพิ่มสูงขึ้นถึง 683,000 คน
มัสยิด 180 แห่งในเยอรมัน
ในเยอรมัน หนังสือพิมพ์รายวันดิเฟลต์ของเยอรมันระบุว่าศาสนาอิสลามได้แพร่หลายในเยอรมันมากขึ้นโดยตลอด และยังมีข้อมูลที่ได้รับการยืนยันว่ามีแผนในการสร้างมัสยิดจำนวน 120 แห่ง เพิ่มเติมในเยอรมัน การสำรวจครั้งล่าสุดบ่งชี้ว่า จำนวนประชากรมุสลิมในเยอรมันเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่มีการสำรวจอย่างเป็นทางการยืนยันถึงสิ่งดังกล่าว การสำรวจสถิติของรัฐบาลเยอรมันได้ให้ข้อมูลว่า มีจำนวนมัสยิดทั้งหมด 206 แห่ง ในเยอรมัน ในขณะที่ศูนย์กลางอิสลามปฏิเสธข้อมูลดังกล่าวและยืนยันว่าจำนวนของมัสยิดในเยอรมันนั้นมีจำนวน 180 แห่งเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดได้รับใบอนุญาตและมีเอกสารรับรองในการก่อสร้างจากรัฐบาลเยอรมัน แต่นอกเหนือจากมัสยิดจำนวน 180 แห่งนั้น ยังมีสถานที่ประกอบศาสนกิจที่ชาวมุสลิมตั้งขึ้น ซึ่งบางทีก็อาศัยอาคารชั้นล่างเป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจหรือตามร้านอาหารและร้านทั่วไปและในขณะที่กลุ่มนิยมขวาจัดของเยอรมันและยุโรปได้เริ่มจัดการประชุมภายใต้สโลแกน การเผชิญหน้ากับอิสลามนิยมแห่งโคโลเนีย นั้น ตามท้องถนนในนครโคโลญจ์ของเยอรมันก็คราครั่งไปด้วยขบวนของผู้ประท้วงจำนวนมากกว่าหมื่นคนเพื่อประณามกลุ่มนิยมขวาจัดนาซีและตำรวจก็ได้มีคำสั่งห้ามจัดการประชุมดังกล่าว
การสร้างมัสยิดในเรือนจำของบุลแกเรีย
นายพลบีตาร์ ฟาซิลิฟ อธิบดีกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรมของบุลแกเรียกล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมบุลแกเรียมีแผนก่อสร้างมัสยิดขึ้นหลายแห่งในเรือนจำของบุลแกเรีย ทั้งนี้เพราะมีผู้ถูกคุมขังเป็นจำนวนมากที่เป็นชาวต่างชาติซึ่งนับถือศาสนาอิสลาม ผู้ถูกคุมขังเหล่านี้ต่างก็มีความประพฤติดีตลอดช่วงเวลาก่อนหน้านี้ในระหว่างที่มีการแถลงข่าวของสถาบันสวีเดนประจำนครอเล็กซานเดรีย ซึ่งมีการโจมตีกลุ่มผู้นิยมอิสลาม ปรากฏว่าตัวแทนเยาวชนมุสลิมของสวีเดนได้ประกาศว่ามีพลเมืองสวีเดนจำนวน 15,000 คน ที่มีอายุระหว่าง 20 ถึง 40 ปี ได้เข้ารับอิสลามหลังจากวิกฤติภาพล้อเลียนท่านนะบีมุฮัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) และศูนย์กลางอิสลามในนครสตอกโฮล์มของสวีเดนได้มีแถลงการณ์ว่า ศาสนาอิสลามได้กลายเป็นศาสนาอันดับที่สองรองจากศาสนาคริสต์ในสวีเดนแล้ว อันเป็นสิ่งที่ทำให้รัฐบาลสวีเดนต้องให้การรับรองศาสนาอิสลามและมีการเรียนการสอนอิสลามศึกษาในโรงเรียนของรัฐบาล ในปัจจุบันจำนวนประชากรมุสลิมในสวีเดนมีมากกว่า 120,000 คน
และมีข้อน่าสังเกตด้วยว่า ศาสนาอิสลามยังคงแพร่หลายต่อไปถึงแม้ว่าจะขาดการประชาสัมพันธ์ที่เหมาะสมก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่สตรีที่ทำงานในสถาบันทางวิชาการและมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เนื่องจากอิสลามได้ให้เกียรติสตรีและกำหนดบทบาทของพวกนางเอาไว้อย่างเหมาะสม
ในสเปน ประธานสมาคมอิสลามในแคว้นกาตาลูเนีย
ซึ่งเป็นเขตที่มั่งคั่งที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสเปน กล่าวว่า : การเข้ารับอิสลามยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องถึงแม้ว่าจะมีการโจมตีอิสลามและชาวมุสลิมทั้งในสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อโทรทัศน์ของตะวันตกก็ตาม และการเข้ารับในศาสนาพุทธดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย แต่ชาวสเปนก็เลือกที่จะนับถือศาสนาอิสลาม ทางสมาคมยังได้ยืนยันอีกด้วยว่า ล่าสุดมีผู้เข้ารับอิสลามในกาตาลูเนียราว 3 ถึง 4 พันคน และจำนวนชาวมุสลิมในสเปนมีมากกว่า 1 ล้าน 5 แสน ตามการสำรวจสถิติอย่างไม่เป็นทางการ