ฟังความข้างเดียว
  จำนวนคนเข้าชม  24639

 

ฟังความข้างเดียว !!

โดย : อุมม์รอชิด   

 

          การฟังความข้างเดียว คือ การฟังเรื่องราวต่างๆ จากคนๆหนึ่งที่พูดถึงอีกฝ่ายหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริง หรือเท็จ ดีหรือไม่ดี แต่กลับไม่ได้ไปสอบถามฝ่ายที่ถูกพาดพิงถึงว่าเป็นความจริงหรือไม่ ไม่มีการพิสูจน์ และทำการหลงเชื่อหรือคิดว่าจริงตามที่ได้ยินมา

         การฟังความข้างเดียว เสมือนหนึ่งการนินทาว่าร้ายผู้อื่น โดยไม่มีการพิสูจน์ความจริง การพูดเรื่องหนึ่งเรื่องใด ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่นั้น คือ การนินทา ส่วนใหญ่ของการนินทาจะอยู่ในกลุ่มผู้หญิง...ส่วนใหญ่ในนรกก็คือ หมู่ผู้หญิง... แต่เดี๋ยวนี้กลุ่มนินทากลับไปอยู่ในกลุ่มผู้ชาย และหลายครั้งที่การฟังความข้างเดียวทำให้เกิดการเข้าใจผิดกันอย่างกว้างขวาง เกิดการเกลียดชังกันโดยไม่รู้สาเหตุ ทั้งที่บางคนไม่เคยได้เห็นหน้าหรือพูดคุยกันเลย  เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกันอย่างไม่มีเหตุผล เหตุเพราะเชื่อในสิ่งที่คนหนึ่งพูด โดยไม่มีการสืบเสาะหาความจริง หรือสอบถามอีกฝ่ายที่โดนพาดพิงถึงว่าความจริงเป็นอย่างไร

         ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ดี ได้กลายเป็นการใส่ร้ายป้ายสี ทำให้คนที่ไม่เคยรู้จักเกิดการเกลียดชัง ไม่ชอบฝั่งที่โดนใส่ร้ายป้ายสีไปด้วย ส่วนคนที่โดนใส่ร้าย ก็ไม่รู้สาเหตุว่าคนอื่นโกรธเกลียดเราเรื่องอะไร ?  ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น !  นานวันเข้าสังคมก็เกิดการแตกแยก เพียงเพราะคำพูดของคนที่ต้องการจะทำลายผู้อื่น

 

          สำหรับผู้ที่มีสติปัญญา เมื่อได้ฟังเรื่องราวต่างๆ จะต้องสืบหาความจริง หรือสอบถามผู้ที่โดนพาดพิง ว่าเป็นจริงดังคำกล่าวอ้างหรือไม่ ถ้าเป็นผู้รู้ทางศาสนา ต้องพยายามไกล่เกลี่ยข้อพิพาทที่เกิดขึ้นของทั้งสองฝ่ายให้ยุติลง หรือทำการพิสูจน์โดยไม่ฟังความข้างเดียว เพราะฉะนั้นควรนำทั้งสองฝ่ายมาคุยด้วยหลักการและเหตุผล มิใช่การพูดพร่ำเพรื่อ โต้แย้งให้ร้ายอีกฝ่ายโดยปราศจากหลักฐานอันเป็นจริง และนั่นเป็นสาเหตุของการแตกแยกในสังคมดังเช่นทุกวันนี้

         ผู้ที่มีปัญญาจะสามารถพินิจพิจารณาได้ว่า ใครพูดจริงใครพูดเท็จ และต้องตักเตือนผู้ที่ให้ร้ายผู้อื่นว่าไม่สมควรที่จะพูดในสิ่งที่ไม่มีมูลความจริง หรือมีส่วนในความจริงก็ไม่สมควรพูดถึงบุคคลที่สามที่ไม่ได้ร่วมในวงสนทนาด้วยในสิ่งที่ไม่ดี เพราะนั่นคือการนินทา เพราะถ้าความจริงปรากฏ ผู้ที่ใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น ก็จะโดนชาวบ้านเกลียดชัง ไม่อยากคบค้าสมาคมด้วย เพราะกลัวว่าตนเองจะถูกใส่ร้ายเช่นดังที่คนนั้นที่โดน

