การบริหารงานบุคคลตามหลักการศาสนาอิสลาม โดยใช้หลักที่ว่า
การครองตน การครองคน การครองงาน
การครองคน
โดย..... อ. อรุณ บุญชม
อิสลามมีหลักในการครองคนดังต่อไปนี้ โดยอาศัยบุคลิกภาพของท่านศาสดา ดังปรากฏในคัมภีร์อัลกุรอานว่า
{ فَبِمَا رَحْمَةٍ مِّنَ اللَّهِ لِنتَ لَهُمْ وَلَوْ كُنتَ فَظًّا غَلِيظَ الْقَلْبِ لاَنفَضُّواْ مِنْ حَوْلِكَ فَاعْفُ عَنْهُمْ وَاسْتَغْفِرْ لَهُمْ وَشَاوِرْهُمْ فِي الأَمْرِ فَإِذَا عَزَمْتَ فَتَوَكَّلْ عَلَى اللَّهِ إِنَّ اللَّهَ يُحِبُّ الْمُتَوَكِّلِينَ }
آل عمران : 159
“ เนื่องด้วยความเมตตาจากอัลลอฮ์ เจ้าจึงเป็นผู้ที่สุภาพอ่อนโยนต่อพวกเขา
และถ้าหากเจ้าเป็นผู้ที่มีความหยาบคาย และมีใจแข็งกระด้างแล้ว แน่นอนพวกเขาก็คงปลีกตัวออกไปจากเจ้า
ดังนั้นเจ้าจงให้อภัยพวกเขา จงวิงวอนขออภัยโทษให้แก่พวกเขา จงปรึกษาหารือกับพวกเขาในการทำงาน
และเมื่อพวกเจ้าได้ตัดสินใจแล้ว ก็จงมอบหมายความสำเร็จให้แก่อัลลอฮ์เถิด
เพราะความจริงอัลลอฮ์ทรงโปรดปรานผู้มอบหมายทั้งหลาย”
(อาละอิมรอน 159)
(1) ความสุภาพอ่อนโยน (الرفق)
ไม่ใช้วาจาหยาบคาย ท่านศาสดามุฮัมมัด จะเป็นผู้ที่มีความสุภาพอ่อนโยนต่อคนรอบข้างทุกคน ท่านไม่เคยใช้วาจาหยาบคายกับผู้ใด ท่านไม่เคยดุว่าคนรับใช้ ท่านไม่เคยตำหนิอาหารหากท่านชอบ ท่านจะรับประทาน หากท่านไม่ชอบท่านก็จะไม่รับประทาน ท่านจะกล่าวสลามทักทายเด็กๆ เมื่อท่านเดินผ่านพวกเขา ท่านได้กล่าวแก่อาอิชะห์ภรรยาของท่านว่า
( إِنَّ اللَّهَ رَفِيقٌ يُحِبُّ الرِّفْقَ ، وَيُعْطِي عَلَى الرِّفْقِ مَا لاَ يُعْطِي عَلَى الْعُنْفِ) رواهُ مُسْلِم
“ อัลลอฮ์ สุภาพอ่อนโยน ทรงรักความสุภาพอ่อนโยนพระองค์จะมอบให้แก่ความอ่อนโยน อย่างที่ไม่เคยมอบให้แก่ความรุนแรง”
(รายงานโดยมุสลิม)
(2) ความเมตตาสงสารเห็นอกเห็นใจผู้อื่น (الرحمبة)
ท่านศาสดามุฮัมมัด เป็นผู้ที่มีใจกรุณา เมตตาและสงสารผู้อื่น มีหญิงชราชาวเมืองมะดีนะห์พาท่านไปที่บ้านเพื่อให้ท่านทำธุระให้แก่นาง ซึ่งท่านก็ไปทำให้แต่โดยดี ด้วยความสงสาร ท่านได้กล่าวเตือนผู้เป็นนายว่า จะต้องไม่บังคับใช้งานบ่าวในสิ่งที่เกินกำลังความสามารถ และท่านได้กำชับผู้เป็นนายให้ให้อาหารและเครื่องนุ่งห่มแก่บ่าว ด้วยอาหารและเครื่องนุ่งห่มที่นายรับประทานและสวมใส่ ท่านได้เตือนนักปกครองที่ใช้มาตรการรุนแรงและสร้างความยุ่งยากไว้ในคำวิงวอนของท่านว่า
“ ข้าแด่อัลลอฮ์ ผู้ใดที่ปกครองประชาชนของฉันในเรื่องหนึ่ง แล้วเขาทำให้ประชาชนต้องยุ่งยากลำบาก
ขอพระองค์จงให้เกิดความยุ่งยากลำบากแก่เขา”
แม้กระทั่งในเรื่องสัตว์ท่านได้กล่าว ผู้เอาน้ำให้สุนัขที่กระหายน้ำว่าอัลเลาะห์ขอบคุณเขาและให้เขาได้เข้าสวรรค์
แล้วมีผู้ถามท่านว่า พวกเราจะได้รับผลบุญในการการทำความดีแก่สัตว์หรือ ?
