การประกันภัย
  จำนวนคนเข้าชม  9736

การประกันภัย

โดย .. มุร็อด บินหะซัน

          การประกันภัยเป็นสิทธิอันหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับกองมรดกของผู้ตาย  ซึ่งเป็นการทำธุระกรรมที่นักกฎหมายอิสลาม ในปัจจุบันมีความเห็นแตกต่างกันมากมาย ทั้งที่หลายประเทศที่เป็นประเทศอิสลามได้พยายามหาข้อสรุปในเรื่องนี้  โดยจัดประชุมสัมมนาหลายครั้ง แต่บรรดานักกฎหมายอิสลามก็ยังมีความเห็นที่ไม่สอดคล้องกัน และยังเป็นที่สับสนกันอยู่ในสังคมมุสลิมว่าการประกันชีวิตนั้นถูกต้องตามหลักการอิสลามหรือไม่ ค่างวดและเบี้ยประกันภัยจะเป็นมรดกหรือไม่ หรือให้กับบุคคลที่ถูกระบุไว้ ทั้งนี้เพราะการประกันภัยนั้นเพิ่งจะแพร่หลายได้ไม่กี่ปีนี้ จึงไม่มีคำชี้ขาดของบรรดานักกฎหมายอิสลามยุคก่อนในเรื่องนี้ ผู้วิจัยเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญและเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของชาวมุสลิมในปัจจุบัน จึงอยากจะนำเอาเรื่องนี้มานำเสนอ เพื่อเป็นแนวทางที่จะนำมาปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักการของอัลอิสลาม  

  
     
  ประวัติการประกันภัย (โดยสังเขป) 
 

            ก. มีเรื่องปรากฏในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลเกี่ยว กับโจเซฟและความอดอยากในประเทศอียิปต์  ซึ่งถือกันว่าเป็นโครงการประกันภัยอันดับแรก   เท่าที่มีบันทึกในประวัติศาสตร์เล่ากันว่า “คืนวันหนึ่ง  ฟาโรห์ได้ฝันว่า  มีวัวตัวอ้วนเจ็ดตัวกำลังถูกวัวซูบผอมเจ็ดตัวกัดกิน โจเซฟทำนายฝันว่า  ประเทศอียิปต์จะมีพืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์เป็น เวลาเจ็ดปี ดังนั้นจึงเสนอต่อกษัตริย์ฟาโรห์ให้สะสมธัญญาหารในปีที่สมบูรณ์ ไว้สำหรับเลี้ยงประชาชนในปีที่ข้าวยากหมากแพง”  วิธีนี้เรียกได้ว่าเป็นหลักประกันภัยพื้นฐาน กล่าวคือเก็บออมตั้งแต่วันนี้เพื่อไว้ใช้ในอนาคต  ซึ่งหาความแน่นอนไม่ได้  (สุภาพ  เสรีพิมพ์,  2548 :  4)    ดังปรากฏในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานว่า
 
  “ ยูซุฟผู้ซื่อสัตย์เอ๋ย  จงอธิบายแก่เราเรื่องวัวตัวเมียอ้วนเจ็ดตัวถูกวัวผอมเจ็ดตัวกินมัน  และรวงข้าวเขียวเจ็ดรวงถูกรวงข้างแห้งเจ็ดรวงรัดกินมัน  หวังว่าฉันจะกลับไปหามวลชนเพื่อพวกเขาจะได้รู้เรื่อง  เขากล่าวว่า  พวกท่านจะเพราะปลูกเจ็ดปีต่อเนื่องกัน  สิ่งที่พวกท่านเก็บเกี่ยวได้จงปล่อยไว้ในรวงของมัน  เว้นแต่ส่วนน้อยที่ท่านจะกินมัน  หลังจากนั้นเจ็ดปีแห่งความแร้นแค้นจะติดตามมา  มันจะกินสิ่งที่พวกท่านสะสมไว้สำหรับมัน  นอกจากส่วนน้อยที่พวกท่านจะเก็บไว้ทำพันธุ์ ”     (ซูเราะฮฺยูซุฟ อายะอฺที่ 46-48)


        ข.  ประเทศจีนประมาณ 1300 ปีก่อนคริสตกาล   พ่อค้าชาวจีนได้พัฒนาวิธีการประกันภัยขึ้นมาสำหรับการขนส่งสินค้าตามลำน้ำแยงซีเกียง  ซึ่งมีสายน้ำที่เชี่ยวกราก  และเรือ บรรทุกสินค้าอับปางเสมอ   เนื่องจากมีหินใต้น้ำและเกาะแก่งที่คดเคี้ยวอันตรายต่อการเดินเรือ   มีปรากฏเสมอว่าพ่อค้าบางคนต้องสิ้นเนื้อประดาตัว   เพราะสินค้าได้รับความเสียหายหมด  ดังนั้นด้วยความกลัว   พ่อค้าเหล่านั้นจึงหาวิธีกระจายความเสี่ยงภัยออกไปโดยนำสินค้าของตนบรรทุกไว้ในเรือลำอื่นหลายลำเฉลี่ยกันไปจนครบจำนวนหีบห่อสินค้าซึ่งถ้าเรือลำใดลำหนึ่งจมลงก็หมายความว่าสินค้าของพ่อค้าแต่ละคนสูญเสียเพียงคนละ 1 หีบห่อเท่านั้น   ซึ่งวิธการ่นนี้เป็นที่มาของการประกันภัยในปัจจุบัน  
 
