อาดัม
อัลลอฮ์ทรงตรัสว่า
ٍ﴾ قُلْ هُوَ نَبَأٌ عَظِيْمٌ * أَنْتُمْ عَنْهُ مُعْرِضُوْنَ * مَا كَانَ لِيَ مِنْ عِلْمٍ بِالْمَلإَِ الأَعْلَى إِذْ يَخْتَصِمُوْنَ * إِنْ يُوْحَي إِلَيَّ إِلاَّ إِنَّمَا أَنَا نَذِيْرٌ مُبِيْنٌ * إِذْ قَالَ رَبُّكَ لِلْمَلاَئِكَةِ إِنِّي خَالِقٌ بَشَراً مِنْ طِيْنٍ * فَإِذَا سَوَّيْتُهُ وَنَفَخْتُ فِيْهِ مِن رُوْحِي فَقَعُوْا لَهُ سَاجِدِيْنَ * فَسَجَدَ المَلاَئِكَةُ كُلُّهُمْ أَجْمَعُوْنَ * إِلاَّ إبليسَ اسْتَكْبَرَ وَكَانَ مِنَ الْكَاِفرِيْنَ * قَالَ يَا ِإبْلِيْسُ مَا مَنَعَكَ أنْ تَسْجُدَ لِمَا خَلَقْتُ بِيَدَيَّ، اسْتَكْبَرْتَ أَمْ كُنْتَ مِنَ الْعَالِيْنَ * قَالَ أَنَا خَيْرٌ مِنْهُ، خَلَقْتَنِي مِنْ نَارٍ وَخَلَقْتَهُ مِنْ طِيْنٍ * قَالَ فَاخْرُجْ مِنْهَا فَإِنَّكَ رَجِيْمٌ * وَإِنَّ عَلَيْكَ لَعْنَتِي إِلَي يَوْمِ الدِّيْنِ* قَالَ رَبِّ فَأَنْظِرْنِي إِلَي يَوْمٍ يُبْعَثُوْنَ * قَالَ فَإِنَّكَ مِنَ الْمُنْظَرِيْنَ * إِلَي يَوْمِ الْوَقْتِ الْمَعْلُوْمِ * قَالَ فَبِعِزَّتِكَ لأُغْوِيَنَّهُمْ أَجْمَعِيْنَ * إِلاَّ عِباَدَكَ مِنْهُمُ الْمُخْلَصِيْنَ * قَالَ فَالْحَقُّ وَالْحَقُّ أَقُوْلُ * لأَمْلأَنَّ جَهَنَّمَ مِنْكَ وَمِمَّنْ تَبِعَكَ مِنْهُمْ أَجْمَعِيْنَ * قُلْ مَا أَسْأَلُكُمْ عَلَيْهِ مِنْ أَجْرٍ وَمَا أَنَا مِنَ الْمُتَكَلِّفِيْنَ * إِنْ هُوَ إِلاَّ ذِكْرٌ لِلْعَالَمِيْنَ * وَلَتَعْلَمُنَّ نَبَأَهُ بَعْدَ حِيْن ﴿
“จงกล่าวเถิด (มูฮัมมัด) นี่คือข่าวสำคัญอันยิ่งใหญ่ , ที่พวกท่านผินหลังให้กับมัน , ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยเกี่ยวกับมวลชนชั้นสูง (มะลาอิกะฮฺ ) ในขณะที่พวกเขาซักถามกัน (เกี่ยวกับเรื่องที่อัลลอฮฺสร้างนบีอาดัม) , (เพราะ) มิได้มีวะฮียฺ (วิวรณ์แห่งอัลลอฮฺ) แก่ฉัน นอกจากว่าฉันเป็นเพียงผู้ตักเตือนอันชัดแจ้งเท่านั้น ,
ครั้งเมื่อองค์อภิบาลทรงตรัสแก่มะลาอิกะฮฺว่า แท้จริงข้าสร้างมนุษย์คนหนึ่งมาจากดิน , ต่อมาเมื่อข้าได้ทำให้เขามีรูปร่างสมส่วนและได้เป่าวิญญาณจากข้าเข้าไปในตัวเขา ฉะนั้นพวกเจ้าจงก้มลงกราบสุญูดต่อเขา , แล้วมะลาอิกะฮฺทั้งหมดก็ได้ก้มลงสุญูด , นอกจากอิบลีส มันเย่อหยิ่งจองหอง และมันอยู่ในหมู่ผู้ปฏิเสธศรัทธา ,
