เสื้อผ้าที่เลียนแบบผู้ปฏิเสธศรัทธา
  จำนวนคนเข้าชม  8306

เสื้อผ้าที่เลียนแบบผู้ปฏิเสธศรัทธา

 

          เสื้อผ้าที่เป็นเรื่องน่าตำหนิเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้หญิงด้วยกันหรือมะฮรอม และเสื้อผ้าที่มีการเลียนแบบ ที่เป็นสิ่งต้องห้าม

*การเลียนแบบที่ต้องห้าม* คือ การเลียนแบบผู้หญิงที่ปฏิเสธศรัทธา หรือเลียนแบบผู้ชาย

          การเลียนแบบที่เป็นที่ต้องห้าม ในการเลียนแบบ บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธามีอยู่ด้วยกัน สอง ประการ

1) การเลียนแบบศาสนาของพวกเขาและเอาหลักยึดมั่นของพวกเขา
2) สิ่งที่พวกเขาได้เจาะจงเกี่ยวกับงานในวาระต่างๆ เช่น การแต่งกาย

          โดยที่ท่านนะบี ได้ห้ามเกี่ยวกับการเลียนแบบต่อบรรดาผู้ปฏิเสธและท่านได้ใช้ให้มีความแตกต่างจากพวกเขา ลองพิจารณาดูจากหะดีษของอิบนุอุมัร ที่ถูกต้อง (ศ่อฮีฮ) แท้จริงนะบี ได้กล่าวว่า

“ผู้ใดที่เลียนแบบชนกลุ่มใด เขาก็เป็นกลุ่มชนนั้น” (บันทึกโดยอะห์มัด อบูดาวูด )

          และมีหะดีษซึ่งท่านนะบี  ใช้ให้ทำอะไรที่ต่างกันกับบรรดาผู้ปฏิเสธ คือหะดีษของ อับดุลลอฮ์ บินอุมัร แท้จริงท่านนะบีได้เห็นเสื้อผ้าสองตัวที่ย้อมสีเหลืองฉูดฉาด ท่านได้กล่าวว่า

 “แท้จริงมันคือเสื้อผ้าของบรรดาผู้ปฏิเสธ ดังนั้นเจ้าอย่าได้สวมใส่มัน”  (บันทึกโดย มุสลิม)

         อีกหะดีษหนึ่งรายงานโดย อิบนุอุมัร ท่านนะบี  ได้กล่าวว่า

 “พวกเจ้าจงทำอะไรที่มันแตกต่างจากบรรดาผู้ที่ตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ พวกเจ้าจงตัดหนวดและพวกเจ้าจงไว้เครา” (บันทึกโดย บุคอรีย์และมุสลิม)

          จนกระทั่งการห้ามไม่ให้เลียนแบบแก่ผู้ปฏิเสธศรัทธาเป็นเรื่องถูกปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ในหมู่บรรดาศอฮาบะฮ์ ดังนั้นเมื่อปีที่เก้าแห่งการอพยพท่านนะบี ได้ใช้ให้ถือศีลอดในวันอาชูรอ ศอฮาบะฮ์ของท่านได้กล่าวแก่ท่านดังมีปรากฏในหะดีษที่รายงานโดยท่านอิบนุอับบาส  ว่า

“ โอ้ รอซูลลุลลอฮ แท้จริงมันเป็นการถือศีลอดในวันที่พวกยะฮูด (ยิว) และพวกนาซอรอ (คริสต์) ได้ให้ความยิ่งใหญ่แก่มัน(หมายถึงการถือศีลอด)” ท่านรอซูลได้ยอมรับต่อพวกเขาเกี่ยวกับความคิดเห็นนั้น โดยที่ท่านรอซูล ซ็อลลัลอฮอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า “ ดังนั้นในปีหน้าเราถือศีลอดในวันที่เก้า” แต่ยังไม่ถึงปีหน้า ท่านเราะซูล  ก็ได้เสียชีวิตลง”    (บันทึกโดยอะบูดาวูด)

