ความวิปริตทางเพศ
อัลลอฮฺ ทรงบังเกิดมนุษย์มาโดยมี 2 เพศ คือ เพศชายและเพศหญิง แต่ละเพศต่างมีคุณลักษณะพิเศษอย่างชัดเจน ซึ่งมามีอยู่ในอีกเพศหนึ่งเป้าหมายที่อัลลอฮฺทรงบังเกิดเพศชายและเพศหญิงขึ้นมานี้ก็ให้แต่ละเพศมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติและจะต้องรับผิดชอบ อาทิ เช่น ผู้ชายมีหน้าที่ปกป้อง คุ้มครอง ดูแล รับผิดชอบผู้หญิงในฐานะหัวหน้าครอบครัวหรือผู้ปกครอง
อัลลอฮฺตรัสว่า
" บรรดาผู้ชายเป็นผู้ปกครองดูแลผู้หญิงด้วยการที่อัลลอฮฺได้ทรงประทานได้ทรงประทานความประเสริฐแก่บางคนในพวกเขาเหนืออีกบางคน และด้วยสิ่งที่พวกเขาได้จ่ายไป
ส่วนผู้หญิงก็มีหน้าที่ดูแลบ้าน ดูแลลูกๆเสริมสร้างบรรยากาศให้บ้านมีความอบอุ่น และช่วยเหลือสามีตามความสามารถ
เป้าหมายอีกประการหนึ่งที่อัลลอฮฺทรงบังเกิดให้มนุษย์มีทั้งเพศชายและเพศหญิงก็คือ เพื่อให้มนุษย์มีการสืบเชื้อสายและเผ่าพันธุ์ต่อไป ทั้งนี้โดยการใช้การแต่งงานโดยถูกต้องตามศาสนบัญญัติเป็นพื้นฐาน
แต่ด้วยพระประสงค์ของอัลลอฮฺจึงทำให้บุคคลประเทศที่ 3 เกิดขึ้นซึ่งเราเรียกว่ากระเทย คำว่า กระเทย ตามบัญญัติอิสลาม หมายถึง ผู้ที่มี 2 เพศ อยู่ในตัวเองหรือไม่มีสิ่งบ่งชี้จากอวัยวะเพศว่า เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง บุคคลที่เป็นกระเทยย่อมมีผลทางด้านสิทธิ เช่น การได้รับมรดก เป็นต้น
เนื่องจากสภาวการณ์ได้เปลี่ยน เป็นผลทำให้เกิดการผิดปกติทางจิตใจ ความผิดปรกติทางจิตใจมีอยู่มากมายหลายอย่าง ที่จะนำมากล่าวในที่นี้คือ ความวิปริตทางเพศ อันได้แก่การรักร่วมเพศระหว่างชายกับชาย หรือระหว่างหญิงกับหญิง สภาพเช่นนี้ เป็นสภาพที่ผิดธรรมชาติ สาเหตุที่เกิดความวิปริตทางเพศนี้พอสรุปได้คือ
1. การเลี้ยงดูที่ผิดจากสภาพความเป็นจริง โดยที่พ่อแม่บางคนอยากได้ลูกชายแต่ลูกที่เกิดมาเป็นผู้หญิง จึงพยายามเลี้ยงดูลูกผู้หญิงในแบบผู้ชาย เช่น ตัดแบบผู้ชาย ใส่เสื้อผ้าผู้ชาย หรือพ่อแม่ที่ต้องการลูกผู้หญิงแต่ลูกที่เกิดมาเป็นลูกผู้ชาย จึงพยายามเลี้ยงลูกชายในแบบลูกสาว เช่น ตัดผมแบบเด็กผู้หญิง ใส่เสื้อผ้าแบบผู้หญิง และอบรมการสั่งสอนแบบผู้หญิง ด้วยการจัดบรรยากาศไม่เป็นไปตามธรรมชาตินี้เอง จึงมีส่วนทำให้ลูกมีจิตวิปริตผิดเพศไปได้
2. สภาพแวดล้อมที่ได้รับ เช่น บางคนอยู่โรงเรียนประจำหรืออยู่ร่วมกับเพศเดียวกันภายในหอพัก ความเคยชินในการนอนอยู่กับเพศเดียวกัน อาจจะฝังใจชอบนอนร่วมเพศกับเพศเดียวกันแทนที่จะเป็นเพศตรงข้าม
