ชัยชนะของผู้อดทน
โดย : มุสลิม
**************************
คำอธิบาย
บรรดาอายะห์ต่างๆเหล่านี้แจ้งให้เราทราบว่า ชีวิตของผู้ศรัทธานั้นต้องต่อสู้กับปัญหา ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆนานา ทั้งภายในตัวเองและภายนอก ปัญหาที่มากจากภายในตัวเองก็เช่น การเกียจคร้าน การท้อถอย และการเอนเอียงของจิตใจไปสู่ทางที่ชั่ว ส่วนที่มาจากภายนอกนั้นมีอยู่มากมาย เช่นปัญหาการใส่ไคล้ศาสนาจากผู้มีอคติที่ไม่ใช่มุสลิม ปัญหาลูกๆที่ผินหลังให้แก่บัญญัติศาสนา ปัญหาการครองชีพ และปัญหาต่างๆอีกมากมายในสังคม ทั้งนี้นอกเหนือจากปัญหาที่เกิดขึ้นตามกฎแห่งการกำหนดสภาวการณ์แล้ว เช่นฝนแล้ง น้ำท่วม ไฟไหม้ เป็นต้น
ดังนั้นการที่มุอฺมินจะสามารถผ่านพ้นปัญหาต่างๆไปด้วยดี จะต้องอาศัยความอดทนเป็นที่ตั้ง และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงเอ็นดูเมตตา นั่นคืออัลเลาะห์ ผู้เป็นพระเจ้าแห่งมนุษยชาติ พระเจ้าแห่งชั้นฟ้าและพิภพ ทั้งนี้ด้วยการทำละหมาด เพราะในขณะที่มนุษย์ละหมาดนั้น เขาจะใกล้ชิดกับพระองค์มากที่สุด ประหนึ่งว่าเขากำลังเข้าเฝ้าพระองค์ ในการนี้จะทำให้เกิดความศรัทธาที่เข้มแข็งมากขึ้น คนเรานั้นเมื่อมีความศรัทธาอันเข้มแข็ง และมีความอดทนประกอบด้วยแล้ว ก็สามารถที่จะฝ่าฟันอุปสรรคนานาประการได้สำเร็จ
ดังดำรัสของอัลเลาะห์ ที่ว่า :
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا اسْتَعِينُوا بِالصَّبْرِ وَالصَّلاةِ บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงอาศัยความอดทนและการละหมาดเถิด |
หมายความว่า จงอาศัยความอดทนในการต่อสู้กับจิตใจตนเองให้ธำรงไว้ซึ่งศาสนาของพวกเจ้า และในการเผชิญกับศัตรูที่ใส่ไคล้ศาสนาของพวกเจ้า ตลอดจนในเหตุการณ์ต่างๆที่ประสบแก่พวกเจ้า ขณะเดียวกันก็จงอาศัยการละหมาดด้วย เพราะการละหมาดนั้น ทำให้พวกเจ้ามีความอบอุ่น และมีใจเข้มแข็ง อันเนื่องจากศรัทธาอันแก่กล้าที่เกิดขึ้นจากการอยู่ใกล้ชิดกับพระผู้เป็นเจ้าในขณะละหมาด คนเรานั้นเมื่อมีความอดทนในทางที่ชอบ และมีศรัทธาอันแน่วแน่ในความช่วยเหลือของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเดชานุภาพ และในการตอบแทนจากพระองค์ในวันปรโลกแล้ว แน่นอนเข้าย่อมได้รับความสำเร็จทุกอย่างในการปฏิบัติหน้าที่อันตั้งอยู่ในขีดความสามารถของพวกเขา
ดำรัสของอัลเลาะห์ ที่ว่า :
إِنَّ اللَّهَ مَعَ الصَّابِرِينَ แท้จริง อัลเลาะห์ทรงอยู่ร่วมกับผู้อดทนทั้งหลาย |
หมายความว่า บรรดาผู้อดทนนั้น อัลเลาะห์ จะทรงช่วยเหลือพวกเขา และจะทรงตอบรับคำวิงวอนของพวกเขา ผู้ใดที่อัลเลาะห์ ทรงช่วยเหลือเขาแล้ว แน่นอนย่อมไม่มีใครที่จะชนะเขาได้
