ลัยลาตุลกอดรฺ
แปลเรียบเรียง อิสมาอีล กอเซ็ม
อะไรคือลัยละตุลกอดัร ?
ลัยลุตุลกอดัรคือค่ำคืนหนึ่งที่อัลลอฮ์ ได้เลือกให้เป็นค่ำคืนที่มีความประเสริฐในช่วงสิบคืนหลังของเดือนรอมาฏอนเหมือนดำรัสของพระองค์ ในซูเราะห์อัลก็อด์ร ความว่า
1. แท้จริงเราได้ประทานอัลกุรอานลงมาในคืนอัลก็อดร
2. และอะไรเล่าจะทำให้เจ้ารู้ว่าคืนอัลกอดรนั้นคืออะไร
3. คืนอัลก็อดรนั้นดีกว่า 1000 เดือน
4. บรรดามะลาอิกะห์ และอัลรูฮ ( ญิบรีล ) จะลงมาในคืนนั้น โดยอนุมัติแห่งพระเจ้าของพวกเขา เนื่องจากในกิจการทุกสิ่ง
5. คืนนั้นมีความศานติสุขจนกระทั่งรุ่งอรุณ
สิ่งที่ได้รับจากซูเราะห์นี้
1. แท้จริงอัลลอฮ์ ได้ประทานอัลกุรอานในค่ำคืนนี้ โดยที่พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า
“ในคืนนั้นทุกๆกิจที่สำคัญได้ถูกจำแนกไว้แล้ว โดยทรงบัญชามาจากเรา แท้จริงเป็นผู้ที่ส่งมา”
( อัลกุรอาน )
2. อัลลอฮ์ ได้ให้ความสำคัญในค่ำคืนนี้โดยที่พระองค์ได้กล่าวถึงค่ำคืนนี้ไว้ในคัมภีร์ของพระองค์
3. แท้จริงการประกอบอิบาดะห์ที่ตรงกับคืนนี้จะได้รับการตอบแทนเท่ากับ หนึ่งพันเดือนของเดือนปกติ
4. มาลาอิกะห์จะลงมาในค่ำคืนนี้ พร้อมกับนำความศิริมงคลและความจำเริญความเมตตาความสุข และนำสิ่งที่อัลลอฮ์ จะทรงกำหนดให้เกิดขึ้นในปีนี้อีกด้วย
5. และการอภัยโทษจากพระองค์จะได้รับแก่ผู้ที่ศรัทธาและแสวงหาความพอพระทัยจากพระองค์ เหมือนในหะดีษที่มีรายงานจากท่านอาบีอุรัยเราะห์จากท่านนบี โดยที่ท่านได้กล่าวว่า :
“ผู้ใดที่ได้ถือศีลอดในเดือนรอมาฏอน ด้วยกับความศรัทธา และมีความหวัง เขาได้รับการอภัยโทษจากบาปที่ผ่านมาของเขา
และผู้ใดที่ได้ยืนขึ้น ( หมายถึงการทำอิบาดะห์ เช่นการละหมาด ) ในค่ำคืนลัยละตุล ก็อดรฺ
ด้วยกับความศรัทธา และมีความหวัง เขาจะถูกอภัยโทษจากบาปที่ผ่านมาของเขา “
(บันทึกโดย บุคอรีย์ 2014 มุสลิม / 759)
ค่ำคืนใดเป็นคืนลัยละตุลก็อดรฺ ?
