พัฒนาอย่างไรให้รู้จัก “พอใจในตัวเอง”
  จำนวนคนเข้าชม  21915

พัฒนาอย่างไรให้รู้จัก “พอใจในตัวเอง”
 

 
 
       การเรียนรู้ที่จะ “พอใจในตนเอง” เป็นกระบวนการทางจิตวิทยาเพื่อพัฒนาตนเองและยังเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะนำไปสู่การรู้จัก “นับถือตนเอง” (Self-esteem) และความเชื่อมั่น เพราะตราบใดที่เราสามารถรู้สึกพึงพอใจในตนเองอย่างแท้จริงได้ เราจะสามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขและรู้สึกเต็มยิ่งขึ้นไม่ว่าจะต้องประสบกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ตาม ดังพระราชดำรัสของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราที่ตรัสเรื่องของ “ความพอเพียง” ไว้อยู่เสมอ
      
       มีขั้นตอนที่ไม่ยากเกินไปที่เราสามารถปฏิบัติได้เพื่อให้พอใจในตนเอง ดังนี้
      
       ดูแลเอาใจใส่ตัวเอง ดูเหมือนไม่ยาก แต่กลับไม่ง่ายนักในทางปฏิบัติ ชีวิตประจำวันในทุกวันนี้ ต้องอาศัยวินัยและความหนักแน่นในการควบคุม และเตือนให้เอาใจใส่ตัวเองให้มากขึ้นเสมอ
      
       กินดีให้ได้ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ มีคำแนะนำมากมายเกี่ยวกับเรื่องของการดูแลเรื่องอาหารเพื่อสุขภาพและการออกกำลังกายสารพัดวิธีที่ดีและเหมาะสม สิ่งที่สำคัญคือ ทำให้ได้และให้เป็นกิจวัตร เพราะวิถีสุขภาพดีนี้ จะนำมาซึ่งความสุขทางกายแล้วส่งผลให้คุณมีทัศนคติที่ดีต่อตนเอง ทำให้มีความสุขทางใจ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่คุณจะสามารถรู้สึกพอใจในตนเองได้
      
       อย่าเผลอลืมผ่อนคลาย แม้คุณจะง่วนอยู่กับงานทั้งวัน แต่ควรหาเคล็ดลับที่ช่วยคลายความเครียดหรือความจำเจมากระตุ้นต่อมเพื่อคลายเครียดบ้าง เช่น หากต้องทำงานกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา อาจหาเว็บไซต์ที่ชวนหัวเราะไว้ในรายการโปรดของคุณด้วย หรือ ตั้งเป็นหน้าแรกไว้ คุณจะได้เริ่มต้นวันด้วยอารมณ์แจ่มใสตั้งแต่เริ่มงาน
      
       ยอมรับว่าใช่ นี่แหละตัวฉัน การรู้สึกเห็นพ้องอย่างซื่อสัตย์กับใจตนเองต่อบุคลิก ลักษณะนิสัยของคุณเอง เป็นการยอมรับในความเป็นตัวตนของคุณ และมันจะสะท้อนถึงการกระทำและพฤติกรรมที่แท้จริงของคุณออกมา
      
       รู้จักหมั่นคิดสิ่งดี หาสิ่งจรรโลงใจที่จะหล่อหลอมความเป็นคน “คิดดี” ให้กับตนเองเสมอๆ เช่น อ่านหนังสือดีๆ ฟังดนตรีไพเราะ ใฝ่หาและเพิ่มพูนความรู้ที่เป็นประโยชน์และทันสมัยให้ตนเองตลอดเวลา การเรียนรู้ยิ่งมาก ยิ่งเพิ่มความมั่นใจในตนเองตามไปด้วย
 
       หลีกลี้การเปรียบเทียบ เคยลองสังเกตตัวเองบ้างไหมว่าเราชอบเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นโดยไม่รู้ตัว ทั้งนี้เป็นเพราะแนวโน้มธรรมชาติวิสัยของมนุษย์ โดยเฉพาะการนำจุดด้อยของตนเองไปเปรียบเทียบกับจุดเด่นของผู้อื่น จึงมักก่อให้เกิดความรู้สึกสลดทดท้อในตัวเอง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อกระบวนการพัฒนาตนเองเลยแม้แต่น้อย และควรจำไว้ว่า ไม่มีความจำเป็นอะไรที่เราต้องไปพิสูจน์ตัวตนให้คนอื่นเห็นเสมอไป เพราะตัวเราเองที่รู้ดี เป็นตัวของตัวเองแล้วคนอื่นจะเห็นเองไม่ช้าก็เร็ว
      
          จัดระเบียบพัฒนาความพิเศษของตน ฝึกฝนและแบ่งปัน แทนที่จะมัวนั่งเปรียบเทียบกับคนอื่น หันมาค้นหาจุดเด่นที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง ย้ำกับตัวเองเสมอว่า “ทุกคนต้องมีความพิเศษในตัว” ฉะนั้นอย่ามัวซึมเศร้าว่าตัวเราช่างไร้ค่า อะไรก็ไม่เก่ง อะไรก็ไม่เป็น ถ้าคุณมัวแต่คิดเช่นนั้น คุณก็จะเป็นอย่างที่คุณคิด บางคนหาไม่เจอในความพิเศษของตัว ลองเปลี่ยนวิธีหา คิดดูว่า อะไรคือสิ่งที่คุณชอบที่สุด และนั่นล่ะคือสิ่งที่จะทำให้คุณค้นเจอในความพิเศษของตัวเองได้ เมื่อพบแล้ว ต้องหมั่นฝึกฝนพัฒนาให้ดีขึ้นแล้วนำมาแบ่งปันแลกเปลี่ยน ความพิเศษนั้นจะ พิเศษยิ่งขึ้นเพราะได้เป็นประโยชน์กับคนอื่นด้วย ผู้รับก็พึงพอใจและประทับใจในเรา และนั่นเป็นหนทางที่เราจะเกิดความภาคภูมิ และพึงพอใจในตัวเอง
      
       รู้จักหมั่นเรียนรู้ที่จะต่อสู้กับการ “ให้อภัย” เพราะการให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ การให้อภัยเป็นกุศลบุญที่สร้างความสุขให้ทั้งผู้ให้และผู้รับอย่างหนึ่ง รวมถึงการให้อภัยตัวเองเพราะนอกจากจะเป็นการลดภาระอันหนักอึ้งที่สะสมอยู่ในใจ คุณจะมีความสุขได้เมื่อรู้สึกว่าใจไม่ติดค้างกับใคร แม้กระทั่งกับคุณเอง
      
       ควรฝึกจิตให้พอใจกับสิ่งใดๆที่ได้รับ หากคุณยังรู้สึกว่าตัวเองยังโชคร้าย ลองคิดทบทวนหรือบันทึกสิ่งดีๆที่คุณได้รับในแต่ละวัน แล้วคุณจะประหลาดใจว่ามากมายสิ่งดีที่ยังผ่านเข้ามาในชีวิต แล้วคุณจะเห็นว่าตัวเองนั้นโชคดีกว่าคนอื่นอีกหมื่นแสนล้านหลายเท่านัก
 
 


Manager online / life & Family