การถือศีลอดในประเทศที่มีช่วงเวลาในตอนกลางวันหรือกลางคืนที่สั้นหรือยาวกว่าปกติ
คำถาม
ในบางส่วนของกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียที่มีช่วงเวลาในตอนกลางวันที่ยาวนานกว่าเวลาในตอนกลางคืน โดยขึ้นอยู่กับช่วงฤดูกาลในแต่ละปี บางปีนั้นเวลาในตอนกลางคืนจะมีเพียงสามชั่วโมง แต่เวลาในตอนกลางวันจะยาวนานถึงยี่สิบเอ็ดชั่วโมงและถ้าเดือนรอมาฎอนได้มาถึงในฤดูหนาว ชาวมุสลิมจะทำการถือศีลอดเพียงสามชั่วโมง แต่ขณะเดียวกันถ้าเดือนรอมาฎอนได้มาถึงในฤดูร้อน พวกเขาจำเป็นจะต้องทำการถือศีลอดด้วยหรือไม่ เนื่องจากเวลาในตอนกลางวันนั้นยาวนานมาก ซึ่งพวกเขาคงไม่มีความสามารถที่จะทำการถือศีลอดได้ แต่ถ้าหากว่า พวกเรามีความจำเป็นต้องทำการถือศีลอดในเวลาดังกล่าวด้วยแล้ว พวกเราจะเริ่มทานอาหารซูโฮรและทำการละศีลอด (อิฟตัร) ในเวลาใด และเราจะนับจำนวนวันในการ ถือศีลอดในเดือนรอมาฎอนนี้กี่วัน
บรรดาการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของพระองค์อัลลอฮ์
คำตอบ
อิสลามนั้นเป็นศาสนาที่สมบูรณ์และครบถ้วนแล้ว ดังพระวจนะของพระองค์อัลลอฮ์ ในบรรดาอายาตต่าง ๆ ที่ว่าวันนี้ข้าได้ให้สมบูรณ์แก่พวกเจ้าแล้วซึ่งศาสนาของพวกเจ้า
และข้าได้ให้ครบถ้วนแก่พวกเจ้าแล้วซึ่งอิสลามซึ่งเป็นศาสนาของพวกเจ้า
(ซูเราะฮ al-Maaidah 5:3)
จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่าสิ่งใดใหญ่ยิ่งกว่าในการเป็นพยาน จงกล่าวเถิดว่าอัลลอฮ์ นั้น
คือผู้เป็นพยานระหว่างฉันกับพวกท่าน และอัลกุรอานนี้ก็ได้ถูกประทานลงมาแก่ฉันเพื่อที่ฉันจะได้ใช้
อัลกุรอานนี้ ตักเตือนพวกท่านและผู้ที่อัลกุรอ่านนี้ไปถึง
(ซูเราะฮ al-Anaam 6:19)
และเรามิได้ส่งเจ้ามาเพื่ออื่นใด เว้นแต่เป็นผู้แจ้งข่าวดีและเป็นผู้ตักเตือนแก่มนุษย์ทั้งหลาย
แต่ว่าส่วนมากของมนุษย์นั้นไม่รู้
(ซูเราะฮ Saba 34:28)
พระองค์อัลลอฮ์ ได้ตรัสแก่บรรดาผู้ศรัทธาว่าการถือศีลอดได้ถูกกำหนดแก่พวกเจ้าแล้ว ดังพระวจนะของพระองค์อัลลอฮ์ ในซูเราะฮ al-Baqarah ความว่า
บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย การถือศีลอดนั้นได้ถูกกำหนดแก่พวกเจ้าแล้ว
เช่นเดียวกับที่ได้ถูกกำหนดแก่บรรดาผู้มาก่อนหน้าพวกเจ้ามาแล้ว เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้ยำเกรง
(ซูเราะฮ al-Baqarah 2:183)
และพระองค์อัลลอฮ์ ได้อธิบายถึงช่วงเวลาของการเริ่มต้นและการสิ้นสุด ของการถือศีลอดไว้ในซูเราะฮ al-Baqarah ความว่า
และจงกิน และดื่ม จนกระทั่งเส้นขาว จะประจักษ์แก่พวกเจ้าจากเส้นดำ