3. การนำเอากิจกรรมผลงานหรือการแสดงบทบาทของผู้มีจิตวิปริตมาเผยแพร่ สมัยปัจจุบันสื่อมวลชนเฉพาะอย่างยิ่ง โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ได้นำเอาการแสดงมาเสนอ ทำให้เยาวชนซึ่งมีจิตใจชอบลอกเลียนแบบ ชอบสิ่งที่แปลกใหม่ ความเปลี่ยนแปลงและชอบทดลองได้จดจำไปปฏิบัติจนเป็นนิสัย มีการคล้อยตามจนเป็นจิตวิปริตจะเห็นได้ว่า ในยุคนี้มีผู้ชายสวมใส่เสื้อผ้าคล้ายผู้หญิง และผู้หญิงก็สวมใส่เสื้อผ้าคล้ายผู้ชาย
4. การมีอุปทาน ผู้ชายบางคนมีความเป็นธรรมชาติ มิใช่หาทางเปลี่ยนแปลงสภาพร่างกายให้เป็นไปตามสภาพจิตใจเพราะการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพตามที่อัลลอฮฺ บังเกิดมาซึ่งเป็นความผิดขั้นมหันต์
อัลลอฮฺตรัสว่า
ดังนั้นสู้เจ้าจงผินหน้าของสู่เจ้าสู่ศาสนาโดยนอบน้อม อันเป็นธรรมชาติของอัลลฮฺที่พระองค์ทรงประทานให้มนุษย์ดำรงอยู่บนธรรมชาตินั้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในการบังเกิดของอัลลอฮฺอย่างเด็ดขาดนั้นเป็นศาสนาที่เที่ยงตรง แต่ทว่ามนุษย์ส่วนมากไม่รู้
สำหรับผู้ที่ยังทำตัวในฐานะผู้ที่มีจิตวิปริต ก็พึงสำเหนียกในอัลฮะดิษของท่านเราะซูล ที่ว่า
อัลลอฮฺทรงสาปแช่งบรรดาผู้ชายที่ทำตัวคล้ายหญิงและบรรดผู้หญิงที่ทำตัวคล้ายผู้ชาย
ถ้าผู้ใดยังสภาพเช่นนี้ อัลลอฮฺก็จะทรงสาปแช่งเขาตลอดไป โดยไม่ได้รับความเมตตาจากอัลลอฮฺ และผู้ใดตั้งใจอย่างเด็ดขาดว่าจะไม่แต่งงานหรือไม่มีชีวิตครอบครัวตลอดชีวิต เขาก็ไม่อยู่ในฐานะประชาชาติของท่านนบีมูฮัมมัด ดังที่ท่านกล่าวว่า
การนิกะฮฺ ( สมรส ) เป็นแนวทางของฉัน ใครที่ไม่ปฏิบัติ แท้จริงเขาก็ไม่ใช่จากพวกของฉัน
ผลเสียของการรักร่วมเพศรักร่วมเพศได้ก็ให้เกิดความเสียหายอย่างมากมาย ทั้งทางด้านส่วนตัวของผู้ที่มีจิตวิปริตเอง และทางด้านสังคม คือ
1. ทำให้บุคคลละเลยต่อการแต่งงานมากขึ้น และหาทางสนองความใคร่กับเพศเดียวกันหรือด้วยตนเอง สภาพเช่นนี้เป็นสภาพที่ขัดกับธรรมชาติ และฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮฺ และเราะซูล ที่ใช้ให้แต่งงาน ดังนั้นสภาพดังกล่าวจึงเป็นความผิด ยิ่งความเสียหายมีมากเท่าใด ความผิดก็มีความใหญ่หลวงมากขึ้นเท่านั้น ความผิดการสำเร็จความใคร่ไม่ว่าจะด้วยตัวเองหรือกับเพศเดียวกันนั้น
ท่านเราะซูล กล่าวว่า
เมื่อผู้หญิงปฏิบัติกับผู้หญิงทั้งสองเหมือนการทำซินา หมายความ ผู้ที่สำเร็จความใคร่ด้วยมือของเขา ถูกสาปแช่ง