สำหรับเกี่ยวกับคืนลัยละตุลก็อดรฺท่านอิบนู หาญัรได้กล่าวไว้ บรรดานักวิชาการมีทัศนะที่ไม่ตรงกันหลายทัศนะด้วยกัน ประมาณ 40 ทัศนะ แต่นักวิการส่วนใหญ่มีความเห็นว่ามันอยู่ในช่วง 10 คืนสุดท้ายของเดือนรอมาฏอน
หะดีษที่รายงายโดยท่าน อาบูสะอีด อัลกุดรีย์ แท้จริงท่าน เราะซูล ได้กล่าวว่า
لحد يث أبي سعيد الخدري أن رسو ل الله صلى الله عليه وسلم : ((... فا بتغوها في العشر الأواخر ))
“พวกท่านจงแสวงหามัน ( หมายถึงคืนลัยละตุดก็อดรฺ ) ในช่วงสิบคืนสุดท้าย”
(บันทึกโดย บุคอรีย์ 2018 มุสลิม 1167)
และบรรดานักวิชาการส่วนใหญ่เห็นว่า ลัยละตุลกอดรนั้นจะเกิดในคืนคี่ ดังคำพูดของท่านนบี ที่ว่า
لقو له صلى الله عليه وسلم : (( تحروا ليلة القدر في الوتر من العشر الأ واخر ))
“ พวกท่านจงแสวงหา ลัยละตุลก็อดรฺในคืนที่คี่ ของสิบคืนสุดท้าย ”
(บันทึกโดย บุคอรีย์ 2017)
และนักวิการบางท่านมีความเห็นว่าลัยละตุลก็อดรฺนั้นคือค่ำคืนที่ 27 ซึ่งเป็นทัศนะของบรรดา ซอฮาบะห์ กลุ่มหนึ่ง โดยที่ท่าน อุบัย บิน กะฮบฺ กล่าวว่า “มั่นใจว่า มันเป็นค่ำคืนที่ 27 โดยที่ท่านได้สาบานเพื่อยืนยันถึงความหนักแน่น” ในเรื่องนี้เหมือนที่มีรายงานในซอเอียะ มุสลิม 762 / อัตติรมีซีย์ 3351
ข้อเร้นลับที่คืนลัยละตุลก็อดรฺไม่ได้ถูกบอกไว้อย่างชัดเจน
ข้อเร้นลับที่คืนลัยละตุลก็อดรฺไม่ได้ถูกบอกไว้อย่างเช่นเจน เพื่อต้องการให้ปวงบ่าวนั้นได้พยายามในการทุ่มเทในการอิบาดะห์ต่ออัลลอฮ์ ในทุกๆคืนและมีความหวังว่าทุกคืนนั้นเป็นคืนลัยละตุลก็อดรฺ โดยที่เดือนนี้คือเดือนแห่งการทำอิบาดะห์ และการภักดีต่ออัลลอฮ์ และจากหะดีษของท่านนะบี ต่อไปนี้คงจะเป็นข้อเร้นลับ
(( إ ني خرجت لأخبركم بليلة القدر فتلا حى فلان و فلا ن فرفعت ( يعني رفع علمها ) وعسى أن يكو ن خيرا لكم فالتمسوها....))
“แท้จริงฉันได้ออกมาเพื่อที่ต้องการที่จะบอกถึงคืนลัยละตุลก็อดรฺ แล้วก็มีคนทะเลาะกัน ฉันเลยลืมมันไป
และหวังว่า มันเป็นการดีแก่พวกเจ้า ดังนั้นพวกท่านจงแสวงหามัน”
(บันทึกโดยบุคอรีย์ 2023)
มุสลิมจงแสวงหาลัยละตุลก็อดรฺ
ในค่ำคืนที่มีศิริมงคล ผู้ใดไม่ได้พบกับค่ำคืนนี้ ก็เท่ากับว่าความดีอันมากมายได้ผ่านเขาไป และผู้ที่ไม่ได้พบกับมันนั้นเป็นความขาดทุนอย่างมากมาย และมุสลิมนั้นสมควรอย่างยิ่งที่จะแสวงหาค่ำคืนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกับความดีและความมีศิริมงคล ด้วยกับการสร้างชีวิตชีวาให้กับค่ำคืนนี้ด้วยความอีมาน และหวังในผลบุญที่อัลลอฮได้เตรียมไว้ให้ และให้ทุ่มเทในการประกอบอิบาดะห์เหมือนที่ท่านนะบี ได้ปฏิบัติไว้เป็นแบบอย่างไว้
มีรายงานจากท่านหญิง ฮาอิชะห์
فعن عا ئشة قا لت (( كا ن رسو ل الله صلى الله عليه وسلم يجتهد ما لا يجتهد في غيرها ))
“ ท่านนะบี นั้นทุ่มเทความพยายาม ไม่เหมือนกับคืนอื่นๆ ( หมายถึงสิบคืนท้ายๆของเดือนรอมาฏอน )”
(บันทึกโดยมุสลิม)
และอีกประการหนึ่งที่จะต้องทำให้มากก็คือการขอดุอาร์ต่ออัลลอฮ์ ให้มากๆโดยเฉพาะดุอาร์ที่รายงานโดยท่านหญิงฮาอิชะห์
اللهم إنك عفو كريم تحب العفو فا عف عني
“ โอ้อัลลอฮ์ แท้จริงท่านเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงใจบุญ ท่านรักการอภัยโทษ ขอพระองค์ทรงอภัยโทษ ให้แก่ฉัน”
เครื่องหมายของคืนลัยละตุลก็อดรฺ
สำหรับเครื่องหมายของคืนลัยละตุลก็อดรฺ มีเครื่องหมายที่สังเกตได้ดังต่อไปนี้
1. มีอากาศดี ลมสงบ มีรายงานจากอิบนู อับบาสกล่าว ว่าแท้จริงท่านนะบี ได้กล่าวว่า
عن ابن عباس قا ل:قا ل رسول الله صلى الله عليه وسلم (( ليلة القد ر ليلة سمحة , طلقة , لا حاره , ولا با ردة , تصبح الشمس صبيحتها .