          ศาสนาอิสลามมีบัญญัติในการลงโทษ ผู้ที่ให้ร้าย ป้ายสี ผู้อื่น คือ การโบยด้วยไม้ถึง 80 ที เพราะบุคคลประเภทนี้เป็นผู้ที่ก่ออันตรายให้กับสังคม ใช้ปากในทางที่ไม่สร้างสรรค์ ทำให้สังคมวุ่นวาย เป็นอันตรายต่อคนรอบข้าง และทำให้ผู้อื่นต้องเสียชื่อเสียง ได้รับความเกลียดชังโดยไม่เป็นธรรม

  

" และอุปมาคำพูดที่เลว ดั่งต้นไม้ที่อับเฉาถูกถอนรากออกจากพื้นดิน มันไม่มีความมั่นคงเลย" 

(14:26)

          มุสลิม มีหลักการที่ยึดมั่น มีคำสอนที่ต้องปฏิบัติ การที่เราจะพูดหรือกล่าววาจาใดๆออกไป เราต้องคิดก่อนพูด เพราะพระองค์อัลลอฮ์ ทรงได้ยินทรงรอบรู้ มลาอิกะฮ์ทั้งซ้ายขวา ได้จดบันทึกอยู่ตลอดเวลาในสิ่งที่เราได้พูดออกไป ทุกคำพูดจะโดนจดลงสมุดบันทึกของแต่ละคนทั้งหมด

          ถ้ามุสลิมมีความยำเกรงอย่างแท้จริง เกรงกลัวการลงโทษที่จะได้รับในข้อหา ใส่ร้ายป้ายสี นินทาให้ร้ายผู้อื่น มุสลิมผู้นั้นจะไม่มีคำพูดที่ไม่ดีออกจากปากของเขาเป็นแน่แท้ หลายกลุ่มหลายพวก มักกล่าวอ้างว่าทำตามซุนนะฮ์ท่านนะบีมุฮัมมัด  แนวทางที่ดีงาม มีตัวอย่างให้เดินตาม แล้วใยจึงเป็นแค่เพียงการกล่าวอ้าง แต่ไม่นำซุนนะฮ์ที่แท้จริงมาปฏิบัติให้เกิดผลสำเร็จ เพื่อตนเอง พี่น้อง และสังคมของเรา

  

          "ลิ้น" อวัยวะหนึ่งที่จะนำพาไปสู่ไฟนรก อย่านำลิ้นของตนเองไปใช้ในทางที่ไม่เกิดประโยชน์ ไม่สร้างสรรค์ เพราะนั่นคือหนทางที่จะนำพาไปสู่ความเดือดร้อนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งโลกนี้ และโลกหน้า

          การฟังความข้างเดียวเป็นสิ่งที่ไม่มีความยุติธรรมต่ออีกฝ่ายหนึ่งที่โดนพาดพิง เพราะฉะนั้น เมื่อมุสลิมที่ใช้ปัญญา เมื่อได้ยินข่าวหนึ่งข่าวใดมา เขาจะใช้สติปัญญา คิดพิจารณา หาเหตุผล และสอบถามถึงแหล่งที่มาของข่าวนั้น ว่ามาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือหรือไม่ หรือสอบถามโดยตรงกับบุคคลที่ถูกพาดพิงถึงความจริง โดยไม่ฟังความข้างเดียว เพราะการฟังความข้างเดียว คือการไม่มีความยุติธรรมต่อพี่น้องด้วยกันเอง และพระองค์อัลลอฮ์  มิทรงชอบผู้ที่ไม่มีความยุติธรรม

 

          ขอพระองค์ ให้เราได้ใช้ "ลิ้น" ไปในหนทางที่ดี มีคุณค่า ใช้มันเพื่อการอ่านอัลกุรอาน ใช้เพื่อการระลึกถึงพระองค์ และให้ใช้มันไปในทางที่สร้างสรรค์ต่อสังคมมุสลิมด้วยเถิด

          ขอพระองค์ ทรงให้เราได้ใช้สติปัญญาที่พระองค์ประทานมา ตัดสินปัญหาต่างๆด้วยความยุติธรรมด้วยเถิด ............อามีน

 

"เจ้ามิเห็นดอกหรือว่า อัลลอฮ์ทรงยกอุทาหรณ์ไว้ว่า

อุปมาคำพูดที่ดีดั่งต้นไม้ที่ดี รากของมันฝังแน่นลึกมั่นคง และกิ่งก้านของมันชูขึ้นไปในท้องฟ้า" 

(14:24)