 
        ค.  ส่วนกรมธรรม์ประกันชีวิตดังที่เรารู้จักกันในขณะนี้มีมาตั้งแต่ปี ค.ศ.  1583 ปรากฏเป็นหลักฐานแน่ชัดว่าเป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตของนายวิลเลี่ยม  กิบบอนด์โดยมีนายริชาร์ด  มาร์ติน  เป็นผู้รับประโยชน์วงเงินที่เอาประกัน 400  ปอนด์สเตอร์ลิง  และเบี้ยประกัน 1 ปีเท่ากับ 32 ปอนด์สเตอร์ลิง  มีผู้ลงชื่อรับประกันชีวิตนายกิบบอนด์ 16 คน  และทั้งๆที่นายกิบบอนด์มีสุขภาพดี  และในกรมธรรม์มีคำภาวนาว่า  “ขอให้พระผู้เป็นเจ้าจงคุ้มครองนายวิลเลี่ยม  กิบบอนด์  ให้มีสุขภาพดีและอายุยืนยาว” แต่ปรากฏว่าเขาตายในปีนั้นเอง  
 
    
          ง.  ประวัติการประกอบธุรกิจประกันภัยในประเทศไทย 

          การประกอบธุรกิจประกันภัยในประเทศไทยนั้น    ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยใด อย่างไรก็ตามปรากฏตามประวัติศาสตร์สมัยกรุงศรีอยุธยาว่าได้มีพ่อค้าชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาติดต่อทำการค้าขาย  และได้นำเอาระบบการประกันภัยเข้ามาด้วยคือ  การประกันภัยทางทะเลและขนส่ง  ซึ่งถือว่าเป็นการประกันวินาศภัยประเภทแรกที่เกิดขึ้นในประเทศไทย  แต่การประกันภัยในสมัยนั้นเป็นการร่วมมือดำเนินธุรกิจระหว่างพ่อค้าชาวต่างประเทศด้วยกันเอง โดยมิได้มีการจดทะเบียนการค้าหรือแจ้งขออนุญาตจากรัฐบาลสยามในสมัยนั้นเป็นทางการแต่อย่างใด จนกระทั่ง ร.ศ.130 (พ.ศ.2451) ได้มีการประกาศกฎหมายที่กล่าวถึงการประกันภัยเป็นครั้งแรก  คือ “พระราชบัญญัติลักษณะเข้าหุ้นส่วนและบริษัท ร.ศ.130” และต่อมาในปี พ.ศ.2471 รัฐบาลได้ตราพระราชบัญญัติควบคุมกิจการค้าขาย อันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุกแห่งสาธารณชนขึ้น  กำหนดให้ผู้ประสงค์จะประกอบธุรกิจประกันภัยต้องได้รับพระบรมราชานุญาติก่อน ต่อจากนั้นก็มีการประกันภัยประเภทอื่นๆเกิดขึ้น  

      สำหรับธุรกิจประกันชีวิตเริ่มดำเนินการในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  โดยบริษัทตัวแทนของบริษัทประกันภัยต่างประเทศในระยะแรกๆไม่ประสบความสำเร็จ ต่อมาภายหลังสงครามโลกครั้งที่  1 ธุรกิจประกันภัยในยุโรปและอเมริกาขยายตัวกว้างขวางมากยิ่งขึ้น จึงได้มีการติดต่อขออนุญาตเข้ามาประกอบธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทย  รัฐบาลในสมัยนั้นยังไม่พร้อมที่จะให้มีการจด ทะเบียนประกอบธุรกิจประกันชีวิตขึ้นในทันที เพราะได้เล็งเห็นว่าการประกันชีวิตเป็นธุรกิจที่เกี่ยวพันในด้านความผาสุกและปลอดภัยของสาธารณชน ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ตราพระราชบัญญัติควบคุมกิจการค้าขาย อันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุกแห่งสาธรณชน พ.ศ. 2471 ขึ้น   กระทรวงเศรษฐการในสมัยนั้นจึงได้กำหนดเงื่อนไขประกาศกฎกระทรวง  โดยเฉพาะสำหรับผู้ขออนุญาตประกอบ

          ธุรกิจประกันชีวิตและธุรกิจประกัน วินาศภัยขึ้นประกาศใช้เมื่อวันที่  31 กรกฎาคม  พ.ศ.2472 และต่อมาในปี พ.ศ.2510 รัฐบาลก็ได้ตราพระราชบัญญัติประกันชีวิต  พ.ศ.2510 และพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย  พ.ศ.2510  ออกใช้บังคับเพื่อควบคุมและส่งเสริมธุรกิจประกันภัยให้มีความมั่นคงและเป็นที่เชื่อถือของประชาชน โดยทั่วไปในปี พ.ศ.  2532 ได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงตัวพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับขึ้นใหม่เพื่อความเหมาะสมเป็นพระราชบัญญัติประกันชีวิต  พ.ศ.2535 และพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย  พ.ศ.  2535 (สุภาพ  สารีพิมพ์, 2548: 4-8)

ที่มา : มิฟตาฮู่ลอุลูมิดดีนียะห์ บ้านดอน