การถือศีลอดของผู้ป่วยเบาหวาน
  จำนวนคนเข้าชม  16611

แนวทางการถือศีลอดของผู้ป่วยเบาหวาน 

โดย นพ.ยา สารี  โรงพยาบาลไม้แก่น

หลักการและเหตุผล

           การถือศีลอดตั้งแต่รุ่งเช้าจนพลบค่ำในเดือนรอมาฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ได้ถูกบัญชาให้ปฏิบัติแก่บรรดามุสลิมทั้งหลาย ยกเว้นผู้ที่กำลังป่วย ถึงกระนั้นก็ตามผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคอื่นๆ ที่ควบคุมได้ดีแล้ว ต้องการที่จะถือศีลอดเช่นกัน การนำเสนอในวันนี้จึงมีเป้าประสงค์ที่จะเสนอแนะแนวทางเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนต่อโรค โดยอาศัยหลักฐานจากงานวิจัย

“บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย! การถือศีลอดนั้นได้ถูกกำหนดแก่พวกเจ้าแล้ว เช่นเดียวกับที่ได้ถูกกำหนดแก่บรรดาผู้ก่อนหน้าพวกเจ้ามาแล้วเพื่อว่าพวกเจ้าจะได้ยำเกรง ” อัล-บากอเราะฮฺ 2:183

ผู้ที่ได้รับการยกเว้น

1. ผู้ป่วย ( อัล-กุรอาน 2: 184-185)

2. ผู้ที่อยู่ระหว่างการเดินทาง

3. ผู้หญิงที่กำลังมีประจำเดือน

4. ผู้หญิงตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร

5. เด็กที่ยังไม่บรรลุศาสนภาวะ

เอกลักษณ์ของการถือศีลอดของมุสลิมในช่วงเดือนรอมาฎอน

• เป็นความสมัครใจของผู้ป่วย ไม่ใช่คำแนะนำของแพทย์

• ไม่มีการจำกัดชนิด หรือปริมาณของอาหาร

• ไม่มีผลต่อปริมาณพลังงานที่พึงได้รับในแต่ละวัน

• เป็นโอกาสในการฝึกฝนตนเองในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะพฤติกรรมบริโภคที่ไม่เหมาะสม เช่น การสูบบุหรี่ การเคี้ยวหมากฝรั่ง เป็นต้น

• มีผลการกระทบทางด้านจิตวิญญาณสูง และมีการละหมาดพิเศษในตอนกลางคืน(ตารอเวียฮฺ)

การเปลี่ยนแปลงทางสรีระวิทยาขณะถือศีลอด

• พลังงานที่ได้รับ

• ปริมาณน้ำและเกลือแร่

• ผลกระทบต่อ

– ระบบย่อยอาหาร

-  ไตและการขับปัสสาวะ

- ต่อมไร้ท่อ

- ระบบเผาผลาญไขมัน

- ระบบหายใจ

- ระบบประสาท

 


 

 
การถือศีลอดกับระบบเผาผลาญไขมัน

• ระดับ Total Cholesterol และ Triglycerides ลดลงในช่วงอาทิตย์แรก และกลับมาคงเดิมในช่วงหลังของการถือศีลอด

• ระดับ HDL-C เพิ่มขึ้น

• ค่าต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลงตามตามชนิดและปริมาณอาหารที่ได้รับ

ผลต่อระบบต่อมไร้ท่อ

• free T3 ลดลง rT3 สูงขึ้น

• total T4 ต่ำลงเล็กน้อย (ผลจากการลดลงของTBG) ในขณะที่ freeT4 และ TSH ยังคงปกติ

• การตอบสนองต่อของTSH ต่อ TRH ไม่เปลี่ยนแปลง

• ฮอร์โมนเพศไม่เปลี่ยนแปลง

• Plasma Prolactin และ PTH ปกติ

ผลต่อการทำงานของไต

• ปริมาณปัสสาวะ ความเข้มข้น ระดับเกลือแร่และส่วนประกอบไม่เปลี่ยนแปลง

• BUN สูงขึ้นเล็กน้อย

• กรดยูริกสูงขึ้น (ตามระยะเวลาที่งดอาหาร)

ผลกระทบต่อระบบอื่นๆ

• Bilirubin สูงขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ SGOTและ SGPT ปกติ

• ลดการหลั่งของกรดในกระเพาะ

• ระบบหัวใจ และหลอดเลือดไม่เปลี่ยนแปลง

• ระดับแคลเซียมและเกลือแร่ไม่เปลี่ยนแปลง

• ไม่มีผลต่อระดับฮีโมโกลบิน และธาตุเหล็ก

• น้ำหนักลด 1.7-3.8 Kg (ยิ่งอ้วนยิ่งลดมาก)