พระองค์ตรัสว่า อิบลีสเอ๋ย ! อะไรเล่าที่ขัดขวางเจ้ามิให้เจ้ากราบสุญูดต่อสิ่งที่ข้าได้สร้างด้วยพระหัตทั้งสองของข้า เจ้าเย่อหยิ่งจองหอง หรือว่าเจ้าอยู่ในหมู่ผู้สูงส่ง , มันกล่าวว่า ข้าพระองค์ดีกว่าเขา พระองค์ทรงสร้างข้าพระองค์จากไฟ และทรงสร้างเขาจากดิน ,
พระองค์ตรัสว่า ดังนั้นเจ้าจงออกไปจากที่นี่เพราะแท้จริงเจ้าเป็นผู้ถูกขับไล่ , และแท้จริงการสาปแช่งของข้าจงประสบแก่เจ้าจนกระทั่งวันแห่งการตอบแทน , มันกล่าวว่า โอ้องค์อภิบาลของข้าพระองค์ ได้โปรดประวิงเวลาให้แก่ข้าพระองค์จนถึงวันฟื้นคืนชีพด้วยเถิด ,
พระองค์ตรัสว่า แท้จริงเจ้าอยู่สในหมู่ผู้ถูกประวิงเวลา , จนกระทั้งถึงวันแห่งเวลาที่ถูกกำหนดไว้แล้ว , มันกล่าวว่า ดังนั้น ด้วยอำนาจของพระองค์ท่าน แน่นอนข้าพระองค์ก็จะทำให้พวกเขาทั้งหมดหลงผิด , เว้นแต่ปวงบ่าวของพระองค์ในหมู่พวกเขาที่มีใจบริสุทธิ์เท่านั้น ,
พระองค์ตรัสว่า ข้าเป็นพระเจ้าผู้สัจจะ และข้าจะกล่าวเฉพาะสิ่งที่เป็นสัจจะเท่านั้น , ขอยืนยัน! ข้าจะให้นรกญะฮันนัมเต็มไปด้วยเจ้า และผู้ที่ประพฤติตามเจ้าจากพวกเขาทั้งหมด , จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ฉันมิได้ขอรางวัลค่าตอบแทนจากพวกท่านในการปฏิบัติหน้าที่นี้แต่อย่างใด และฉันก็มิได้อยู่ในหมู่ผู้เสแสร้ง (พูดขึ้นมาเองโดยพลการ) , อัลกุรอ่านนั้นมิใช่อื่นใดเลย นอกจากเป็นคำเตือนสำหรับชาวโลกทั้งมวล , ขอยืนยัน! แท้จริงพวกเจ้าจะได้รู้ (ความจริงของ) สิ่งที่อัลกุรอ่านได้แจ้งไว้ หลังจากนี้ไปไม่นานนัก”
(ศอด : 67-88)
เมื่ออัลลอฮ์ทรงต้องการให้ท่านอาดัมอยู่บนโลกใบนี้ พระองค์ทรงตรัสกับบรรดามะลาอิกะฮ์ว่า
(وإذْ قَالَ رَبُّكَ لِلْمَلاَئِكَةِ إِنِّي جَاعِلٌ فِي الأَرْضِ خَلِيْفَةً قَالُوا أتَجْعِلُ فِيْهَا مَن يُفْسِدُ فِيْهَا وَيَسْفِكُ الدِّمَاءَ وَنَحْنُ نُسَبِّحُ بِحَمْدِكَ وَنُقَدِّسُ لَكَ قَالَ إِنِّي أَعْلَمُ مَالاَ تَعْلَمُونَ)
“และเมื่อครั้งที่องค์อภิบาลของเจ้าได้ตรัสแก่มวลมะลาอิกะฮฺว่า ข้าปรารถนาที่จะสร้างผู้สืบทอดขึ้นในพื้นพิภพ พวกเหล่านั้นทูลว่า พระองค์จะสร้างผู้ที่บ่อนทำลายในนั้น และหลั่งโลหิต (ด้วยการรบราฆ่าฟันกันเอง) กระนั้นหรือ ทั้ง ๆ ที่พวกเราก็ทำการถวายสดุดีในพระบพิตรธิคุณพร้อมกับสรรเสริญแด่พระองค์ และถวายสดุดีในพระบริสุทธิคุณแด่พระองค์ อัลลอฮฺทรงตรัสว่า อันที่จริงข้ารู้ในสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้”
(อัลบากอเราะฮฺ : 30)
