ท่านอับดุรเราะห์มาน บิน อบีบักรฺ อัซซิดดี๊ก
(เศาะฮาบะห์ ผู้เป็นบุตรของเศาะฮาบะห์)
ท่านผู้นี้เป็นบุตรของคอลีฟะห์ท่านแรกในอิสลาม ตามปกติแล้ว บรรดาเศาะฮาบะห์ทั้งหลายนั้นมีความศรัทธามั่น เสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อสัจธรรมอิสลาม และบรรดาบุตรหลานของท่านเหล่านั้นก็จะมีลักษณะดังกล่าวเช่นเดียวกัน แต่สำหรับเศาะฮาบะห์ท่านนี้ มีเรื่องราวที่แปลกออกไปไม่เหมือนใคร ใช้ชีวิตไปตามทางของตนเอง จนในที่สุดอัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ก็ให้ได้มาบรรจบกับร่มธงของคำว่า ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ มุฮัมมะดุรเราะซูลุลลอฮ์ ท่านผู้นี้ก็คือ ท่านอัลดุรเราะห์มาน บุตรชายของท่านอบูบักร อัซซิดดี๊ก ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุมา
อับดุรเราะห์มานเป็นบุตรที่เคยสร้างความปวดร้าวใจให้แก่ชีวิตของท่านอบูบักรมิใช่น้อย เพราะในขณะที่บุตรคนอื่นๆของท่านอบูบักรฺได้เข้ามาอยู่ภายใต้ร่มเงาของอิสลาม และยิ่งไปกว่านั้น บุตรบางคนยังเป็นวีรบุรุษผู้กล้าหาญ ให้ความช่วยเหลือท่านรอซูล เมื่อครั้งการอพยพไปยังมะดีนะห์ ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของท่านอบูบักรฺเป็นอย่างยิ่ง แต่ท่าทีของอับดุรเราะห์มาน บุตรชายของท่านนั้นทำให้ อบูบักรฺ ผิดหวังและเศร้าสลดใจมาก เพราะอับดุรเราะห์มานปฏิเสธที่จะเป็นมุสลิม ปฏิเสธที่จะดำเนินตามแนวทางของบิดา ยิ่งไปกว่านั้นยังตั้งตนเป็นศัตรูต่ออิสลามอย่างเปิดเผย และไปฝักใฝ่อยู่กับฝ่ายศัตรูอิสลามเป็นเวลากว่า 15 ปี สู้รบกับบรรดาเศาะฮาบะห์ของท่านรอซูล มาโดยตลอดอีกด้วย
การปฏิบัติตนของท่านอับดุรเราะห์มาน สร้างความรันทดใจให้กับท่านอบูบักรฺมากเหลือเกิน จนถึงกับท่านได้ขับไล่บุตรชายให้ออกไปจากชายคาบ้าน ไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกันอีกในฐานะเป็นลูกเป็นพ่อกันอีกต่อไป ปล่อยทุกอย่างไว้ให้เป็นการตัดสินของอัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา องค์เดียวเท่านั้น จนกระทั่งคนทั่วไปรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี และนำมาพูดกับท่านอบูบักรฺอยู่เสมอ
ต่อมาเมื่อบรรดามุสลิมได้อพยพไปยังเมืองมะดีนะห์ และเกิดสงครามบัดรฺขึ้นในปีที่สองแห่งการอพยพ ท่านอบูบักรฺเห็นบุตรชายอยู่ร่วมกับศัตรู และในการประจัญบานกันนั้น ท่านก็ได้เห็นอับดุรเราะห์มาน บุตรชายของท่านสังหารมุสลิมตามด้วยความเคียดแค้นหลายคน การกระทำของท่านอับดุรเราะห์มานครั้งนี้ สร้างแรงกดดันให้กับท่านอบูบักรฺเหลือคณานับ
