ลูกของเราเรียนรู้แบบไหนเอ่ย
การเรียนรู้ของมนุษย์ทุกเพศทุกวัยโดยเฉพาะกับเด็ก ๆ นั้นส่วนใหญ่เกิดจากการที่ได้มีปฏิสัมพันธ์ กับสิ่งแวดล้อม ลักษณะของการเรียนรู้มี อยู่ 3 รูปแบบคือ
แบบที่ 1 คือ การเรียนรู้โดยผ่านทางการใช้สายตา (Visual Learners)
แบบที่ 2 คือ แบบเรียนรู้โดยผ่านทางการใช้หูฟัง (Auditory Learners) และ
แบบที่ 3 คือ การเรียนรู้โดยการเคลื่อนไหวหรือโดยการสัมผัสลูบคลำ (Kinesthetic learners)
เด็กแต่ละคนจะมีรูปแบบของการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตได้ด้วยวิธีง่ายๆ ยกตัวอย่างเช่นลองถามเด็ก ๆ ว่าเมื่อคิดถึงคำว่าช้าง เราคิดถึงอะไรก่อน ถ้าเด็กกลุ่มที่ตอบว่าคิดถึงรูปช้าง หรือตัวหนังสือที่เขียนคำว่าช้างก็จะเป็นพวกที่เรียนรู้โดยการใช้สายตา หากเด็กกลุ่มที่ตอบว่านึกถึงเสียงช้าง แปร๊นแปร๊น ก็จะเป็นพวกที่เรียนรู้โดยการใช้หูฟัง หากกลุ่มเด็กที่ตอบว่านึกถึงผิวหยาบ ๆ ของช้าง พร้อมกับทำท่าเลียนแบบช้างก็จะเป็นพวกที่เรียนรู้โดยผ่านทางการเคลื่อนไหวหรือการสัมผัสลูบคลำ คุณพ่อคุณแม่ลองมาดูกันสิว่ารูปแบบการเรียนรู้ของลูกเราจัดอยู่ในประเภทใด
1. การเรียนรู้โดยผ่านทางการใช้สายตา( Visual Learners )
การเรียนรู้ของเด็กในกลุ่มนี้จำเป็นต้องมองเห็นการแสดงท่าทางและการแสดงออกทางสีหน้าของผู้สอนเพื่อที่จะเข้าใจบทเรียนนั้นอย่างเต็มที่ ดังนั้นในชั้นเรียนควรจะจัดให้เด็กกลุ่มนี้นั่งข้างหน้าเพื่อให้สามารถเห็นทุกอย่างชัดเจน เด็กกลุ่มนี้จะชอบดูภาพ อ่านหนังสือ รวมถึงการชอบดูหนัง และจะมีความสุขมากกับการที่คุณพ่อคุณแม่พาออกไปเที่ยวชมวิวทิวทัศน์
2 .การเรียนรู้โดยผ่านทางการใช้หูฟัง( Auditory Learners)
เด็กกลุ่มนี้จะเรียนรู้ได้ดีจากการฟังวิทยุ ฟังคำบรรยายและการอภิปราย โดยเด็กกลุ่มนี้จะชอบบทกลอน ชอบร้องเพลง เด็กที่มีความถนัดในการเรียนรู้แบบนี้ จะมีความสุขมากกับการได้ฟังเพลง ได้ฟังเรื่องราวซ้ำๆหรือการเล่าเรื่องให้ผู้อื่นฟัง หรือได้ไปฟังการแสดงดนตรี เป็นต้น
3. การเรียนรู้โดยการเคลื่อนไหวหรือการสัมผัสลูบคลำ ( Kinesthetic Learners)
เด็กที่เรียนรู้โดยการเคลื่อนไหวและสัมผัสลูบคลำจะชอบการลงมือปฏิบัติ และชอบสำรวจสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัว เด็กในกลุ่มนี้มักจะไม่ชอบอยู่นิ่งจนดูเป็นเด็กซน เพราะมักจะชอบเคลื่อนไหวร่างกาย กระโดดโลดเต้น ชอบออกกำลังกาย ชอบการจับต้องสิ่งของต่างๆที่เป็นรูปธรรม
เมื่อคุณพ่อคุณแม่ทราบรูปแบบการเรียนรู้ของลูกเราแล้ว ก็จะเป็นประโยชน์ในการช่วยเสริมแรงให้ลูกของเราประสบความสำเร็จในการเรียนมากยิ่งขึ้น เช่นหากคุณพ่อคุณแม่ทราบว่าลูกของเราเรียนรู้ได้ดีโดยผ่านทางการใช้สายตา คุณพ่อคุณแม่ก็สนับสนุนโดยการพาลูกไปเลือกหนังสือที่เขาชอบหรือหาภาพยนตร์ดีๆมาให้เขาดู หากลูกของเราเรียนรู้ได้ดีโดยผ่านทางการใช้หูฟัง คุณพ่อคุณแม่ก็สนับสนุนความถนัดของเขาโดยการหาซีดีเพลงและนิทานดีๆให้เขาฟัง และหากลูกของเราเรียนรู้ได้ดีโดยผ่านทางการเคลื่อนไหวและการสัมผัสลูบคลำ คุณพ่อคุณแม่ก็พาลูกไปเล่นกีฬา ออกกำลังกาย เพื่อให้เด็กๆได้กระโดดโลดเต้นเคลื่อนไหวร่างกาย
หากคุณพ่อคุณแม่รู้ว่าลูกของเรามีความถนัดในการเรียนรู้แบบไหนแล้ว ก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ของลูกรักของเราอย่างแน่นอน
ดร. สุพาพร เทพยสุวรรณ
Life & Family / Manager online