สำหรับผู้ที่ขาดละหมาด
  จำนวนคนเข้าชม  16875

 

 

กฎระเบียบสำหรับผู้ที่ขาดละหมาด

 


          จากฮะดีษที่ซอเฮียะได้กล่าวอย่างชัดเจน  ถึงบุคคลที่ขาดละหมาดว่า  เขาคือชาวกาเฟร (ผู้ปฏิเสธศรัทธา)  ซึ่งหากตีความตามฮะดีษ  จำเป็นที่จะต้องทำการแบ่งแยกบุคคลดังกล่าว  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของมรดก  สุสาน  รวมถึงการให้สลามและการตอบรับสลาม  เพราะว่าไม่มีการอวยพรขอความสันติให้กับคนกาเฟร  ซึ่งหากพิจารณาในเรื่องของจำนวนประชากรแล้ว  เราจะพบว่า  ชายผู้ศรัทธาและชายผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น  มีจำนวนที่ใกล้เคียงกัน  ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้ที่ดำรงการละหมาดคิดได้เพียง 6 %  และเมื่อเทียบกับจำนวนของผู้หญิงแล้ว  ถือว่าจำนวนผู้ที่ดำรงการละหมาดนั้นมีน้อยมาก 

 

         สำหรับผู้ที่ขาดละหมาด  อิสลามได้กล่าวถึงบุคคลดังกล่าวไว้ว่าอย่างไร  และมีกฎระเบียบในการให้สลามและตอบรับสลามแก่ผู้ที่ขาดละหมาดอย่างไรบ้าง ?


บรรดาการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของพระองค์ อัลลอฮ์

 

         บรรดานักวิชาการได้มีความเห็นที่แตกต่างกัน  ซึ่งความคิดเห็นเกี่ยวกับผู้ที่มีเจตนาขาดละหมาดแต่ไม่ได้ปฏิเสธการละหมาดนั้น มีดังนี้  

          นักวิชาการบางกลุ่ม  ถือว่าผู้ที่ขาดละหมาด  เป็นผู้ปฏิเสธ  เขาจะถูกพิจารณาว่าได้ออกจากศาสนาอิสลามไปแล้ว  ซึ่งคือผู้ที่ตกศาสนา  นอกจากเขาจะต้องทำการสำนึกผิดเป็นเวลา 3 วัน  ซึ่งถ้าไม่ได้กระทำการสำนึกผิด  เขาจะต้องถูกประหารชีวิตอันเนื่องมาจากการที่เขาออกจากศาสนา  และจะไม่มีการละหมาดเพื่อคนตายให้กับเขา  และศพนั้นไม่สามารถที่จะนำมาฝังในสุสานของมุสลิมได้  และไม่มีการกล่าวสลามจากคนมุสลิมให้กับเขาเช่นกัน  ไม่ว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว  และไม่มีการกล่าวสลามตอบกลับด้วย  นอกจากนี้การละหมาดเพื่อขอการอภัยโทษและขอความเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าต่อเขาก็จะไม่เกิดขึ้น  และเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะรับมรดก  อีกทั้งทรัพย์สมบัติก็ไม่สามารถนำมาใช้เป็นมรดกได้  นอกจากจะนำเข้าสู่กองทุนของมุสลิม (บัตตุ้ลมาล)  ซึ่งกฎระเบียบนี้  จะถูกนำมาใช้ต่อบุคคลที่ขาดการละหมาด  ไม่ว่าจำนวนของผู้ที่ขาดละหมาดนั้นจะมีจำนวนมากหรือน้อยก็ตาม

          จากความคิดเห็นข้างต้นนี้  ถือว่าเป็นที่ยอมรับและมีความถูกต้อง  อันเนื่องมาจากคำกล่าวของท่านนะบีมุฮัมมัด  ที่ได้กล่าวไว้ว่า

 “ความแตกต่างระหว่างพวกเราและพวกเขานั้น  ก็คือการละหมาด  ผู้ที่ไม่ทำการละหมาดคือผู้ที่ปฏิเสธการศรัทธา” 

 

(รายงานโดย Imaam Ahmad และกลุ่มซุนนะฮ์)  

 

“ไม่มีความแตกต่างกันระหว่างผู้ศรัทธาและผู้ปฏิเสธศรัทธา  นอกจากการละหมาด  (ใครก็ตามที่ขาดการละหมาดเขา คือ กาเฟรและมุชริก)

 

(จากรายงานของ Imaam Muslim ในรายงานซอเฮียะและรายงานฮะดีษอื่น ๆ ที่คล้ายกัน)

 

       แต่นักวิชาการส่วนใหญ่นั้น  มีความคิดเห็นสำหรับผู้ที่ขาดละหมาดนั้น  ถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม  โดยกล่าวว่าผู้ที่ปฏิเสธการละหมาด  ตามหลักการศาสนาแล้ว  กลุ่มนี้คือคนกาเฟร(ผู้ปฏิเสธ) และได้ตกจากศาสนาอิสลามแล้ว  ซึ่งกฎระเบียบนี้สอดคล้องกับบุคคลที่ได้กล่าวไว้แล้วในข้างต้น 

 

         สำหรับบุคคลที่ไม่ได้ปฏิเสธการละหมาด  แต่ขาดละหมาดอันเนื่องมาจากความเกียจคร้าน  ถือเป็นกลุ่มที่สอง  ในกรณีนี้ถือว่ามีความผิด ซึ่งเป็นบาปใหญ่  แต่ยังไม่ถือว่าตกจากศาสนาอิสลาม  ซึ่งควรจะทำการสำนึกผิดเป็นเวลานาน 3 วัน  และหากได้กระทำดังกล่าวแล้ว  อัลฮัมดุลิ้ลลาฮ์ (บรรดาการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของพระองค์อัลลอฮ์ ) เขาสามารถที่จะทำการรับมรดก และทรัพย์สมบัติสามารถนำมาใช้เป็นมรดกได้ 

          แต่ถ้าหากไม่สำนึกผิด เขาจะได้รับโทษประหารชีวิต  อันเนื่องจากทำการทิ้งละหมาดและไม่ยอมสำนึกผิด  (การลงโทษนี้ไม่ใช่สาเหตุที่เขาเปลี่ยนจากมุสลิมมาเป็นกาเฟร)  ในกรณีนี้ศพของเขาจะถูกนำมาอาบน้ำ  และห่อด้วยผ้าห่อศพ  ซึ่งการละหมาดสำหรับบผู้เสียชีวิตนั้น  จะมีขึ้นได้       และการละหมาดเพื่อขออภัยโทษและขอความเมตตาให้แก่เขานั้นก็มีขึ้นได้เช่นกัน  รวมทั้งศพจะถูกฝังในสุสานของชาวมุสลิม 

 

           ซึ่งกฎระเบียบนี้เป็นกฎที่ใช้ทั่วไปกับบรรดาพี่น้องมุสลิมที่มีความผิดเกิดขึ้น  ไม่ว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิตไปแล้ว  ผู้ที่มีความผิดแต่ไม่ได้ตกไปจากศาสนาอิสลามนั้น  หากยังมีชีวิตอยู่  สามารถที่จะทำการับมรดกได้  และทรัพย์สินก็สามารถที่จะถูกนำมาใช้เป็นมรดกได้ด้วย  และเมื่อตายไป  การละหมาดสำหรับคนตายและการฝังในสุสานของมุสลิมนั้นเป็นที่อนุมัติ

 

จาก ฟัตวา al-Lajnah al-Daa’imah, 6/49

 

http://www.islamqa.com/en/cat/59

แปลและเรียบเรียงโดย  นูรุ้ลนิซาอ์