ซะกาตหุ้น
นิพล แสงศรี
หากพิจารณาในด้านการซื้อขายแลกเปลี่ยนระหว่างบุคคลแล้ว หุ้นก็เหมือนการค้าขายทั่วไป ซึ่งทุกคนสามารถใช้เป็นเครื่องมือทางการค้าและแสวงหาผลกำไรได้ การปฏิบัติเช่นนี้ถือเป็นที่อนุญาตเพราะมีพื้นฐานจากเงื่อนไขทางการค้าตามหลักกฎหมายอิสลาม ดังนั้นนักนิติศาสตร์อิสลามจึงกำหนดให้จ่ายซะกาตหุ้นบริษัท เพราะมาจากทรัพย์สินประเภทหนึ่งที่สามารถสร้างผลกำไรให้บริษัท และหุ้นสามารถเพิ่มขึ้น-ลดลงได้ตามศักยภาพของบริษัทที่จะเพิ่มผลกำไรหรือลดหย่อนผลกำไรมติเอกฉันท์ของสถาบันวินิจฉัยเกี่ยวกับนิติศาสตร์อิสลามระบุว่า (ตามคำวินิจฉัยหมายเลข 28 หน้า 63-64 ครั้งที่ 4)
1.ผู้ถือหุ้นจำเป็นต้องจ่ายซะกาต โดยฝ่ายบริหารของบริษัทหุ้นจะต้องคัดแยกออกแทนผู้ถือหุ้นหากระบบบริษัทดำเนินกิจการด้วยพื้นฐานที่กล่าวมา หรือฝ่ายบริหารขององค์กรและมูลนิธิเกี่ยวกับหุ้นจะต้องออกกฎระเบียบเกี่ยวกับซะกาต หรือใช้กฎหมายของประเทศเป็นตัวกำหนดให้บริษัทหุ้นต่างๆจ่ายซะกาต หรือผู้ถือหุ้นตั้งเงื่อนไขให้บริษัทหุ้นจ่ายซะกาตในส่วนของเขา
2.ฝ่ายบริหารบริษัทหุ้นจะต้องจ่ายซะกาตเหมือนการจ่ายซะกาตทรัพย์สินของบุคคลทั่วไป กล่าวคือ ให้ถือว่าหุ้นของทุกคนเป็นเสมือนทรัพย์สินของบุคคลคนเดียว และให้ดำเนินการจ่ายซะกาตเหมือนเป็นทรัพย์สินประเภทหนึ่งที่ต้องมีการจ่ายซะกาตเมื่อครบจำนวน และครบรอบปี ตลอดจนจำนวนที่จะต้องออกซะกาต การปฏิบัติเช่นนี้ได้มาจากนานาทัศนะของนักนิติศาสตร์อิสลามหลายๆท่านเกี่ยวกับการจ่ายซะกาตเชิงทรัพย์สิน ส่วนหุ้นที่ไม่จำเป็นต้องจ่ายซะกาตได้แก่ หุ้นกองทุนหรือกองคลังสาธารณะประโยชน์ส่วนรวม หุ้นบริจาค (วะกัฟ) หุ้นหน่วยงานหรือองค์กรการกุศล เช่นเดียวกับหุ้นบุคคลที่ไม่ใช่มุสลิม
3.หากบริษัทหุ้นไม่ดำเนินการจ่ายซะกาตไม่ว่าจะมาจากสาเหตุใดก็ตาม ผู้ถือหุ้นทุกคนจำเป็นจะต้องจ่ายซะกาต เช่น กรณีผู้ถือหุ้นสามารถทราบถึงส่วนที่ผู้ถือหุ้นจะต้องจ่ายซะกาตจากบัญชีบริษัท ก็ให้ผู้ถือหุ้นจ่ายซะกาตเพราะมันเป็นที่มาของการจ่ายซะกาตหุ้น
เช่นเดียวกับกรณีผู้ถือหุ้นไม่สามารถทราบถึงส่วนที่ผู้ถือหุ้นจะต้องจ่ายซะกาต และผู้ถือหุ้นหวังเพียงการเติบโตเป็นรายปีโดยไม่มีเจตนาทำธุรกิจและแสวงหาผลกำไร ก็ให้ผู้ถือหุ้นจ่ายซะกาต แต่ถ้าหากผู้ถือหุ้นเจตนาทำธุรกิจและแสวงหาผลกำไร ก็ให้จ่ายซะกาต (2.5 % ) เมื่อครบรอบปีและเงื่อนไขการซะกาต
