บรรดาสตรีและบุรุษนั้น จะได้รับรางวัลและได้รับการลงโทษเท่ากันหรือไม่
คำถาม
บางคนในหมู่ของพวกเราได้กล่าวเอาไว้ว่า บรรดาสตรีเป็นผู้ที่มีความบกพร่องทั้งในเรื่องสติปัญญาและในเรื่องของศาสนา อีกทั้งด้อยในเรื่องของการได้รับมรดกและการเป็นพยาน และแม้ว่าสตรีจะมีความบกพร่องในเรื่องดังกล่าวนี้ มีผู้ที่กล่าวว่าพระองค์อัลลอฮ์ นั้น จะทรงให้เท่าเทียมกันระหว่างสตรีและบุรุษในเรื่องของรางวัลตอบแทนและการลงโทษ จากข้อมูลข้างต้นนี้ ท่านมีความคิดเห็นว่าอย่างไร และสตรีนั้นถือว่าเป็นผู้ที่มีความบกพร่องดังกล่าวตามทัศนะของอิสลามหรือไม่
บรรดาการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของพระองค์อัลลอฮ์
คำตอบการมาของศาสนาอิสลามนั้น มีมาเพื่อยกเกียรติให้กับบรรดาสตรีและได้ยกสถานะของเธอให้สูงขึ้น และให้เธอมีตำแหน่งที่เหมาะสม โดยให้มีการดูแลและปกป้องเกียรติยศของเธอ อิสลามจึงสั่งใช้ให้บรรดาผู้ปกครอง และบรรดาสามีของพวกเธอ มีหน้าที่ที่จะต้องดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายให้กับพวกเธอ ให้ดูแลเอาใจใส่อย่างดี และเมตตาเธอ
ดังพระดำรัสของพระองค์อัลลอฮ ที่ว่า
“และจงร่วมกับพวกเธอด้วยดี”
(ซูเราะฮ al-Nisa’ 4:19)
ดังฮะดีษของท่านนบีมุฮัมมัด ที่ได้กล่าวเอาไว้ว่า
“ผู้ที่ดีที่สุดในหมู่ของพวกท่านนั้นคือผู้ที่ทำดีกับภรรยาของเขา
และฉันนั้นเป็นผู้ที่ดีที่สุดในหมู่ของพวกท่าน ซึ่งฉันนั้นเป็นผู้ที่ทำดีต่อบรรดาภรรยาของฉัน”
(รายงานโดย al-Tirmidhi, 5/709, no. 3895)
อิสลามได้ให้สิทธิอันชอบธรรมแก่บรรดาสตรีและอนุญาตพวกเธอในการจัดการเรื่องการเงินของเธออย่างเหมาะสม ดังพระดำรัสของพระองค์อัลลอฮ ในซูเราะฮอัลบากอเราะฮ์ ที่ว่า
“และบรรดาหญิงที่ถูกหย่าร้าง พวกนาง จะต้องรอคอยตัวของตนเองสามกุรูอ์(สามเดือน)
และไม่อนุมัติให้แก่พวกนาง ในการที่พวกนางจะปกปิดสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงให้บังเกิดขึ้น ในมดลูกของพวกนาง
หากพวกนางศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และวันปรโลก
และบรรดาสามีของพวกนางนั้นเป็นผู้มีสิทธิกว่า ในการให้พวกนางกลับมาในกรณีดังกล่าว หากพวกเขาปราถนาจะประนีประนอม
และพวกนางนั้นจะได้รับ เช่นเดียวกับสิ่งที่เป็นหน้าที่ของพวกนาง จะต้องปฏิบัติโดยชอบธรรม
และสำหรับบรรดาชายนั้น มีฐานะเหนือพวกนางขั้นหนึ่ง และอัลลอฮ์นั้น เป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาน”
(ซูเราะฮ al-Baarah 2:228)
รวมถึงการเกี่ยวข้องกับการซื้อ การขาย การต่อรองราคา และการทำธุรกรรมทางการเงินกับบุคคลอื่น เช่น การให้ยืมเงิน การฝากเงินเชื่อ เป็นต้น