2. ทำให้ครอบครัวเกิดความแตกแยก ในบางครั้งผู้ที่มีจิตวิปริต หรือผู้ที่เป็นคู่หูกับผู้มีจิตวิปริตต้องการที่จะปรับปรุงและแก้ไขจิตใจของตัวเองให้เป็นไปตามธรรมชาติโดยการแต่งงานโดยถูกต้องตามศาสนบัญญัติแต่เนื่องจากซัยตอนจิตวิปริต ซึ่งเป็นคู่หู คู่ควง คู่นอน ได้ยุแหย่ จึงทำให้ผู้มีจิตวิปริตหรือคู่หูของผู้มีจิตวิปริต ที่แต่งงานไปเกิดหลงคารม โดยกลับไปมีความสัมพันธ์กับผู้มีจิตวิปริตอีกครั้งหนึ่ง ผลที่ติดตามก็คือครอบครัวเกิดความแตกแยก ผู้ที่เป็นสาเหตุทำให้ครอบครัวผู้อื่นเกิดความแตกแยก คือผู้ทำความผิดขั้นมหันต์อย่างแน่นอน
ท่านเราะซูล กล่าวว่า
ไม่มีสิ่งที่ฮะล้าล ( อนุมัติ ) ใดที่อัลลอฮฺเกลียดชังมากที่สุด นอกจากการหย่าเป็นไม่มี (บันทึกโดยอบูดาวูด)
ส่วนภรรยาที่ขอให้สามีหย่านาง ทั้งๆที่สามีมิได้ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องแต่อย่างใดถือว่านางได้ทำความผิดอย่างใหญ่หลวง เช่นกัน
ท่านเซาบาน ว่าท่านเราะซูล กล่าวว่า
หญิงใดก็ตามที่ขอให้สามีของนางหย่านาง โดยไม่มีความคับแคบใจ (เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ของสามีบกพร่อง ) แล้วนางจะถูกห้ามไม่ให้ได้รับกลิ่นจากสวรรค์
3. ผู้มีจิตวิปริตที่สูญเสียประโยชน์อาจจะขู่อาฆาต การปองร้าย การประทุษร้าย การก่ออาชยากรรม ทั้งนี้ เนื่องจากความหึงหวง ความเสียดาย เพราะผู้มีจิตวิปริตประเภทนี้ กว่าจะหาคู่ คู่ควง คู่นอน ที่มีดวงสมพงษ์กันนั้น ย่อมหาได้ยากยิ่ง การลงโทษผู้ทำความผิดเช่นนี้
อัลลอฮฺ ตรัสว่า
แท้จริงผลการตอบแทนบรรดาผู้ที่ทำสงครามกับอัลลอฮฺและร่อซู้ลของพระองค์ และพยายามสร้างความเสียหายในแผ่นดิน โดยพวกเขาจะถูกประหารชีวิต หรือเสียบประจาน หรือถูกตัดมือและเท้าของพวกเขาโดยสลับข้าง หรือเนรเทศออกจากแผ่นดินนั่นเป็นความอัปยศของพวกเขาในโลกดุนยา และโลกอาคิเราะฮฺพวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างใหญ่หลวง
โดยเหตุนี้ ผู้ใดที่ทำตัวเป็นคนจิตวิปริตมีรักร่วมเพศ หรือแกล้งทำเป็นจิตวิปริตก็จงพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสภาพจิตใจของเขาให้เป็นที่มีจิตใจปกติ ตามธรรมชาติที่อัลลอฮฺทรงประทานมาเถิด อย่าได้ทำตัวเป็นคนผิดธรรมชาติเลย เพราะนั่นเป็นสิ่งที่น่าละอาย แม้ว่าเขาจะไม่ละอายผู้อื่น ก็ให้ละอายต่อตัวเองบ้าง
ที่มา หนังสือ "ครอบครัวสุขสันต์"