และในสายรายงานของมุสลิม กล่าวว่า

“ หากฉันมีชีวิตอยู่ถึงปีหน้าแน่นอน ฉันก็จะถือศีลอดในวันที่เก้า”

           เป็นแนวทางของท่านนะบี อย่างชัดเจน ซึ่งท่านได้อบรมบรรดาศอฮาบะฮ์ด้วยกับแนวทางนั้นและพวกเขาได้เติบโตมาในบรรยากาศของการอบรบของท่านเราะซูล  ที่ให้ปฏิบัติอะไรๆที่แตกต่างจากบรรดาผู้ปฏิเสธ  จนกระทั่งพวกยะฮูดในมะดีนะฮได้กล่าวว่า

“ไม่มีสิ่งใดที่ชายคนนี้ต้องให้ละทิ้งจากการงานของเรา เว้นแต่เรานั้นได้ค้านกับสิ่งนั้น”  ( บันทึกโดยมุสลิม )

          การเลียนแบบบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเป็นการแสดงความเป็นมิตรกับพวกเขา และเป็นหลักฐานยืนยันถึงความรักที่มีต่อพวกเขา

          ท่านอิบนุตัยนียะฮ ท่านได้แต่งหนังสือที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งมีชื่อว่า : ( اقتضاء الصراط المستقيم في مخالفة أصحاب الجحيم  )  “การปฏิบัติตามหนทางที่เที่ยงตรงที่ค้านกับการกระทำของชาวนรก”

         และท่านได้กล่าวว่า แท้จริงปัญหาที่ปรากฎอยู่ภายนอกนั้น มันมีอิทธิพลมาจากปัญหาที่อยู่ภายใน และรายงานที่ถูกต้องจากท่านนะบี แท้จริงท่านได้กล่าวว่า

 “ในวันกิยามะฮ์ผู้คนจะถูกรวมให้อยู่พร้อมหน้ากับคนที่เขารัก”

           มุสลิมะฮ์ เธอต้องการที่จะอยู่ร่วมกับผู้หญิงที่เป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาหรือ?  หรือร่วมกับผู้หญิงที่อยู่ตามจอทีวี และผู้หญิงที่เป็นนักร้องกระนั้นหรือ ?

          จำเป็นที่มุสลิมะฮ์จะต้องหลีกห่างจากการแสดงความรักหรือเลียนแบบมาจากผู้ปฏิเสธเหล่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นเธอจะต้องทำอะไรที่มีความแตกต่างจากพวกเขา ดังเช่นแนวทางของท่านนะบี  และบรรดาศอฮาบะฮ์ที่ได้ปฏิบัติไว้


ตัวอย่างการเลียนแบบที่เป็นสิ่งต้องห้าม


     ตัวอย่างที่หนึ่ง: การสวมแหวนหมั้นในพิธีสู่ขอ นี่คือประเพณีของชาวนาซอรอ (คริสต์) และเป็นหลักยึดมั่นของพวกเขา โดยที่แนวคิดยึดมั่นการสวมใส่แหวนที่นิ้วนางเป็นการให้ความยิ่งใหญ่ต่ออัลมะซีย์(ท่านนะบีอีซา)  และพวกเขาได้ยึดมั่นเช่นกันว่า แท้จริงแหวนหมั้น เมื่อฝ่ายผู้หญิงได้สวมใส่ต้องทำให้เกิดความรักที่แน่นแฟ้นระหว่างสองสามีภรรยา และอื่นๆอีกมากมายในสิ่งที่เป็นเรื่องงมงายของพวกนาซอรอ (คริสต์)


