“ผู้ศรัทธา กับ งานในฝัน”
มีโอกาสได้อ่านบทความจากวารสารเล่มหนึ่ง แค่เห็นชื่อแล้วทำให้นึกถึงบรรยากาศความร้อนและความวุ่นวายในวันแห่งการสอบสวน วันที่ดวงอาทิตย์อยู่เหนือศีรษะแค่คืบ ถ้าไม่มีร่มเงาแห่งอิสลามช่วยปกคลุม เราคงไม่แค่เดือดร้อน แต่คงต้องร้อนจนเดือดแน่ ๆ
และบทความหนึ่งที่ทำให้เราได้คิดว่า ทุกการกระทำของเราขณะที่อยู่ในดุนยานี้ล้วนเป็นอิบาดะห์ความดี ที่จะได้รับการตอบแทนในโลกหน้าได้ทั้งสิ้น ผู้เขียนบทความนี้คือ คุณยูซุฟ อบูบักรฺ ตั้งชื่อบทความว่า “Job & Career” ซึ่งเมื่ออ่านเนื้อหาแล้ว ยิ่งโดนใจ จนอดไม่ได้ที่จะถ่ายทอดออกมา :
คงไม่มีใครปฏิเสธว่า มนุษย์ทุกคนต่างต้องดิ้นรนประกอบอาชีพ หลากหลายผู้คนที่เป็นลูกจ้าง เป็น “มนุษย์เงินเดือน” ทั้งที่เป็นโดยเต็มใจ และที่เป็นโดยจำใจ แต่จะด้วยเหตุใดก็ตาม เมื่อถึงวันสิ้นเดือน เขาก็จะได้รับเงินเดือนเป็นค่าตอบแทน ทั้งๆ ที่บางคนฝืนใจทนทำงานนั้นอย่างเบื่อหน่าย วันๆ นั่งนับชั่วโมงนับนาที ลุ้นให้เวลางานผ่านไปไวๆ ทั้งๆ ที่เช้านั้นก็มาสาย แถมวันๆ ก็คอยแต่หลบเลี่ยงงาน อู้ได้เป็นอู้ แอบหลับได้เป็นหลับ ตกเย็นกลายเป็นคนตรงต่อเวลา ได้เวลาเลิกงาน ‘ข้าเผ่นทันที’ คนเช่นนี้มีอยู่มากมายแทบทุกองค์กร พอถึงสิ้นปีไม่ได้โบนัสก็โวยวาย เงินเดือนขึ้นน้อยกว่าเพื่อนก็ก่นด่าเจ้านายว่าไม่ยุติธรรม เล่นพรรคเล่นพวก ชอบแต่คนคอยประจบเอาใจ น้อยคนนักที่จะมองและทบทวนตัวเอง
พนักงานเหล่านั้นมักจะคิดว่า ‘ฉันทำเต็มที่แล้ว’ ‘ทำงานมาก ก็ไม่เห็นได้อะไรขึ้นมา’ ‘ผู้บริหารชอบเอาเปรียบ’ ‘ทำงานมาก แต่เงินเดือนน้อย’ ‘ขาดไม่ได้ มีแต่หักเงิน เพิ่มไม่เคยมี’ ‘ฉันไม่มีทางเลือก มีเมื่อไหร่ฉันจะไปทันที’ ซึ่งเป็นความคิดที่อยู่คู่กับพนักงาน แทบทุกองค์กร ยากที่จะสลัดให้หลุดออกจากสมองจากหัวคิดของ “มนุษย์เงินเดือน” ซึ่งเป็นผู้ทำงานตามคำนิยามของคำว่า “Job” นั่นเอง
Job หมายถึง การทำงานที่หวังเพียงค่าตอบแทน ทำเท่าที่เป็นหน้าที่ นอกเหนือจากนั้นไม่ใช่งานของเราก็ไม่ทำ ไม่ต้องช่วย ทนทำให้ถึงสิ้นเดือนเพื่อเงินเดือนที่ตั้งตารอ เป็นงานที่แสนทรมานและหนักอึ้ง งานที่ต้องทนทำอย่างทรมานมักทำให้การทำงานนั้นไม่มีความสุข และไม่ค่อยมีอนาคต เพราะสักที่จะทำให้พ้นไปวันๆ ตลอดเวลาที่ทำงานรู้สึกเหมือนร่างกายถูกพันธนาการไว้ที่อาคารหรือห้องสี่เหลี่ยม แต่หัวใจล่องลอยโบยบินแสวงหาที่ทำงานแห่งใหม่อยู่ร่ำไป
ส่วน Career หมายถึง งานในฝัน งานในอุดมคติ เป็นความเปี่ยมสุขที่ได้ทำงานชิ้นนั้น ถึงแม้รางวัลการตอบแทนจะน้อยนิด แต่มีความรู้สึกว่าภาคภูมิใจและตั้งใจทำอย่างทุ่มเท ซึ่งบางครั้งงานที่ทำอยู่อาจจะไม่ใช่งานที่เคยใฝ่ฝัน แต่เมื่อลงมือกระทำอย่างตั้งใจ ทุ่มเท เสียสละ จนงานนั้นสำเร็จลุล่วงด้วยดี ก็ก่อให้เกิดความสุขใจได้ จึงกลายเป็นงานในฝันของคุณไปโดยปริยาย
เป็นเรื่องที่น่าแปลก..ในงานชิ้นเดียวกันหรืออาชีพเดียวกัน คนหนึ่งทำเหมือนกับแบกภูเขาไว้บนอกสุดแสนจะทรมาน แต่อีกคนกลับทำอย่างมีความสุข ทุ่มเท เสียสละ ไม่คำนึงถึงเวลาที่เสียไป และไม่ติดยึดอยู่กับค่าตอบแทนหรือของขวัญรางวัล นั่นคือ ความแตกต่างของคนที่ทำงานแค่ “Job” กับคนที่ทำงานในฝัน “Career”