"คืนลัยละตุลก็อดรฺ นั้นเป็นคืนแห่งการอภัยโทษเป็นคืนที่มีอากาศที่ดี ไม่ร้อนและไม่หนาว
ดวงอาทิตย์ในตอนเช้ามีแสงที่สวยงาม (แสงอ่อนๆ )"
2. ผู้ที่ได้รับความดีในคืนลัยละตุลก็อดรฺจะมีความรู้สึกสบายใจ มีความสงบของจิตใจ มีความสุขในการประกอบอิบาดะห์ โดยที่ไม่มีความรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเหมือนในค่ำคืนก่อนหน้านี้
3. ดวงอาทิตย์ในตอนเช้ามีแสงอ่อน ท้องฟ้าแจ่มใส
สรุป
คืนลัยละตุลก็อดรอยู่ในช่วงสิบคืนสุดท้าย ของเดือนรอมาฏอน และจะเกิดขึ้นในคืนคี่ และมันจะหมุนเวียนในค่ำคืนที่เป็นคี่โดยไม่เจาะจงว่าเป็นคืนไหน และไม่ได้เป็นค่ำคืนที่ 27 เสมอไป ถึงแม้จะมีรายงานในซุนนะห์ที่เจาะจงคืนที่ 27 ของทุกๆ ปี แต่ก็มีบางหะดีษที่ท่านนบีได้กล่าวถึง ลัยละตุลก็อดรเป็นคืนที่ 21 เหมือนที่ปรากฏในหะดีษต่อไปนี้
كما في حد يث أبي سعيد أن النبي صلى الله عليه وسلم خطبهم فقال : (( أني أرأيت ليلة القد ر ثم أنسيتها , فالتمسوها في العشر الأواخر في الوتر , وأني رأيت أسجد في ماء وطين )) قا ل أبو سعيد : مطرنا ليلة إحدى وعشرين فوكف المسجد في مصلى رسول الله صلى الله عليه وسلم فنظر ت إليه و قد انصرف من صلا ة الصبح ووجهه مبتل طينا و ماء ))
มีหะดีษที่รายงานโดย อาบูสะอีด ว่าแท้จริงท่านนบี ได้กล่าวแก่พวกเขา ดังนั้นท่านได้กล่าวว่า
“ แท้จริงฉันได้เห็นลัยละตุลก็อดรฺ หลังจากนั้นฉันได้ถูกให้ลืมไป
ดังนั้นพวกท่านจงแสวงหามันในสิบคืนสุดท้าย ในคืนที่เป็นคี่
และแท้จริงฉันได้เห็นฉันได้ สูญูดในน้ำ และดิน”
อาบูสะอีดได้กล่าวว่า ฝนได้ตกยังพวกเราในคืนที่ 21 โดยที่มันรั่วในมัสยิดที่ละหมาดของท่านเราะซูล ฉัน( หมายถึงอาบูสะอีด ) ได้มองไปยังท่าน โดยที่เมื่อท่านเสร็จจากการละหมาดที่หน้าของท่านเปียกไปด้วยดินโคลน และน้ำ
(บันทึกโดย บุคอรีย์ 2018 มุสลิม 1167)
นี่คือที่มีรายงานในซุนนะห์ของท่านนบี
ข้อพึงระวัง
ความงมงายที่เกิดขึ้น แก่ผู้คนที่มีความเชื่อว่า คืนลัยละตุลก็อดรฺนั้น ต้นไม้จะราบลงสู่พื้นดิน น้ำเค็มจะกลายเป็นน้ำจืด หมาจะหยุดเห่าหอน และอื่นจากนี้ที่ไม่มีบอกไว้ในซุนนะห์ของท่านนบี