จากนั้นอีกหนึ่งปีต่อมา คือในสงครามอุฮุด ขณะที่ฝ่ายมุชริกมักกะห์ กับฝ่ายมุสลิมกำลังประจัญบานกันอยู่นั้น อับดุรเราะห์มานก็มาปรากฏตัวอยู่แถวหน้าของมุชริกในฐานะ นักแม่นธนู ประกาศท้าทายฝ่ายมุสลิมให้ออกมาดวลกันตัวต่อตัว ท่านอบูบักรฺเหลือที่จะอดทนต่อไปได้ ท่านได้ปราดไปข้างหน้าหมายจะฆ่าบุตรชายให้สิ้นซากเพื่อจะได้หมดเรื่องกันเสียที แต่ท่านรอซูล ได้ยับยั้งท่านไว้เสียก่อน ... ใครจะทราบเล่าว่าเหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร? หวังว่าอัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จะทรงฮิดายะห์ให้เขาได้รับแสงสว่างแห่งอิสลามบ้างก็เป็นได้
เมื่อสงครามอุฮุดสิ้นสุดลง แต่ละฝ่ายก็แยกย้ายกันกลับถิ่นฐานของตน ทั้งๆที่ศึกครั้งนี้ ฝ่ายมุชริกีนยังไม่สามารถกำชัยชนะไว้ได้โดยเด็ดขาดก็ตาม
แต่เมื่ออับดุรเราะห์มานกลับถึงมักกะห์ก็รู้สึกว่า เป็นครั้งแรกที่ความทุกข์ทรมานกำลังเกาะกินหัวใจของเขาอย่างหนัก เขาเคยต่อต้านการประกาศอิสลามของท่านรอซูล มาตั้งแต่ต้นจนกระทั่งบัดนี้ นับเป็นเวลาหลายปีมาแล้ว
สำนึกจากส่วนลึกแห่งหัวใจของเขาเริ่มมีขึ้น เขาเริ่มทบทวนท่าทีที่มีมาแต่ครั้งก่อน โดยรำพึงว่า :
เป็นไปเช่นนั้นได้อย่างไรกัน ทำไมตนจึงปิดกั้นปัญญาของตนต่อแสงรัศมีแห่งอิสลามอันบรรเจิดจ้าเช่นนี้
แสงแห่งสัจธรรมเริ่มสดใส ม่านหมอกของชัยฏอนที่ทำให้อับดุรเราะห์มาน มืดมิดเริ่มเสื่อมคลาย คืนนั้นเขานอนไม่หลับตลอดทั้งคืน จนต้องผลุนผลันรีบออกเดินทางจากมักกะห์โดยฉับพลัน เพื่อพบกับท่านรอซูล ที่มะดีนะห์ เพื่อให้สัตยาบันต่อท่านขอกลับเนื้อกลับตัว และสารภาพในความผิดที่แล้วมาทุกประการ
ชาวมะดีนะห์ต่างก็รู้สึกแปลกใจมากที่อยู่ๆ ก็เห็นอับดุรเราะห์มานเดินวนเวียนถามหาทางไปมัสยิด ของท่านรอซูล ในที่สุดอับดุรเราะห์มานก็ได้พบกับท่านรอซูล และได้ให้สัตยาบันต่อท่าน ขออภัยในการกระทำที่แล้วๆมาของท่าน ซึ่งท่านอบูบักรฺก็ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย น้ำตาของท่านอบูบักรฺเอ่อล้นออกมาด้วยความตื้นตันใจ ท่านกล่าวขอบคุณต่ออัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ที่บุตรชายสุดที่รักของท่านได้กลับมาสู่ศาสนาของอัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา อีกครั้ง ท่านตรงเข้าโอบกอดบุตรชายผู้เป็นที่รักไว้ด้วยความดีใจ ภายหลังจากที่ต้องพรากจากกันมานาน ภาพการพบกันของสองพ่อลูกคู่นี้ สร้างความติ้นตันใจให้แก่ผู้ที่อยู่ร่วมกัน ณ ที่นั้นจนยากที่จะลืมได้