ดังนั้นเมื่อเราไม่สามารถเลือกงานที่ทำได้ เราจะต้องพยายามเปลี่ยน Job งานของเราให้เป็น Career งานในฝันให้ได้ ด้วยกับการเปลี่ยนพฤติกรรมส่วนหนึ่งดังต่อไปนี้
หนึ่ง....การตั้งเจตนา ให้ตั้งเจตนารมณ์ว่างานที่กำลังทำ กระทำเพื่ออัลลอฮ์
สอง....มีความรับผิดชอบ งานที่เราทำเป็นอมานะฮฺ (หน้าที่) ซึ่งจะถูกสอบสวนในสิ่งที่รับผิดชอบ การหลบเลี่ยงไม่ได้จบสิ้นกับการที่ผู้บริหารไม่เห็น หรือไม่ถูกหักเงินเดือน ถึงแม้ผู้บริหารหรือมนุษย์คนใดไม่เห็น แต่พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงอภิบาลทรงเห็นในทุกอิริยาบทของการเคลื่อนไหว
สาม....หวังผลตอบแทนจากอัลลอฮ์ ต้องตระหนักเสมอว่า งานที่เราทำอยู่ อัลลอฮ์ เป็นผู้เฝ้าดู พระองค์เป็นผู้ตอบแทน ความดีของบ่าวจะไม่สูญหายไปจากตาชั่งอย่างแน่นอน
สี่....เปลี่ยนทัศนคติ ไม่ว่าความรู้สึกที่มีอคติต่อผู้บริหาร หรือเพื่อนร่วมงาน พยายามมองโลกในแง่ดี เป็นคนคิดบวก ต้องพยายามเข้าใจต่อบริบทขององค์กร สิ่งสวยงามในองค์กรยังมีอีกมากที่เราไม่พยายามมอง เพราะที่เราเพ่งมองก็แต่ความบกพร่อง หรือมองของที่มาบั่นทอนความรู้สึก สถานที่แห่งใหม่ที่เรากำลังฝันถึงเรามั่นใจได้อย่างไรว่าจะสุขสบายหรือเลิศเลอเพอร์เฟ็คต์ไปกว่าสถานที่ที่เราเห็นและเป็นอยู่
ดังนั้น Job งานที่เราเคยทำเพื่อแลกกับค่าตอบแทนเพียงน้อยนิด สามารถเปลี่ยนให้เป็น Career งานในอุดมคติหรืองานในฝัน ที่ทำแล้วมีความสุข และได้รับภาคผลบุญเป็นการตอบแทน ก็สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยกับหลายปัจจัยที่กล่าวมา
อิสลามเป็นศาสนาที่อัลลอฮ์ คัดเลือกมาให้แก่มวลมนุษยชาติ เป็นของกำนัลอันล้ำค่าแด่มวลผู้ศรัทธา งานที่เราปฏิบัติจะได้รับการตอบแทน ณ ที่อัลลอฮ์ ขึ้นอยู่กับการตั้งเจตนาของเรา ถึงแม้งานนั้นเป็นงานเพื่อดุนยา หากเหนียตดีผลบุญก็ไม่เป็นที่ต้องห้ามแต่ประการใด และเมื่อเราก้าวไปถึงจุดนั้นได้ งานที่เราเคยคิดว่าน่าเบื่อหน่ายสุดแสนจะทรมาน จะกลายเป็นงานที่มีคุณค่า ให้ความสุขและผลตอบแทนแก่เราทั้งดุนยาและอาคีเราะฮฺ
“ทุกคนมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบและจะถูกสอบสวนในหน้าที่ที่เขารับผิดชอบ
ผู้นำมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบและจะถูกสอบสวนในหน้าที่ที่เขารับผิดชอบ
สามีมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อสมาชิกในครอบครัวและจะถูกสอบสวนในหน้าที่ที่เขารับผิดชอบ
ภรรยามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบดูแลบ้านของสามีและจะถูกสอบสวนในหน้าที่ที่นางรับผิดชอบ
คนรับใช้มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อทรัพย์สินของเจ้านายและจะถูกสอบสวนในหน้าที่ที่เขารับผิดชอบ”
(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์, มุสลิม, อัตติรฺมิซีย์ และอะหฺมัด)
อิสฮาก บินซาฟิอีย์