ความวิปริตทางเพศ
  จำนวนคนเข้าชม  13779


ความวิปริตทางเพศ

         

          อัลลอฮฺ  ทรงบังเกิดมนุษย์มาโดยมี  2  เพศ  คือ  เพศชายและเพศหญิง  แต่ละเพศต่างมีคุณลักษณะพิเศษอย่างชัดเจน  ซึ่งมามีอยู่ในอีกเพศหนึ่งเป้าหมายที่อัลลอฮฺทรงบังเกิดเพศชายและเพศหญิงขึ้นมานี้ก็ให้แต่ละเพศมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติและจะต้องรับผิดชอบ  อาทิ  เช่น  ผู้ชายมีหน้าที่ปกป้อง  คุ้มครอง  ดูแล  รับผิดชอบผู้หญิงในฐานะหัวหน้าครอบครัวหรือผู้ปกครอง 

อัลลอฮฺตรัสว่า 

"  บรรดาผู้ชายเป็นผู้ปกครองดูแลผู้หญิงด้วยการที่อัลลอฮฺได้ทรงประทานได้ทรงประทานความประเสริฐแก่บางคนในพวกเขาเหนืออีกบางคน  และด้วยสิ่งที่พวกเขาได้จ่ายไป  ”

         ส่วนผู้หญิงก็มีหน้าที่ดูแลบ้าน  ดูแลลูกๆเสริมสร้างบรรยากาศให้บ้านมีความอบอุ่น  และช่วยเหลือสามีตามความสามารถ

         เป้าหมายอีกประการหนึ่งที่อัลลอฮฺทรงบังเกิดให้มนุษย์มีทั้งเพศชายและเพศหญิงก็คือ  เพื่อให้มนุษย์มีการสืบเชื้อสายและเผ่าพันธุ์ต่อไป ทั้งนี้โดยการใช้การแต่งงานโดยถูกต้องตามศาสนบัญญัติเป็นพื้นฐาน

         แต่ด้วยพระประสงค์ของอัลลอฮฺจึงทำให้บุคคลประเทศที่  3  เกิดขึ้นซึ่งเราเรียกว่ากระเทย  คำว่า กระเทย ตามบัญญัติอิสลาม  หมายถึง  ผู้ที่มี  2  เพศ  อยู่ในตัวเองหรือไม่มีสิ่งบ่งชี้จากอวัยวะเพศว่า  เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง  บุคคลที่เป็นกระเทยย่อมมีผลทางด้านสิทธิ  เช่น  การได้รับมรดก เป็นต้น

          เนื่องจากสภาวการณ์ได้เปลี่ยน  เป็นผลทำให้เกิดการผิดปกติทางจิตใจ  ความผิดปรกติทางจิตใจมีอยู่มากมายหลายอย่าง  ที่จะนำมากล่าวในที่นี้คือ  ความวิปริตทางเพศ  อันได้แก่การรักร่วมเพศระหว่างชายกับชาย  หรือระหว่างหญิงกับหญิง  สภาพเช่นนี้  เป็นสภาพที่ผิดธรรมชาติ  สาเหตุที่เกิดความวิปริตทางเพศนี้พอสรุปได้คือ

          1. การเลี้ยงดูที่ผิดจากสภาพความเป็นจริง  โดยที่พ่อแม่บางคนอยากได้ลูกชายแต่ลูกที่เกิดมาเป็นผู้หญิง  จึงพยายามเลี้ยงดูลูกผู้หญิงในแบบผู้ชาย  เช่น  ตัดแบบผู้ชาย  ใส่เสื้อผ้าผู้ชาย  หรือพ่อแม่ที่ต้องการลูกผู้หญิงแต่ลูกที่เกิดมาเป็นลูกผู้ชาย  จึงพยายามเลี้ยงลูกชายในแบบลูกสาว  เช่น  ตัดผมแบบเด็กผู้หญิง  ใส่เสื้อผ้าแบบผู้หญิง  และอบรมการสั่งสอนแบบผู้หญิง  ด้วยการจัดบรรยากาศไม่เป็นไปตามธรรมชาตินี้เอง  จึงมีส่วนทำให้ลูกมีจิตวิปริตผิดเพศไปได้