การถามของบรรดามะลาอิกะฮฺมิได้เป็นการคัดค้านต่อเจตนาของอัลลอฮ์ แต่อย่างใด แต่ถามเพราะความแปลกใจ และอาจเป็นไปได้ว่า บรรดามะลาอิกะฮฺเห็นว่า มนุษย์ก็คงจะเหมือนกับสัตว์ต่าง ๆ บนพิภพที่มีการฆ่ากันเอง หรืออาจเป็นไปได้ว่า อัลลอฮ์ทรงทำให้บรรดามะลาอิกะฮ์รู้สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
และได้มีรายงานจากท่านมุญาฮิดบุตรท่านอับดุลลอฮฺบุตรท่านอัมรฺ ท่านได้กล่าวว่า “ญินนั้นก็คือ ลูกหลานของญินที่อยู่บนพื้นพิภพก่อนที่ท่านอาดัมจะถูกสร้าง สองพันปี พวกญินเหล่านี้ได้สร้างความพินาศ และหลั่งเลือดบนพิภพนี้ แล้วอัลลอฮฺก็ทรงส่งทหารจากมวลมะลาอิกะฮฺให้มาปราบปรามพวกเขา ดังนั้นเมื่ออัลลอฮฺทรงตรัสกับแก่มวลมะลาอิกะฮฺว่า ข้าปรารถนาที่จะสร้างผู้สืบทอดขึ้นในพื้นพิภพ เหล่ามะลาอิกะฮฺจึงทูลว่า พระองค์จะทรงสร้างผู้ที่บ่อนทำลายในพื้นพิภพนี้กระนั้นหรือ อย่างที่ญินได้กระทำเช่นนั้น ? หรือการที่เหล่ามะลาอิกะฮฺได้ถามอัลลอฮฺอาจเป็นเพราะพวกเขาคิดว่า ผู้สืบทอดนี้จะมาแทนตำแหน่งของพวกเขา ซึ่งพวกเขาก็ได้ทำการสักการะ ได้ถวายสดุดีต่ออัลลอฮ์ และมิได้มุสาต่อการสักการะพระองค์ ดังนั้นพวกเขาก็ต้องการทำหน้าที่นี้เช่นกัน"
แต่ที่แน่ ๆ บรรดามะลาอิกะฮฺเหล่านั้นไม่สามารถเข้าใจในวิทยปัญญาของอัลลอฮ์ในการสร้างผู้สืบทอดจากกลุ่มชนที่แตกต่างจากพวกเขา
และคำตอบที่พวกเขาได้รับก็คือ การที่อัลลอฮฺทรงตรัสว่า “แท้จริงข้ารู้ในสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้” แน่นอนพระองค์ทรงรู้ว่า เสาหลักของพิภพต้องการสิ่งถูกสร้างอื่นจากมวลมะลาอิกะฮฺหรือพวกญิน เป็นสิ่งถูกสร้างที่สัมพันธ์กับพิภพนี้ ซึ่งแตกต่างจากมะลาอิกะฮ์ที่ถูกสร้างจากรัศมี และแตกต่างจากญินที่ถูกสร้างมาจากไฟ แต่มนุษย์เป็นสิ่งที่ถูกสร้างมาจากดินบนพิภพนี้ ดังที่อัลลอฮ์ทรงตรัสไว้ว่า
﴾إذْ قَالَ رَبُّكَ لِلْمَلاَئكَةِ إِنِّي خَالِقٌ بَشَراً مِنْ طِيْنٍ﴿
“ครั้งเมื่อที่องค์อภิบาลของเจ้าได้ตรัสแก่มวลมะลาอิกะฮฺว่า แท้จริงข้าจะสร้างมนุษย์คนหนึ่งจากดิน”
(ศอด : 71)
เมื่อความปรารถนาของอัลลอฮ์สมประสงค์ พระองค์ทรงเปลี่ยนดินโคลนให้เป็นดินเหนียวที่มีลักษณะเกาะติดกันอย่างเหนียวแน่น ดังที่พระองค์ทรงตรัสว่า
﴾ ٍإنَّا خَلَقْنَاهُمْ مِنْ طِيْنٍ لاَزِب ﴿
“แท้จริงเราได้สร้างพวกเขามาจากดินเหนียว”
(อัศศ็อฟฟาต: 11)