หากผู้ถือหุ้นเจตนาครอบครอบหุ้นเพื่อทำธุรกิจและแสวงหาผลกำไร ก็ให้จ่ายซะกาตเหมือนการจ่ายซะกาตการค้าทั่วไปเมื่อครบรอบปีตามมูลค่าหุ้นในตลาด กรณีไม่มีราคาตลาดหุ้นนำมาเปรียบเทียบ ผู้ถือหุ้นจะต้องมอบแก่ผู้เชี่ยวชาญเพื่อคำนวณหามูลค่าหุ้นก่อนจะจ่ายซะกาต (2.5 % ) จากราคาหุ้นทั้งหมด หรือจากราคาหุ้นบวกผลกำไรที่เกิดจากหุ้น
4.หากผู้ถือหุ้นขายหุ้นของเขาระหว่างปีหรือก่อนครบรอบปี ก็ให้นำมูลค่าหุ้นไปรวมกับหุ้นที่เหลือและจ่ายซะกาตเมื่อครบรอบปี ส่วนผู้ซื้อหุ้นให้จ่ายซะกาตตามจำนวนหุ้นที่ซื้อและตามเงื่อนไขการจ่ายซะกาตดังที่กล่าวมา
เชคอิบนุบาซ ให้ความเห็นว่า (Fatwa Ibn Baz.) ผู้ถือหุ้นที่สำรองหุ้นไว้เชิงพาณิชย์และธุรกิจ จะต้องจ่ายซะกาตเมื่อครบรอบปีเหมือนกับสินค้าทั่วไป ไม่ว่าจะเกี่ยวกับที่ดิน รถยนต์ และอื่นๆ หากผู้ถือหุ้นมีหุ้นสำรองไว้เพื่อการเช่าไม่ใช่เพื่อการขาย เช่น ที่ดิน รถยนต์ ก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายซะกาตหุ้น แต่ต้องจ่ายซะกาตรายได้จากค่าเช่าแทนเมื่อครบรอบปีและครบจำนวนตามศาสนากำหนด
หากเป็นหุ้นบริษัทเชิงเกษตรกรรม ให้จ่ายซะกาตเหมือนการจ่ายซะกาตทางการเกษตรทั่วไป เช่นเดียวกับหุ้นบริษัทเชิงพาณิชย์ จำเป็นต้องจ่ายซะกาตเหมือนการจ่ายซะกาตการค้า โดยจะมีการกำหนดอัตราซะกาต ตามราคาหุ้น ณ วันที่ครบกำหนดจ่ายซะกาต ส่วนหุ้นบริษัทเชิงอุตสาหกรรม นักนิติศาสตร์อิสลามมีความเห็นแตกต่างกันคือ
ทัศนะที่ 1 จำเป็นต้องจ่ายซะกาตในสิ่งที่เป็นกำไรเท่านั้น ส่วนสิ่งที่เป็นวัตถุ อาคาร สิ่งก่อสร้าง และอื่นๆไม่จำเป็นต้องจ่ายซะกาต เชคอับดุลเราะมาน อีซา เห็นด้วยกับทัศนะนี้
ทัศนะที่ 2 ไม่มีความแตกต่างกันระหว่างหุ้นเชิงอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์ ตราบใดที่มีวัตถุประสงค์เพื่อธุรกิจและผลกำไร โดยเฉพาะการแยกแยะระหว่างสองอย่างถือเป็นเรื่องยาก โดยเชคยูซุฟ อัลเกาะเราะฏอวีย์ เห็นด้วยกับทัศนะนี้
ทัศนะที่ 3 แยกระหว่างหุ้นเชิงอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์ โดยให้พิจารณาถึงเจตนาเป็นหลัก ดังนั้นหากผู้ถือหุ้นเจตนาเพียงแค่ครอบครองหุ้นบริษัท ก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายซะกาต แต่ถ้าหากผู้ถือหุ้นเจตนาครอบครองเพื่อแสวงผลกำไร ก็จำเป็นต้องจ่ายซะกาตโดยจ่ายซะกาตตามมูลค่าหุ้นในตลาด และเชคอับดุลเลาะ บิน มุนิอฺ เห็นด้วยกับทัศนะนี้
المراجع:
1- مجلة مجمع الفقه الإسلامي، العدد (4)، (1/707).
2- بحوث في الاقتصاد الإسلامي، عبدالله بن سليمان بن منيع، ص(67).
3- مجموع رسائل الشيخ عبدالله المحمود (4).
4- زكاة الأسهم والسندات، الشيخ صالح السلان.
5- أبحاث فقهية في قضايا الزكاة المعاصرة.
6- فتاوى ابن باز.