         2. สภาพแวดล้อมที่ได้รับ  เช่น  บางคนอยู่โรงเรียนประจำหรืออยู่ร่วมกับเพศเดียวกันภายในหอพัก ความเคยชินในการนอนอยู่กับเพศเดียวกัน  อาจจะฝังใจชอบนอนร่วมเพศกับเพศเดียวกันแทนที่จะเป็นเพศตรงข้าม

         3. การนำเอากิจกรรมผลงานหรือการแสดงบทบาทของผู้มีจิตวิปริตมาเผยแพร่  สมัยปัจจุบันสื่อมวลชนเฉพาะอย่างยิ่ง  โทรทัศน์  หนังสือพิมพ์  ได้นำเอาการแสดงมาเสนอ  ทำให้เยาวชนซึ่งมีจิตใจชอบลอกเลียนแบบ  ชอบสิ่งที่แปลกใหม่  ความเปลี่ยนแปลงและชอบทดลองได้จดจำไปปฏิบัติจนเป็นนิสัย  มีการคล้อยตามจนเป็นจิตวิปริตจะเห็นได้ว่า  ในยุคนี้มีผู้ชายสวมใส่เสื้อผ้าคล้ายผู้หญิง  และผู้หญิงก็สวมใส่เสื้อผ้าคล้ายผู้ชาย

         4. การมีอุปทาน  ผู้ชายบางคนมีความเป็นธรรมชาติ  มิใช่หาทางเปลี่ยนแปลงสภาพร่างกายให้เป็นไปตามสภาพจิตใจเพราะการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพตามที่อัลลอฮฺ บังเกิดมาซึ่งเป็นความผิดขั้นมหันต์ 

อัลลอฮฺตรัสว่า 

“  ดังนั้นสู้เจ้าจงผินหน้าของสู่เจ้าสู่ศาสนาโดยนอบน้อม  อันเป็นธรรมชาติของอัลลฮฺที่พระองค์ทรงประทานให้มนุษย์ดำรงอยู่บนธรรมชาตินั้น  ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในการบังเกิดของอัลลอฮฺอย่างเด็ดขาดนั้นเป็นศาสนาที่เที่ยงตรง  แต่ทว่ามนุษย์ส่วนมากไม่รู้  ”

สำหรับผู้ที่ยังทำตัวในฐานะผู้ที่มีจิตวิปริต  ก็พึงสำเหนียกในอัลฮะดิษของท่านเราะซูล  ที่ว่า 

 “  อัลลอฮฺทรงสาปแช่งบรรดาผู้ชายที่ทำตัวคล้ายหญิงและบรรดผู้หญิงที่ทำตัวคล้ายผู้ชาย  ”

         ถ้าผู้ใดยังสภาพเช่นนี้  อัลลอฮฺก็จะทรงสาปแช่งเขาตลอดไป  โดยไม่ได้รับความเมตตาจากอัลลอฮฺ  และผู้ใดตั้งใจอย่างเด็ดขาดว่าจะไม่แต่งงานหรือไม่มีชีวิตครอบครัวตลอดชีวิต  เขาก็ไม่อยู่ในฐานะประชาชาติของท่านนบีมูฮัมมัด   ดังที่ท่านกล่าวว่า 

“  การนิกะฮฺ ( สมรส )  เป็นแนวทางของฉัน  ใครที่ไม่ปฏิบัติ แท้จริงเขาก็ไม่ใช่จากพวกของฉัน”


ผลเสียของการรักร่วมเพศ

          รักร่วมเพศได้ก็ให้เกิดความเสียหายอย่างมากมาย  ทั้งทางด้านส่วนตัวของผู้ที่มีจิตวิปริตเอง  และทางด้านสังคม  คือ

         1. ทำให้บุคคลละเลยต่อการแต่งงานมากขึ้น  และหาทางสนองความใคร่กับเพศเดียวกันหรือด้วยตนเอง  สภาพเช่นนี้เป็นสภาพที่ขัดกับธรรมชาติ  และฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮฺ และเราะซูล  ที่ใช้ให้แต่งงาน ดังนั้นสภาพดังกล่าวจึงเป็นความผิด  ยิ่งความเสียหายมีมากเท่าใด  ความผิดก็มีความใหญ่หลวงมากขึ้นเท่านั้น  ความผิดการสำเร็จความใคร่ไม่ว่าจะด้วยตัวเองหรือกับเพศเดียวกันนั้น