ตามกฎสภาวการณ์ที่อัลเลาะห์ทรงกำหนดไว้นั้น กิจการใหญ่ๆจะไม่ได้รับความสำเร็จนอกจากจะต้องยืนหยัด และปฏิบัติด้วยความเข้มแข็งเท่านั้น ผู้ใดที่อดทน เขาก็อยู่ในใสภาวการณ์ของอัลเลาะห์ และพระองค์ก็ทรงอยู่ร่วมกับเขา โดยพระองค์จะทรงให้ความสะดวกง่ายดายแก่เขา ซึ่งกิจการที่ยากลำบาก และจะทรงให้กว้างขวางแก่เขาซึ่งการเป็นอยู่ของเขาที่คับแคบ และจะทรงให้เขาได้รับความราบรื่น และความจำเริญ
ส่วนผู้ที่ขาดความอดทน อัลเลาะห์ จะไม่ทรงอยู่ร่วมกับเขาหรือช่วยเหลือเขา เพราะเขาหันเหออกจากแนวทางแห่งกฎสภาวการณ์ของพระองค์ เขาจึงไม่สามารถที่จะบรรลุเป้าหมายของเขาได้
ดำรัสของอัลเลาะห์ ที่ว่า :
وَلا تَقُولُوا لِمَنْ يُقْتَلُ فِي سَبِيلِ اللَّهِ أَمْوَاتٌ بَلْ أَحْيَاءٌ وَلَكِنْ لا تَشْعُرُونَ และพวกเจ้าอย่ากล่าวแก่ผู้ที่ถูกฆ่าในหนทางของอัลเลาะห์ว่า พวกเขาตาย มิได้พวกเขายังมีชีวิตอยู่ แต่ทว่าพวกเจ้าไม่รู้สึก |
หมายความว่า อัลเลาะห์ ทรงห้ามมิให้บรรดามุอฺมินกล่าวว่า บรรดาผู้ที่เสียชีวิตในการต่อสู้กับศัตรูของอิสลามว่าพวกเขาตาย ความจริงพวกเขายังมีชีวิตอยู่ในอีกโลกหนึ่ง ซึ่งไม่มีมนุษย์คนใดสามารถรับรู้ถึงการมีชีวิตของพวกเขาได้ ทั้งนี้เนื่องจากโลกแห่งการมีชีวิตของพวกเขานั้นไม่อยู่ในฐานะที่มนุษย์จะสัมผัสได้ พวกเขาจะได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่อำนวยความสุขให้แก่พวกเขา เราไม่สามารถจะรู้ความเป็นจริงแห่งการมีชีวิตนี้ได้ แม้สิ่งอำนวยความสุขให้แก่พวกเขา เราก็ไม่สามารถรับรู้ได้เช่นกัน และก็มิใช่หน้าที่ของพวกเราที่จะค้นหาเนื่องจากเป็นโลกที่เร้นลับ
เราได้ทราบจากอายะห์นี้ว่า การต่อสู้ในหนทางของอัลเลาะห์ นั้น บางคครั้งอาจก่อให้การสูลเสียชีวิต แต่เป็นเพียงการสูญเสียชีวิตในโลกนี้เท่านั้น เพราะเขาจะไปมีชีวิตในอีกโลกหนึ่ง ซึ่งเปี่ยมไปด้วยปัจจัยที่อำนวยความสุข ที่อัลเลาะห์ ได้ทรงจัดเตรียมไว้ต้อนรับพวกเขา
สาเหตุแห่งการประทานอายะห์นี้ลงมา เนื่องจากพวกมุชริก และพวกมุนาฟิกุนได้กล่าวว่าบรรดามุสลิมที่เสียชีวิตในสงครามบัดรฺนั้น พวกเขาได้ตายจากไปแล้วโดยเปล่าประโยชน์ พวกเขาอ้างว่าการสูญเสียของบรรดามุสลิมเหล่านั้น เป็นการเสียสละเพื่อความปิติยินดีของมุฮัมหมัดเท่านั้นเอง แล้วอายะห์นี้ก็ถูกประทานลงมา
ส่วนดำรัสของอัลเลาะห์ ที่ว่า :
وَلَنَبْلُوَنَّكُمْ بِشَيْءٍ مِنَ الْخَوْفِ وَالْجُوعِ وَنَقْصٍ مِنَ الأمْوَالِ وَالأنْفُسِ وَالثَّمَرَاتِ และแน่นอน เราจะทดสอบพวกเจ้าด้วยสิ่งใดสิ่งหนึ่งจากความกลัว และความหิว และด้วยความสูญเสีย(อย่างใดอย่างหนึ่ง) จากทรัพย์สมบัติ ชีวิต และพืชผล |