ท่านตอบว่า "การทำความดีแก่สิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ ได้รับผลบุญทั้งสิ้น”
และท่านได้กล่าว่า
“หญิงคนหนึ่งเข้านรกในเรื่องแมวที่นางได้กักขังมันไว้ โดยไม่ให้อาหารและไม่ปล่อยมันให้จับสัตว์เป็นอาหารเอง”
(3) การให้อภัยไม่ถือโทษ (العفو)
อัลลอฮ์ บัญชาใช้ให้อภัยไม่ถือโทษ และนับว่าการให้อภัยเป็นอาวุธของผู้ที่เข้มแข็งโดยพระองค์ได้ตรัสว่า
“ และพวกเจ้าจงรีบเร่งไปสู่การอภัยจากองค์อภิบาลของพวกเจ้า”
อัลลอฮ์ ทรงเชิญชวนบ่าวของพระองค์สู่การให้อภัย พระองค์ตรัสว่า
“ (โอ้ มูฮัมมัด) เจ้าจงยึดถือไว้ซึ่งการให้อภัย และจงใช้ให้กระทำสิ่งที่ดีงาม และจงผินหลังให้แก่ผู้โฉลดเขลาทั้งหลายเถิด”
“(บรรดาผู้ยำเกรง) คือบรรดาผู้ข่มโทสะ และบรรดาผู้ให้อภัยแก่เพื่อนมนุษย์ และอัลลอฮ์ นั้นทรงรักผู้กระทำดีทั้งหลาย ”
ท่านอับดุลเลาะห์ บุตรมัสอูด กล่าวว่า : ฉันมองดูท่าน นะบีมูฮัมมัด ขณะท่านกำลังเล่าถึงนบีท่านหนึ่งที่ถูกพวกพ้องของพวกเขาทำร้ายจนเลือดออก เขาใช้มือลูบเลือดที่เปื้อนใบหน้า พลางก็กล่าวว่า :
“ ข้าแด่องค์อภิบาลได้โปรดให้อภัยแก่พวกพ้องของฉันด้วยเถิด เพราะความจริงพวกเขาไม่รู้”
อิสลามอบรมมุสลิมให้ยึดถือความหมายอันยิ่งใหญ่และสูงส่งนี้จนถึงกับทำให้ท่าน
อุมัร อิบนุ คอตตอบ กล่าวว่า “ ประชาชนของฉันทุกคนได้รับการอภัยจากฉัน”
ในความหมายเดียวกันนี้ เราจะรู้สึกได้ในคำพูดของอิบนุมัสอูด ขณะที่เขานั่งอยู่ในตลาดเพื่อซื้ออาหาร เมื่อเขาต้องการจะจ่ายเงินค่าอาหาร เขาพบว่ามันได้ถูกขโมยไปเสียแล้ว ประชาชนเมื่อทราบเช่นนั้นก็ประกาศหาตัวคนที่ขโมยเงินของเขาไป
อับดุลเลาะห์ บุตร มัสอูด ได้ยกมือวิงวอนว่า : “ข้าแด่อัลเลาะห์ ถ้าหากความจำเป็น เป็นแรงผลักดันให้เขาต้องเอาเงินไป ขอพระองค์ได้โปรดเพิ่มพูนมันแก่เขา แต่ถ้าหากเขาเอามันไปโดยไม่เกรงกลัวบาป ขอพระองค์ได้โปรดให้มันเป็นบาปสุดท้ายของเขาด้วยเทอญ”
คนที่ให้อภัยผู้อื่นย่อมเป็นผู้ที่มีจิตใจสูงส่ง และงดงาม มีความมุ่งมั่นสูง มีขันติธรรม และมีความอดทน
มุอาวิยะห์ ได้กล่าวว่า : “พวกท่านจงมีความขันติธรรม และอดทน จนกว่าพวกท่านจะมีโอกาส และเมื่อพวกท่านมีโอกาส พวกท่านจงให้อภัย และให้ความกรุณา”
(4) ประชุมปรึกษาหารือ (المشاورة)
อัลลอฮ์ ได้บัญชาให้ท่านนบีมุฮัมมัด ประชุมปรึกษาหารือกับเพื่อร่วมงานดังมีความว่า
“ จงปรึกษาหารือกับพวกเขาในการทำงาน”
และยังปรากฏในคัมภีร์อัลกุรอานอีกว่า
“ และกิจการงานของพวกเขาคือการปรึกษาหารือกันในหมู่พวกเขา”
ประโยชน์ของการประชุมปรึกษาหารือก็คือผู้ร่วมงานทุกคนได้แสดงความคิดเห็นและนำเอาแนวทางที่ดีที่สุดหรือมติในที่ประชุมนั้นไปปฏิบัติ ผู้ร่วมงานทุกคนจะมีความรู้สึกว่าตนมีส่วนร่วมในแนวทางนั้นหรือมตินั้น ก็จะเกิดความร่วมมือในการผลักดันให้งานนั้นบรรลุความสำเร็จ
(5) ตัดสินใจและมอบหมายความสำเร็จให้แก่อัลลอฮ์ (العزم والتوكل)
เมื่อทุกคนมีส่วนร่วมในการประชุมปรึกษาหารือและตัดสินใจร่วมกันแล้ว ก็ให้มอบหมายความสำเร็จนั้นไว้ในอำนาจของอัลลอฮ์ พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า
“ผู้ใดมอบหมายความสำเร็จในการทำงานไว้ให้แก่อัลเลาะห์ พระองค์ผู้เดียวก็พอแล้วสำหรับเขา”
โดยเพื่อนร่วมงานทุกคนมุ่งมั่นทำงานเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จ และถ้าหากงานนั้นเกิดความล้มเหลว ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่อัลเลาะห์ได้กำหนดไว้เช่นนั้น ก็จะไม่เสียใจและหมดหวัง แต่จะลุกขึ้นมาต่อสู้ด้วยความอดทน และฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆอย่างถึงที่สุด