ต่อมาก็ให้ดินเหนียวที่เกาะติดกันก็แห้งจนกลายเป็นสีดำที่มีกลิ่นเหม็น และกลายเป็นดินแห้งซึ่งเดิมทีมาจากโคลนตมสีดำที่ถูกเปลี่ยนสภาพ ดังที่อัลลอฮ์ทรงตรัสว่า
﴾وَلَقَدْ خَلَقْنَا الإِنْسَانَ مِنْ صَلْصَالٍ مِنْ حَمَإٍ مَّسْنُوْنٍ﴿
“ขอยืนยัน!แท้จริง เราได้สร้างมนุษย์ขึ้นมาจากดินแห้งสนิท(ซึ่งเดิมมา)จากดินดำที่เปลี่ยนสภาพ”
(อัลฮิจริ :26)
หลังจากที่อัลลอฮ์ทรงทำให้ท่านอาดัมมีรูปร่างลักษณะที่สมบูรณ์แล้ว พระองค์ก็ทรงเป่าวิญญาณเข้าไปในตัวท่านอาดัม ซึ่งวิญญาณที่ถูกเป่าเข้าไปในร่างของท่านอาดัมคือสิ่งเร้นลับซึ่งไม่มีใครล่วงรู้ได้นอกจากอัลลอฮฺ และพระองค์ทรงห้ามเราจากการถามถึงเรื่องของวิญญาณหลักจากที่พระองค์ทรงตรัสว่า
﴾ويسألونك عن الروح قل الروح من أمر ربى وما أوتيتم من العلم إلاّ قليلا﴿
“และพวกเขา (ยิว) จะถามเจ้า (มูฮัมมัด) เกี่ยวกับวิญญาณ จงกล่าวเถิดว่า เรื่องวิญญาณนั้นเป็นไปตามพระบัญชาของพระเจ้าของฉัน และพวกท่านจะไม่ได้รับความรู้ใดๆ เว้นแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
(อัลอิสรออฺ : 85)
และสิ่งแรกที่ท่านอาดัมเห็นคือการกราบ (สุยูด) ของเหล่ามะลาอิกะฮฺให้กับเขา ซึ่งเป็นการกราบ (สุยูด) เพื่อให้เกียรติ หรือเป็นการกราบอันเนื่องจากวิญญาณที่ถูกเป่าเข้าไปในตัวท่านอาดัม ไม่ใช่เพื่อเป็นการสักการะ เพราะพวกเขาถูกใช้ให้กราบท่านอาดัมหลังจากที่เป่าวิญญาณเข้าไปแล้ว ดังที่อัลลอฮ์ทรงตรัสว่า
﴾فَإذَا سَوَّيْتُهُ وَنَفَخْتُ فِيْهِ مِن رُّوْحِى فَقَعُوْا لَهُ سَاجِدِيْنَ﴿
“ต่อมาเมื่อข้าได้สร้างเขาจนครบสมบูรณ์แล้ว และข้าได้เป่าจากวิญญาณของข้าเข้าไปในตัวเขา ดังนั้นพวกเจ้าทั้งหลายจงทรุดกายลงกราบ (ซุยูด) ต่อเขาเถิด”
(อัลฮิจริ์ : 29) (ศอด : 72)
คำว่า آدم (อาดัม) ตามภาษาอาหรับแปลว่า ดินพื้นผิวโลก และการที่อัลลอฮฺทรงเรียกผู้สืบทอดว่า “อาดัม” เป็นเพราะว่าผู้สืบทอดนั้นถูกสร้างมาจากดินบนพื้นผิวโลก และ “อาดัม” ยังมีความหมายอีกว่า “สีดำแดง” ซึ่งเป็นสีของดินบนพื้นผิวโลก
อัลลอฮฺทรงต้องการอธิบายให้กับเหล่ามะลาอิกะฮฺรู้ถึงความสูงส่งของอาดัม และทรงต้องการให้พวกเขารู้ว่า ทำไมพระองค์ทรงให้ความประเสริฐแก่อาดัมโดยการเจาะจงให้ท่านอาดัมเป็นผู้สืบทอดบนพื้นพิภพ ดังนั้นพระองค์จึงสอนให้ท่านอาดัมรู้ชื่อของสิ่งต่าง ๆ
และหากมีคนถามว่า อัลลอฮ์ทรงทำให้เหล่ามะลาอิกะฮฺหมดความสามารถที่จะรู้จักชื่อของสิ่งต่าง ๆ ที่ถูกเสนอให้กับพวกเขาได้อย่างไร ?