เนื่องจากแสงรุ่งอรุณ แล้วพวกเจ้าจงให้การถือศีลอดครบเต็ม จนถึงพลบค่ำ
(ซูเราะฮ al-Baqarah 2:187)
จากกฎในการถือศีลอดนี้ มิได้เจาะจงถึงภูมิประเทศใดหรือกลุ่มชนใดเป็นการเฉพาะ นั่นคือเป็นกฎข้อบังคับสำหรับทั่วโลก รวมทั้งประเทศที่ผู้ถามได้สอบถามเอาไว้ข้างต้น (กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย)
พระองค์อัลลอฮ์ นั้นเป็นทรงผู้เมตตาผู้ทรงปราณีเสมอ ต่อปวงบ่าวของพระองค์ ซึ่งพระองค์ได้ทรงชี้แนะพวกเขาถึงหนทางที่สะดวกง่ายดาย ในการให้ปวงบ่าวของพระองค์สามารถปฏิบัติอิบาดะฮ์ ที่พระองค์ ทรงสั่งใช้ต่อพวกเขา ตัวอย่างเช่น พระองค์อัลลอฮ์ ทรงอนุญาตแก่ผู้เดินทางและผู้เจ็บป่วย ไม่ต้องทำการถือศีลอดในช่วงเดือนรอมาฎอน เพื่อเป็นการช่วยเหลือปวงบ่าวให้พ้นจากความยากลำบาก ดังพระวจนะของพระองค์ในซูเราะฮ al-Baqarah ความว่าเดือนรอมาฎอนนั้น เป็นเดือนที่ อัลกุรอาน ได้ถูกประทานลงมาในฐานะเป็นข้อแนะนำสำหรับมนุษย์
และเป็นหลักฐานอันชัดเจนเกี่ยวกับข้อแนะนำนั้น และเกี่ยวกับสิ่งที่จำแนกระหว่าง ความจริงกับความเท็จ
ดังนั้นผู้ใดในหมู่พวกเจ้า เข้าอยู่ในเดือนนั้นแล้ว ก็จงถือศีลอดในเดือนนั้น
และผู้ใดป่วย หรืออยู่ในการเดินทาง ก็จงถือใช้ในวันอื่นแทน
อัลลอฮ์ ทรงประสงค์ให้มีความสะดวก แก่พวกเจ้า และไม่ทรงให้มีความลำบากแก่พวกเจ้า
และเพื่อที่พวกเจ้าจะได้ให้ครบถ้วนซึ่งจำนวนวัน(ของเดือนรอมาฎอน)
และเพื่อพวกเจ้าจะได้ให้ความเกรียงไกรแด่อัลลอฮ์ ในสิ่งที่พระองค์ ทรงแนะนำแก่พวกเจ้า
และเพื่อพวกเจ้าจะขอบคุณ
(ซูเราะฮ al-Baqarah 2:185)
ดังนั้นหน้าที่สำหรับมุสลิมที่บรรลุศาสนภาวะแล้ว เมื่อเดือนรอมาฎอนมาถึง จำเป็นอย่างยิ่งที่เขาจะต้องกระทำการถือศีลอด ไม่ว่าภูมิประเทศที่เขาอยู่นั้นจะมีช่วงเวลาในตอนกลางวันสั้นหรือยาว แต่ถ้าบุคคลใดที่ไม่มีความสามารถที่จะทำการถือศีลอดให้ครบเต็มวันได้แล้ว อันเนื่องมาจากเขาเกรงว่า จะทำให้เขาถึงแก่ชีวิตหรือเกิดการเจ็บป่วยขึ้นได้ เขาก็ได้รับการอนุญาตให้ทานอาหารในปริมาณที่เพียงพอที่จะทำให้แข็งแรงขึ้น ซึ่งเป็นการปลอดภัยสำหรับตนเอง จากนั้นต้องหยุดกินและหยุดดื่ม ในช่วงเวลาที่เหลือของวัน และจำเป็นจะต้องถือศีลอดชดใช้ในจำนวนวันที่ขาดไปภายหลังจากที่มีความสามารถที่จะทำการถือศีลอดได้
และพระองค์อัลลอฮ์ นั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้ที่ดีที่สุด
จาก Fataawa al-Lajnah al-Daaimah, 10/114
http://www.islamqa.com/en/ref/islamqa/1730/print
แปลโดย นูรุ้ลนิซาอ์