อัลเลาะห์ ทรงแจ้งให้ทราบว่า แน่นอนพระองค์จะทรงทดสอบบรรดาผู้ศรัทธาด้วยความกลัวบางอย่าง เช่นกลัวการจู่โจมจากฝ่ายศรัตรูเนื่องจากพวกเขามีกำลังมากกว่า และด้วยความหิวโหยในบางเวลา ในยามที่ออกไปต่อสู้กับฝ่ายศัตรูในสนามรบ เพราะในยามนั้นย่อมประสบกับกับความหิวโหยบ้าง เนื่องจากไม่มีโอกาสที่จะบริโภคตามกำหนดเวลา และบางครั้งก็บริโภคอินทผลัมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นอกจากนี้แล้ว อัลเลาะห์ ยังทรงทดสอบในการสูญเสียซึ่งบางส่วนของทรัพย์สมบัติด้วยการเสียสละไปเพื่อจัดเตรียมกองกำลังต่อสู้กับฝ่ายศัตรูหรืออื่นใดก็ตาม และพระองค์จะทดสอบด้วยการสูญเสียทายาทบางคนที่เขารักในสนามรบ เพื่อทำหน้าที่ในการปกป้องศาสนา ตลอดจนทรงทดสอบพวกเขาด้วยการขาดแคลนพืชผล เพื่อจากความแห้งแล้งหรือฝนไม่ตกตามฤดูกาล
การทดสอบดังกล่าวนี้ สำหรับผู้ที่ปราศจากความจริงใจในการศรัทธา หรือศรัทธาตามเพื่อนบ้านโดยขาดความเข้าใจ ก็จะเกิดความลังเลใจในการศรัทธาของตนว่า ท่านนบีมุฮัมหมัดหาใช่เป็นรอซูลที่มาจากอัลเลาะห์ เป็นแน่แท้!! ถ้ามิใช่เช่นนั้นแล้ว ไฉนเล่าพวกเราขึงได้รับความเดือดร้อนเป็นการตอบแทนในการศรัทธาของพวกเรา เพราะอัลเลาะห์ ทรงสามารถที่จะป้องกันเหตุการณ์ต่างๆเหล่านั้นมิให้เกิดขึ้นได้ แต่ที่พระองค์ไม่ทรงป้องกันและคุ้มครองนั้นแสดงว่า มุฮัมหมัดหาใช่เป็นรอซูลของพระองค์แต่อย่างใดไม่ แล้วพวกเขาก็จะพากันปฏิเสธศรัทธา ซึ่งก็เป็นผลแห่งการทดสอบตามวัตถุประสงค์ของพระองค์นั่นเอง ทั้งนี้เพื่อขจัดบุคคลที่ไร้คุณค่าให้ออกไปจากอิสลาม และเป็นภาระหนักและผู้ศรัทธาทั้งหลาย
สำหรับผู้ศรัทธาด้วยความจริงใจ เนื่องจากการเชื่อมั่นในการเป็นรอซูลของท่านนบีมุฮัมหมัด จะเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับพวกเขานั้นเป็นกฎแห่งการกำหนดสภาวการณ์ จริงอยู่พระองค์ทรงสามารถป้องกันมิให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้ แต่ที่พระองค์กระทำเช่นนั้นก็เพื่อเป็นการทดสอบบรรดาผู้ศรัทธา ด้วยเหตุนี้แทนที่พวกเขาจะลังเลใจในการศรัทธา กลับเพิ่มพูนแรงศรัทธายิ่งขึ้น โดยออกไปทำการต่อสู้กับพวกศัตรูด้วยความยินดี และด้วยความสมัครใจโดยไม่คำนึงถึงความยากลำบาก การสูญเสียทรัพย์สิน และความหิวโหย ตลอดจนการสูญเสียชีวิต เพราะการสูญเสียชีวิตในวิถีทางดังกล่าวนั้น มิใช่เป็นการตายแต่อย่างใด หากแต่ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ แต่ทว่าเพื่อนมนุษย์ด้วยกันไม่รู้สึกเท่านั้น ดังที่อัลเลาะห์ได้ทรงแจ้งให้ทราบแล้วในอายะห์ 154 ที่กล่าวข้างต้น จะเห็นไดจากบรรดาเศาะฮาบะห์บางท่านถึงกับหลั่งน้ำตา เมื่อได้รับทราบจากท่านนบีว่า ไม่มีพาหนะที่จะให้พวกเขาขับขี่ไปสู้รบเพื่อปกป้องศาสนา
ดังดำรัสของอัลเลาะห์ ที่ว่า :
และไม่มีบาปใดๆ แก่บรรดาผู้ที่เมื่อพวกเขามาหาเจ้า(มุฮัมหมัด) เพื่อจัดพาหนะให้พวกเขา(ในการทำศึก) เจ้าได้กล่าวว่า : ฉันไม่พบพาหนะที่จะให้พวกท่านขี่มันได้ พวกเขาก็ผินหลังกลับโดยที่นัยน์ตาของพวกเขาท่วมท้นไปด้วยน้ำตา ด้วยความเสียใจที่พวกเขาไม่พบพาหนะที่จะต่อสู้เพื่ออัลเลาะห์
(อัตเตาบะห์ 9 : 92)