     ตัวอย่างที่สอง: การใส่ผ้าคลุมสีขาวในคืนที่เข้าเรือนหอของคู่บ่าวสาว ถือเป็นการปฏิบัติของผู้หญิงชาวนาซอรอ (คริสต์) เมื่อมีการแต่งงานพวกเขามีความเชื่อว่า เมื่อสวมใส่ผ้าคลุมสีขาวในคืนที่เข้าสู่เรือนหอ มันจะขับไล่วิญญาณชั่วร้าย และจะทำให้ชีวิตคู่ราบรื่น ต่อมาก็มีบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาได้นำมาปฏิบัติ ลอกเลียนแบบมาจากชาวคริสต์ และมีอิทธิพลมาสู่มุสลิมทั้งหลายด้วยกับการโฆษณาของสื่อต่างๆ ดังนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นที่บรรดามุสลิมจะต้องรู้ และปฏิบัติให้แตกต่างจากพวกนาซอรอ (คริสต์)

     ตัวอย่างที่สาม: การสวมเสื้อผ้าที่ไม่ปกปิดเอาเราะฮ์ซึ่งได้กล่าวมาในก่อนหน้านี้แล้ว เช่น การสวมเสื้อที่คับและเปิดส่วนกลางของร่างกาย


     ตัวอย่างที่สี่: การแต้มจุดสีดำระหว่างคิ้ว(เขียนคิ้ว) เป็นการเลียนแบบผู้หญิงที่ปฏิเสธศรัทธา


     ตัวอย่างที่ห้า: การสวมใส่เสื้อผ้าที่มีรูปภาพของดารานักร้อง และการคลั่งไคล้ในตัวของเจ้าของภาพ ซึ่งรื่องนี้ คือการเลียนแบบผู้ปฏิเสธศรัทธาและผู้หญิงที่ไม่ดีทั้งหลายอย่างงมงาย


          โอ้ น้องสาว พี่สาวที่มีเกียรติทั้งหลาย แท้จริงการลอกเลียนแบบบรรดาผู้ปฏิเสธเป็นเครื่องชี้ถึงความพ่ายแพ้ทางจิตใจ และเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความนอบน้อมต่อพวกเขา และแท้จริงผู้ที่ทำการลอกเลียนแบบ เขาถือว่าบรรดาผู้ปฏิเสธมีความยิ่งใหญ่ และให้ความสำคัญต่อพวกเขา ดังนั้นการลอกเลียนแบบผู้ปฏิเสธศรัทธา เป็นสัญญาณบอกว่า ผู้ที่เลียนแบบเป็นผู้ที่มีความบกพร่องในตัวเองเลยต้องเลียนแบบผู้อื่น

          เกียรติอันใดเล่า จะยังคงเหลือแก่หญิงผู้ศรัทธาเมื่อเธอได้เลียนแบบหญิงที่ปฏิเสธโดยไร้จุดยืน ผู้หญิงที่มีความต้องการที่จะเลียนแบบ ผู้ประกาศข่าว นักจัดรายการ นักร้อง นักแสดง ไม่ว่าจะเป็นการเลียนแบบในเรื่องของการแต่งกาย หรือสิ่งอื่น เช่น การตัดผมสั้น ท่วงทีในการเคลื่อนไหว หรือแม้แต่วาจาการพูด และยังมีเรื่องอีกมากมาย แต่มันเป็นสิ่งที่น่าละอาย ถ้านำมากล่าวตรงนี้

          อัลลอฮ์ ผู้ทรงยิ่งใหญ่ แท้จริงเรื่องนี้เป็นการยืนยันถึงความจริงที่ท่านนะบี  ได้บอกและได้ตักเตือนไว้ว่า :

“ แน่นอนพวกเจ้าจะปฏิบัติตามกลุ่มชนที่มาก่อนพวกเจ้า คืบเป็นคืบ ศอกเป็นศอก ถึงแม้พวกเขาจะเข้ารูแย้ แน่นอนพวกเจ้าก็จะเข้าตามไป”

พวกเขา(บรรดาศอฮาบะฮ์ )ได้ถามว่า : ชาวยิวและชาวนาซอรอ (คริสต์)ใช่ไหม?

ท่านนะบีได้กล่าวว่า : จะมีใครอีกหรือ? 

(บันทึกโดยบุคอรีและมุสลิม)


لبا س المرأة

เชคยูซุฟ บินอับดิลลาฮ อัลอะฮหมัด

แปลโดย  : อิสมาอีล บิน กอซิม