สิ่งที่ทำให้เสียอิสลามประการที่ 1
แปลโดย... อิสมาอีล กอเซ็ม
การตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ ในการเคารพภักดี
قال الله تعالى ( إن الله لا يغفر أن يشرك به ويغفر ما دون ذلك لمن يشاء )
อัลลอฮ์ ทรงตรัสไว้ว่า
“ แท้จริงอัลลอฮ์จะไม่อภัยโทษ กับการตั้งภาคีต่อพระองค์ แต่พระองค์จะอภัยโทษ สิ่งอื่นที่นอกเหนือจากการตั้งภาคี สำหรับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์”
وقال تعالى – ( إنه من يشرك بالله فقد حرم الله عليه الجنة ومأواه النار وما للظالمين من أنصار )
อัลลอฮ์ ได้ตรัสไว้ว่า
“ แท้จริงผู้ใดที่ตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ แน่นอน อัลลอฮ์ได้ห้ามสวนสวรรค์แก่เขา และที่พำนักของเขา คือ นรก
และสำหรับบรรดาผู้ที่อธรรม(หมายถึงผู้ที่ตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์) จะไม่ได้รับการช่วยเหลือใด”
ตัวอย่างของการตั้งภาคีคือ การเชือดต่อสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮ์ เช่น การเชือดต่อญินและชัยตอน
สิ่งที่ทำให้เสียอิสลามประการแรก คือ การตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ ผู้ที่แต่งหนังสือได้กล่าวถึงข้อตัดสินสองข้อด้วยกัน คือ กฏเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติต่อผู้ตั้งภาคีในโลกนี้ และ กฏเกณฑ์ที่จะถูกปฏิบัติต่อเขาในโลกหน้า
หลักฐานที่ตัดสินผู้ตั้งภาคีในโลกนี้
( إن الله لايغفر أن يشرك به ويغفر مادون ذلك لمن يشاء )
“แท้จริงอัลลอฮ์จะไม่อภัยโทษ แก่การตั้งภาคีต่อพระองค์ แต่พระองค์จะอภัยโทษนอกเหนือจากการตั้งภาคี สำหรับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์”
การตั้งภาคีนั้นเป็นบาปที่จะไม่ได้รับการอภัยโทษ จุดประสงค์ของชีริกในอายะนี้ คือ การตั้งภาคีที่อยู่ในประเภทการตั้งภาคีใหญ่ เนื่องจากอัลลอฮ์ ได้เจาะจงว่าการทำ “ชีริก” นั้นจะไม่ได้รับการอภัยโทษ และพระองค์จะอภัยบาปอื่นที่มิใช่การตั้งภาคี ด้วยความประสงค์ของพระองค์
หลักฐานที่สองที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินในโลกหน้า
การตัดสินของเขาในโลกหน้าคือ ผู้ที่ตั้งภาคีจะถูกห้ามมิให้เข้าสวรรค์ และจะต้องเป็นชาวนรกที่ต้องอยู่ในนรกตลอดกาล
قال تعالى ( إنه من يشرك بالله فقد حرم الله عليه الجنة ومأواه النار وما للظالمين من أنصار )
“ แท้จริงผู้ใดที่ตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ แน่นอน อัลลอฮ์ได้ห้ามสวนสวรรค์แก่เขา และที่พำนักของเขาก็คือ นรก
และสำหรับบรรดาผู้ที่อธรรม จะไม่ได้รับการช่วยเหลือใด”
เมื่อข้อตัดสินของเขาในโลกนี้ คือ การไม่ได้รับการอภัยโทษจากอัลลอฮ์ และในโลกหน้าเขาจะต้องเข้าไปอยู่นรกตลอดกาล เราขอวิงวอนจากอัลลอฮ์ ให้รอดพ้นจากสภาพที่กล่าวมา และกฏเกณฑ์ที่จะต้องปฏิบัติต่อผู้ปฏิเสธ หรือผู้ตั้งภาคี คือ ต้องทำการแยกสามีและภรรยาออกจากกัน หมดสภาพจากการเป็น สามี ภรรยากัน นอกจากเขาได้ทำการเตาบัต กลับตัว เพราะหญิงมุสลิมะห์นั้น ไม่อนุญาตให้อยู่ภายใต้การดูแลของชายกาเฟร(ปฏิเสธศรัทธา)
قال تعالى : ( لا هن لهم ولا هم يحلون لهن )
อัลลอฮ์ ได้ตรัสไว้ว่า
“ พวกนางนั้นไม่เป็นที่อนุญาตแก่พวกเขา และพวกเขาก็ไม่เป็นที่อนุญาตแก่นาง ”
หมายความว่า บรรดาผู้ปฏิเสธนั้นไม่อนุญาตให้แต่งงานกับบรรดาผู้ศรัทธา
قال تعالى : ( ولا تنكحوا المشركين حتى يؤمنوا )
อัลลอฮ์ ได้ตรัสไว้ว่า
“พวกเจ้าอย่าได้ทำการสมรส แก่บรรดาชายที่เป็นผู้ที่ตั้งภาคี จนกว่าพวกเขาจะศรัทธา”
เช่นเดียวกัน ข้อตัดสินของผู้ตั้งภาคีเมื่อได้เสียชีวิตลง ก็ไม่ต้องละหมาดให้ และไม่ต้องอาบน้ำศพให้ และไม่อนุญาตให้ไปฝังในสุสานของมุสลิม และ ไม่อนุญาตให้เขาเข้าสู่เมืองมักกะห์ด้วย เนื่องจากเมืองมักกะห์เป็นที่ต้องห้ามสำหรับผู้ปฏิเสธ มุชริกนั้นห้ามเข้าไปยังมักกะห์
قال تعالى : ( يأيها الذين آمنوا إنما المشركون نجس فلا يقربوا المسجد الحرام بعد عامهم هذا )
อัลลอฮ์ ได้ตรัสไว้ว่า
“ โอ้บรรดาผู้ที่ได้ศรัทธา แท้จริงบรรดาผู้ที่ตั้งภาคีนั้น เป็นสิ่งที่สกปรก พวกเขาอย่าได้เข้าใกล้ มัสยิดหะรอม หลังจากปีของพวกเขานี้”
กฏเกณฑ์ต่างที่ต้องปฏิบัติ คือ ผู้นั้นจะไม่ได้รับมรดก และคนอื่นก็ไม่สามารถรับมรดกจากเขาได้เช่นเดียวกัน เช่น ภรรยาและลูกที่เป็นมุสลิมไม่สามารถที่จะรับมรดกของกาฟริ(ผู้ปฏิเสธ) ได้เช่นเดียวกัน และทรัพย์ของเขาต้องตกเป็นของกองคลังมุสลิม นอกจากมีลูกที่เป็นผู้ปฏิเสธเหมือนกัน จึงจะรับมรดกได้
لقوله النبي صلى الله عليه وسلم ( لا يرث المسلم الكافر ولا الكافر المسلم )
ท่านนะบี กล่าวว่า
“มุสลิมนั้นอย่าได้รับมรดก ของผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา และผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาอย่าได้รับมรดกมุสลิม”
และเมื่อเขาได้เสียชีวิตลงในสภาพของผู้ปฏิเสธศรัทธา เขาจะเป็นผู้หนึ่งที่อยู่ในนรกตลอดกาล และถูกห้ามจากการเข้าสวรรค์ เมื่อเขายังดำรงอยู่ในสภาพการตั้งภาคี
จากหนังสือ شرح نواقض الإسلامอธิบายโดย الشيخ عبد العزيز الراجحي