ดำรัสของอัลเลาะห์ ที่ว่า :
وَبَشِّرِ الصَّابِرِينَ และเจ้าจงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้อดทนเถิด |
อัลเลาะห์ ทรงใช้ให้ท่านนบีแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายที่มีความอดทน คำว่า ข่าวดี คือการที่ผู้อดทนจะได้รับการตอบแทนความดีจากอัลเลาะห์ นั่นเอง
ผู้อดทนในที่นี้หมายถึง ผู้อดทนในทุกสิ่งทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อดทนในการสูญเสียชีวิตของบุคคลในครอบครัวหรือในหมู่เครือญาติ และคนที่เขารัก
อัลเลาะห์ ทรงอธิบายลักษณะของบรรดาผู้อดทนเหล่านี้ว่า :
الَّذِينَ إِذَا أَصَابَتْهُمْ مُصِيبَةٌ قَالُوا إِنَّا لِلَّهِ وَإِنَّا إِلَيْهِ رَاجِعُونَ คือบรรดาผู้ที่เมื่อมีเคราะห์ร้ายมาประสบแก่พวกเขา พวกเขาก็กล่าวว่า แท้จริงเราเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลเลาะห์ และแท้จริงพวกเราจะกลับไปยังพระองค์ |
คำว่า เคราะห์ร้าย ในที่นี้หมายถึง เมื่อมีอันตรายอย่างหนึ่งอย่างใดเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งอันตรายที่เกิดขึ้นจากความตาย ผู้ที่อดทนต่อการสูญเสียชีวิตก็จะกล่าวโดยยอมรับความจริงว่า :
إِنَّا لِلَّهِ وَإِنَّا إِلَيْهِ رَاجِعُونَ แท้จริงเราเป็นสิทธิ์ของอัลเลาะห์ และแท้จริงพวกเราจะกลับไปยังพระองค์ |
ความหมายที่ว่า แท้จริงพวกเราเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลเลาะห์ เป็นการยอมรับในการเป็นบ่าวของอัลเลาะห์ เป็นการยอมรับในกรรมสิทธิ์ของพระองค์ คำว่า แท้จริงพวกเราจะกลับไปยังพระองค์ เป็นการยอมรับในการสูญสลาย และการฟื้นคืนชีพจากกุโบ๊ร ตลอดจนเชื่อมั่นว่า กิจการทั้งหลายนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลเลาะห์ ทั้งสิ้น และจะกลับไปสู่พระองค์โดยพร้อมเพรียงกัน ผู้ที่อดทนดังกล่าวนี้ อัลเลาะห์ได้ทรงแจ้งถึงสภาพของพวกเขาในอายะห์ถัดไปว่า :
أُولَئِكَ عَلَيْهِمْ صَلَوَاتٌ مِنْ رَبِّهِمْ وَرَحْمَةٌ وَأُولَئِكَ هُمُ الْمُهْتَدُونَ ชนเหล่านี้แหละ พวกเขาจะได้รับการอภัยโทษและการชมเชย ตลอดจนการเอ็นดูเมตตา จากพระเจ้าของพวกเขา และชนเหล่านี้แหละคือผู้ที่ได้รับการชี้ทางอันเที่ยงธรรม |
คือผู้ที่อดทนต่อการสูญเสีบชีวิตในครอบครัวหรือญาติหรือสิ่งอื่นๆนั้น พวกเขาจะได้รับการอภัยโทษจากอัลเลาะห์ และได้รับความเอ็นดูเมตตาจากพระองค์ โดยให้หัวใจของพวกเขาเยือกเย็น และมีความสงบ ซึ่งแตกต่างจากผู้ปฏิเสธศรัทธา ที่พวกเขาจะตีโพยตีพาย และบางทีถึงกับทำร้ายตัวเอง เนื่องจากไม่สามารถระงับความเสียใจในการสูญเสียสิ่งที่พวกเขารัก ทั้งนี้เนื่องจากพวกเขาไม่มีหลักยึดมั่นทางจิตใจ ด้วยเหตุนี้บรรดาผู้ศรัทธาที่อดทน จึงนับว่าเป็นผู้ที่ได้รับแนวทางอันถูกต้อง อันเป็นความเมตตาจากพระเจ้าของพวกเขานั่นเอง
|