ท่านเราะซูล กล่าวว่า

  “  เมื่อผู้หญิงปฏิบัติกับผู้หญิงทั้งสองเหมือนการทำซินา  ” หมายความ  “  ผู้ที่สำเร็จความใคร่ด้วยมือของเขา  ถูกสาปแช่ง” 

         2.  ทำให้ครอบครัวเกิดความแตกแยก  ในบางครั้งผู้ที่มีจิตวิปริต  หรือผู้ที่เป็นคู่หูกับผู้มีจิตวิปริตต้องการที่จะปรับปรุงและแก้ไขจิตใจของตัวเองให้เป็นไปตามธรรมชาติโดยการแต่งงานโดยถูกต้องตามศาสนบัญญัติแต่เนื่องจากซัยตอนจิตวิปริต  ซึ่งเป็นคู่หู  คู่ควง  คู่นอน  ได้ยุแหย่  จึงทำให้ผู้มีจิตวิปริตหรือคู่หูของผู้มีจิตวิปริต  ที่แต่งงานไปเกิดหลงคารม  โดยกลับไปมีความสัมพันธ์กับผู้มีจิตวิปริตอีกครั้งหนึ่ง  ผลที่ติดตามก็คือครอบครัวเกิดความแตกแยก  ผู้ที่เป็นสาเหตุทำให้ครอบครัวผู้อื่นเกิดความแตกแยก    คือผู้ทำความผิดขั้นมหันต์อย่างแน่นอน 

ท่านเราะซูล  กล่าวว่า

“  ไม่มีสิ่งที่ฮะล้าล ( อนุมัติ ) ใดที่อัลลอฮฺเกลียดชังมากที่สุด  นอกจากการหย่าเป็นไม่มี” (บันทึกโดยอบูดาวูด) 

         ส่วนภรรยาที่ขอให้สามีหย่านาง  ทั้งๆที่สามีมิได้ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องแต่อย่างใดถือว่านางได้ทำความผิดอย่างใหญ่หลวง  เช่นกัน

 ท่านเซาบาน ว่าท่านเราะซูล กล่าวว่า

“  หญิงใดก็ตามที่ขอให้สามีของนางหย่านาง  โดยไม่มีความคับแคบใจ  (เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ของสามีบกพร่อง )  แล้วนางจะถูกห้ามไม่ให้ได้รับกลิ่นจากสวรรค์  ”

         3. ผู้มีจิตวิปริตที่สูญเสียประโยชน์อาจจะขู่อาฆาต  การปองร้าย  การประทุษร้าย  การก่ออาชยากรรม  ทั้งนี้  เนื่องจากความหึงหวง  ความเสียดาย  เพราะผู้มีจิตวิปริตประเภทนี้  กว่าจะหาคู่  คู่ควง  คู่นอน  ที่มีดวงสมพงษ์กันนั้น  ย่อมหาได้ยากยิ่ง  การลงโทษผู้ทำความผิดเช่นนี้ 

อัลลอฮฺ ตรัสว่า

  “  แท้จริงผลการตอบแทนบรรดาผู้ที่ทำสงครามกับอัลลอฮฺและร่อซู้ลของพระองค์  และพยายามสร้างความเสียหายในแผ่นดิน  โดยพวกเขาจะถูกประหารชีวิต  หรือเสียบประจาน  หรือถูกตัดมือและเท้าของพวกเขาโดยสลับข้าง  หรือเนรเทศออกจากแผ่นดินนั่นเป็นความอัปยศของพวกเขาในโลกดุนยา  และโลกอาคิเราะฮฺพวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างใหญ่หลวง  ”

         โดยเหตุนี้  ผู้ใดที่ทำตัวเป็นคนจิตวิปริตมีรักร่วมเพศ  หรือแกล้งทำเป็นจิตวิปริตก็จงพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสภาพจิตใจของเขาให้เป็นที่มีจิตใจปกติ  ตามธรรมชาติที่อัลลอฮฺทรงประทานมาเถิด  อย่าได้ทำตัวเป็นคนผิดธรรมชาติเลย  เพราะนั่นเป็นสิ่งที่น่าละอาย  แม้ว่าเขาจะไม่ละอายผู้อื่น  ก็ให้ละอายต่อตัวเองบ้าง

 

ที่มา หนังสือ "ครอบครัวสุขสันต์"