สำหรับคำตอบนี้ ขอยกตัวอย่างว่า มะลาอิกะฮฺก็เปรียบเสมือนคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพ สามารถใช้ในงานต่าง ๆ ได้ดี แต่ถ้าหากนำเอาแมวหรือสิ่งหนึ่งไปวางไว้ต่อหน้ามัน แล้วให้มันเรียกชื่อของสิ่งที่อยู่ต่อหน้า คอมพิวเตอร์ก็ไม่สามารถที่จะเรียกชื่อสิ่งที่อยู่ต่อหน้าได้ เพราะคอมพิวเตอร์ไม่สามารถรู้สิ่งอื่นได้ นอกจากข้อมูลที่ถูกป้อนให้กับมันเท่านั้น และเพราะคอมพิวเตอร์ไม่มีสติปัญญา และนี้อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่อัลลอฮฺทรงใช้ให้เหล่ามะลาอิกะฮฺทำการกราบสุยูดต่อท่านอาดัม เพื่อเป็นการให้เกียรติ มวลมะลาอิกะฮฺทั้งหลายก็ปฏิบัติตามความสั่งของอัลลอฮฺ นอกจากอิบลิสผู้หยิ่งยโส
จากตรงนี้ จึงเกิดคำถามขึ้น ครั้งเมื่อบรรดาผู้ที่ถูกใช้ให้ทำการกราบสุยูดก็คือ มวลมะลาอิกะฮฺ ในขณะที่อิบลิสเป็นหนึ่งจากบรรดาญิน ดังนั้นคำสั่งใช้ให้กราบสุยูดได้คลุมถึงอิบลิสหรือไม่ ?
นักวิชาการบางท่านได้กล่าวว่า อิบลิสเป็นหนึ่งจากบรรดามะลาอิกะฮฺ ซึ่งมีชื่อว่า “อะซาซีล” เป็นมะลาอิกะฮฺที่มีความทะเยอทะยานสูง มีความรู้มาก ดังนั้นมันจึงโอ้อวดและหยิ่งยโสด้วยความสามารถของมัน นักวิชาการบางท่านได้กล่าวว่า ญินนั้นถูกแยกออกมาจากมะลาอิกะฮฺ
บางท่านได้กล่าวว่า อิบลิสเป็นหนึ่งจากบรรดาญิน ซึ่งอยู่ในตอนที่อัลลอฮฺทรงสั่งใช้ให้เหล่ามะลาอิกะฮฺทำการกราบสุยูดต่ออาดัม ดังนั้นคำสั่งของพระองค์จึงคลุมถึงอิบลิสด้วย ถึงแม้ว่าอิบลิสจะไม่ใช่ส่วนหนึ่งจากมะลาอิกะฮฺก็ตาม แต่ว่ามีความคล้ายคลึงกับมะลาอิกะฮฺ และผลจากการที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของอัลลอฮฺ มันจึงถูกลงโทษ ด้วยการขับไล่ออกจากสวนสวรรค์ จากพระเมตตาของอัลลอฮฺ และถูกสาปแช่งตราบวันสิ้นโลก
โดย อะห์หมัด มุสตอฟา อาลี โต๊ะลง