• ลดความหิว จากการคั่งของคีโตน และการเพิ่มของ Beta-endorphins

• อาชญากรรมลดลงในช่วงเดือนรอมฎอน ( การวิจัยในจอร์แดน )

• ไม่ปรากฏผลต่อการคลอดในเรื่องของน้ำหนักแรกคลอด No (การวิจัยจากแกมเบีย)

ผู้ป่วยที่ไม่ควรถือศีลอด

• ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1

• ผู้ป่วยไตวาย ไตเสื่อม ผ่าตัดเปลี่ยนไต หรือนิ่วที่ไต

• โรคปอดและหัวใจที่รุนแรง

• เลือดออกในทางเดินอาหาร หรือโรคกระเพาะที่เป็นแผล

• โรคลมชักที่ยังไม่สงบ

• โรคไมเกรนที่กำเริบบ่อย 

คำแนะนำทั่วไปสำหรับผู้ป่วย

• ปรึกษาแพทย์ก่อนถือศีลอด

• ฝึกการถือศีลอดช่วงเดือนซะอฺบานก่อน

• เปลี่ยนยาชนิดออกฤทธิ์นาน เป็นยาชนิดออกฤทธิ์สั้นภายใต้คำแนะนำของแพทย์

• ผู้ป่วยสูงอายุที่จำเป็นต้องใช้ยากลุ่ม NSAIDS ต้องคอยตรวจการทำงานของไตบ่อยๆ

• ยากันเลือดแข็งตัว และยากันชักเปลี่ยนไปกินเวลากลางคืน

ผู้ป่วยเบาหวานกับการถือศีลอด

• 43 % in IDDM, 79 % in NIDDM

• 50 % ยังคงใช้ยาเท่ากับเวลาปกติ

ผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมได้ดีควรถือศีลอดเพราะ

1. น้ำตาลในเลือดลดลงในช่วงเดือนรอมฎอน

2. ความดันโลหิตลดลง

3. ไขมันในเลือดลดลง

4. น้ำหนักลดลง 1-2 กิโลกรัม


 
ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ

• Hypoglycemia

• Hyperglycemia

• Diabetic Ketoacidosis

• Dehydration & Thrombosis

ผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนในช่วงถือศีลอด

เสี่ยงมากที่สุด

• มีภาวะ severe hypoglycemia 3 เดือนก่อนรอมฎอน

• มีประวัติ hypoglycemia บ่อยๆ

• ผู้ป่วยที่ไม่สามารถรู้สึกได้ถึงภาวะ hypoglycemia

• ผู้ป่วยที่ประวัติคุมน้ำตาลในเลือดไม่ดี (ขึ้นๆลงๆในช่วงกว้าง)

• มีประวัติ DKA ใน 3 เดือนก่อนรอมฎอน

• เบาหวานชนิดที่หนึ่ง

• มีโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น cellulitis acute pyelonephritis,

• Hyperosmolar coma ใน 3 เดือนก่อนรอมฎอน

• ผู้ป่วยที่ทำงานใช้แรงงานหนัก เช่น กรรมกรแบกหาม

• เบาหวานขณะตั้งครรภ์

• ผู้ป่วยล้างไตด้วยวิธีต่างๆ

เสี่ยงมาก

• มีระดับน้ำตาลอยู่ในช่วง 150-300 mg% หรือ HbA1c 7.5- 9.0 % 

• มีภาวะไตเสื่อม

• มี macro vascular complication

• ผู้ป่วยที่อยู่เพียงลำพัง

• สูงอายุ และมีโรคเรื้อรังอื่นๆ

• ใช้ยาที่กดประสาท เช่น diazepam tranxene 

เสี่ยงปานกลาง

• ผู้ป่วยที่คุมระดับน้ำตาลได้ดี โดยใช้ยากลุ่ม repaglinide

เสี่ยงน้อย

• ผู้ป่วยที่คุมระดับน้ำตาลได้ดี โดยวิธีคุมอาหาร หรือใช้ยากลุ่ม metformin TZD และไม่มีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ

การให้คำแนะนำ

• อาหาร และน้ำ

• การออกกำลังกาย

• การใช้ยา

• การสังเกตภาวะผิดปกติ


          *** ทั้งนี้ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อน เพื่อการปรับเปลี่ยนยาที่เหมาะสมและไม่เกิดอันตรายนะคะ

 



เอกสารอ้างอิง
• Monira A, Radhia B, John B, Sherif H, Mohamed H, Mahmoud AI, et al. Recommendations for Management of Diabetes During Ramadan . Diabetic care 2005;28:2305-2311.
• Ibrahim S, Eric B, Bruno D, Monique BB, Corinne LB, Celine V, Abdul J. A Population-Based Study of Diabetes and Its Characteristics During the Fasting Month of Ramadan in 13 Countries . Diabetic care 2004;27:2306-2311.