ท่านอับดุรเราะห์มาน เริ่มศึกษาหาความรู้ในเรื่องศาสนาของอัลเลาะห์ด้วยความขมักเขม้น ทำอิบาดะห์ด้วยความอุตสาหะบากบั่น สู้รบกับพวกมุชริกีนอย่างเด็ดเดี่ยว นับเป็นท่าทีที่ไม่มีผู้ใดเคยเห็นมาก่อนเลย เหมือนกับว่าท่านต้องการจะล้างบาปด้วยการคิดบัญชีกับฝ่ายมุชริกีน ซึ่งแต่ก่อนนั้นท่านเองเคยเป็นผู้หลงผิดมาก่อน เคยให้การสนับสนุนฝ่ายมุชริกมาเป็นเวลาอันยาวนานนับสิบปี แต่มาบัดนี้ท่านต้องการจะชดใช้หนี้กรรมที่ท่านได้ก่อขึ้นมาแล้วในอดีตนั่นเอง
จากนั้นไม่ว่าจะเป็นศึกครั้งใด อับดุรเราะห์มาน อิบนิ อบีบักรฺ เป็นต้องออกไปร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่น้องมุสลิมด้วยทุกครั้ง ไม่ว่าที่ไหนที่ท่านรอซูล กล่าวคุตบะห์ เป็นต้องได้เห็นท่านอับดุรเราะห์มานร่วมนั่งฟังอยู่แถวแรกด้วยเสมอ ไม่ว่าท่านรอซูล จะไป ณ ที่แห่งใด เป็นต้องได้เห็นท่านอับดุรเราะห์มานร่วมไปกับท่านรอซูลในฐานะคนสนิทด้วยทุกครั้ง
ถ้าเมื่อใดท่านรอซูล ไม่เห็นอับดุรเราะห์มาน ท่านมักจะถามถึง และเมื่อท่านรอซูล สิ้นชีวิต ท่านก็สิ้นชีวิตไปในฐานะที่พอใจในอับดุรเราะห์มาน อิบนิ อบีบักรฺ
ท่านอับดุรเราะห์มานร่วมปราบพวกกบฏออกนอกศาสนาพร้อมกับท่านอบูบักรฺผู้เป็นบิดา และด้วยพระประสงค์ของอัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลาที่ดาบอันคมกริบของท่านสามารถปราบปรามพวกก่อกบฏออกนอกศาสนาลงได้อย่างราบคาบ
ในสมรภูมิ ยะมามะห์ ท่านได้กู่ตะโกนให้มวลมุสลิมยืนหยัดสู้รบต่อไป จนกระทั่งสามารถพิชิตกลุ่มกบฏออกนอกศาสนาของ อัสวัด ได้สำเร็จ และท่านได้นำทัพบุกเข้าประชิดตัว มุฮักกัม บุตรของ ฎุฟัยลฺ ซึ่งเป็นเสนาธิการของฝ่าย ยะมามะห์ และหลังจากนั้น พวกกบฏออกนอกศาสนาก็ต้องยอมจำนนโดยสิ้นเชิง เมื่อฝ่ายมุสลิมเข้าไปยึดป้อมปราการไว้ได้เป็นผลสำเร็จ ครั้นสมรภูมิ ยะมามะห์ ยุติลง ประชาชนก็ได้กลับมาอยู่ภายใต้ร่มธงของอิสลามอีกครั้งหนึ่ง
ในสมัยที่ท่านอุมัร อุษมาน และอาลี รอฎิยัลลอฮุฮันฮุม เป็นคอลีฟะห์นั้น ท่านอับดุรเราะห์มานให้การสนับสนุนด้วยดีตลอดมาทุกประการ ไม่ว่ากองทัพมุสลิมจะไปพิชิตเมืองใด ท่านจะต้องออกไปร่วมรบด้วยทุกครั้ง ท่านเป็นวีรบุรุษทำหน้าที่เชิญชวนสู่ศาสนาของอัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ไม่โลภหลงในดุนยา ปฏิบัติอะมั้ลอิบาดะห์ต่ออัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ด้วยความขมักเขม้น และท่านเป็นผู้ที่มีวิชาความรู้ท่านหนึ่ง
ชีวิตของผู้เป็นบุตรชายของท่านอบูบักรฺ อัซซิดดี๊ก ก็จบสิ้นลง ท่านเข้ารับอิสลามอย่างวีรบุรุษ และได้ใช้ชีวิตสมกับความเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่แล้วเช่นเดียวกัน
ขออัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงพอพระทัยท่านอับดุรเราะห์มาน บุตรท่านคอลีฟะห์ อบูบักรฺ อัซซิดดี๊กด้วยเถิด
เผยแพร่โดย : สายสัมพันธ์