อิสลามนั้นได้สั่งใช้ให้สตรีทำการเคารพภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า และให้เธอได้มีหน้าที่ความรับผิดชอบที่เหมาะสมกับเธอ เช่นเดียวกับที่บุรุษนั้นมีหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบในทางศาสนา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ การจ่ายซะกาต การถือศีลอด การละหมาด การประกอบพิธีฮัจญ์ และการแสดงการเคารพภักดีอื่น ๆ
ส่วนในกรณีที่บรรดาสตรีได้รับมรดกเพียงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับบุรุษนั้น เนื่องมาจากว่า เธอไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำการชำระค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเธอ หรือค่าบ้าน หรือค่าใช้จ่ายของบรรดาลูก ๆ ด้วยตัวของเธอเอง แต่ผู้ที่มีความจำเป็นจะต้องดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมดนั้นคือ ฝ่ายชาย เช่นเดียวกันกับที่ฝ่ายชายมีหน้าที่จะต้องดูแลจัดการค่าใช้จ่ายสำหรับบรรดาแขกผู้มาเยือน เงินค่าใช้จ่ายในการไถ่เชลย และเงินค่าปรับเมื่อเกิดการขัดแย้งหรือมีการต่อสู้เกิดขึ้นระหว่างกลุ่มชน
สำหรับการเป็นพยานของหญิงสองคนจะเทียบเท่ากับการเป็นพยานของชายเพียงหนึ่งคน เนื่องจากว่า ผู้หญิงค่อนข้างจะหลงลืมได้มากกว่าผู้ชาย ซึ่งเป็นธรรมชาติของสตรี ที่พวกหล่อนนั้นจะมีช่วงเวลาที่เป็นประจำเดือน มีการตั้งครรภ์ มีการคลอดบุตร และการมีลูกจำนวนมาก เป็นต้น ด้วยกับสิ่งเหล่านี้เองส่งผลทำให้เธอเป็นผู้ที่ลืมง่าย
ดังนั้น กฎชารีอะ จึงได้ระบุเอาไว้ว่า การเป็นพยานของสตรีจำเป็นจะต้องมีสตรีมาเป็นพยานยืนยันเพิ่มอีกหนึ่งคน เพื่อให้การเป็นพยานถูกต้องมากยิ่งขึ้น แต่มีอีกหลาย ๆ กรณีที่การเป็นพยานหรือใช้การพิจารณาตัดสินของสตรีเพียงหนึ่งคน ก็ถือว่าเพียงพอ ตัวอย่างเช่น การพิจารณาระยะเวลาในการให้นมบุตร การพิจารณาข้อผิดพลาดหรือปัญหาภายในครอบครัว และปัญหาอื่น ๆ
สตรีนั้นมีความเท่าเทียมกับบุรุษในเรื่องของการรับรางวัลตอบแทนความดีเมื่อเขามีความมั่นคงในการศรัทธา มีการกระทำความดี ซึ่งเขาจะได้รับชีวิตที่ดีในโลกนี้และได้รับรางวัลตอบแทนในโลกหน้า
ดังพระดำรัสของพระองค์อัลลอฮ์
“ผู้ใดปฏิบัติความดีไม่ว่าจะเป็นเพศชายหรือเพศหญิงก็ตาม โดยที่เขาเป็นผู้ศรัทธา
ดังนั้นเราจะให้เขาดำรงชีวิตที่ดีและ แน่นอนเราจะตอบแทนพวกเขาซึ่งรางวัลของพวกเขา ที่ดียิ่งกว่าที่พวกเขาได้เคยกระทำไว้”
(ซูเราะฮ al-Nahl 16:97)
เราได้ทราบกันแล้วว่า บรรดาสตรีมีสิทธิหน้าที่ความรับผิดชอบของพวกหล่อน คล้ายกับที่บรรดาบุรุษมีสิทธิหน้าที่ความรับผิดชอบของพวกเขา ซึ่งพระองค์อัลลอฮ ได้ทรงสร้างบรรดาบุรุษให้เขาได้รับหน้าที่ที่เหมาะสมกับเขา เช่นเดียวกับที่พระองค์อัลลอฮ ได้ทรงสร้างบรรดาสตรีให้มีภาระหน้าที่ที่เหมาะสมกับเธอ
และพระองค์อัลลอฮ์ นั้นเป็นผู้ทรงอำนาจ
จาก Al-Lajnah al-Daa’imah li’l-Buhooth al-‘llmiyyah wa’l-lfta’, 17/7
ที่มา http://www.islamqa.com/en/cat/16แปลโดย นูรุ้ลนิซาอ์