เรื่องเล่าจากเมืองบังกาลอร์ ประเทศอินเดีย
เทศกาลสอบ...แห่งดุนยา
เฮ้อ!!! สอบเสร็จสักทีน่ะ
สำหรับการมิดเทอมที่ใช้เวลาในการสอบถึงสามวัน กับการสอบถึง หกวิชา
ประกอบไปด้วย Tourism, History, Journalism, Additional English, General English และ Indian Constitution.
และก็อัลฮัมดุลิลละฮฺ
ขอชุโกรต่อเอกองค์อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เป็นอย่างมากที่ทำให้การสอบในครั้งที่ผ่านไปได้ด้วยดีถึงแม้จะต้องพบเจออุปสรรคบางอย่างด้านสุขภาพ
วันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายที่สอบเสร็จเมื่อบ่ายแก่ๆ
วันนี้นี่เอง....หลังจากก้าวออกมาจากห้องสอบก็รู้สึกว่าเหมือนยกภูเขาออกจากตัวเลยหล่ะ เพราะสอบสามวันนี้ไม่ได้อ่านหนังสือเลย ได้แค่ทบทวนก่อนเข้าห้องสอบประมาณหนึ่งชั่วโมง ซึ่งเรื่องที่ออกสอบก็เกือบทั้งหมดของหน่วยการเรียนรู้
การสอบในวันนี้เป็นการสอบโดยใช้วิธีการอ่านหนังสือแบบผ่านๆจริงๆ โดยเฉพาะเช้าวันนี้................อีกสิบนาทีเข้าห้องสอบ!!!
.......ตอนแรกเลือกที่จะไม่เปิดแล้วเพราะเป็นวิชาที่ต้องใช้ความจำและเวลาในการจำ เพราะ Indian Constitution เป็นวิชารัฐธรรมนูญอินเดีย อย่าว่าแต่รัฐธรรมนูญอินเดียเลย รัฐธรรมนูญไทยยังไม่ค่อยได้สนใจเลย เราจึงตัดสินใจนาทีสุดท้ายเปิดหนังสือ..................
แต่เปิดแล้วก็ปิดเพราะรู้สังขารตัวเองดีว่าไม่เข้าหัวแน่นอนอ่านไปก็เปลืองพลังงานเปล่าๆเพราะหนังสือนั้นไม่ได้เขียนเป็นภาษาไทย ^^ ! ก็เลยตัดสินใจปิดหนังสือ
แต่ทันใดนั้นเอง....ก่อนที่จะปิดหนังสือ อยู่ๆก็ไปจ่ะเอ๋กับรูปผู้ชายมีอายุคนหนึ่งที่หน้าปกหนังสือ เค้าคนนั้นก็คือ คนที่เขียนรัฐธรรมนูญของอินเดียนั่นเอง ก็เลยเบนเข็มอ่านประวัติคนนี้ดีกว่า
(อ้าวไหงเป็นงั้นได้หล่ะ ไม่มีอยู่ในประมวลการสอนสักหน่อย)
ด้วยความอยากรู้ก็เลยลองค้นหาในกูเกิ้ลไปสะดุดเว็บของผู้จัดการที่ให้ข้อมูลและประวัติของคนๆนี้ได้ดีเลยทีเดียว เขามีชื่อว่า Dr. B.R. Ambedkar
ขอแนะนำว่าน่าสนใจมาก....ลองเข้าไปอ่านได้น่ะค่ะ
http://www.gotomanager.com/news/details.aspx?id=58806
อ่านแล้วจะทำให้คุณรับรู้ได้เลยว่าระบบวรรณะของอินเดียในสมัยก่อนนั้นแบ่งชนชั้นของคนได้อย่างเด่นชัดมาก จนถึงขนาดห้ามแตะต้องกันเลย ไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่
แม้กระทั่งการห้ามดื่มน้ำจากแทงค์เดียวกันด้วย
อัลลอฮฺอักบัร...!!
มาต่อกันที่เรื่องจะสอบต่อดีกว่า
พออ่านประวัติของชายคนนี้ได้ครึ่งหน้าแบบพอจะจับใจความได้แต่ไม่ถึงกับจบ
นาฬิกาปลุกก็บอกว่าได้เวลาไปสอบแล้ว ก็เลยละจากหน้าจอคอมพิวเตอร์รีบวิ่งลงจากหอตรงดิ่งไปยังห้อง 333 UG Block
อัลฮัมดุลิลละฮฺ
ไปถึงทันเวลาพอดีเลย มาดามกำลังแจกกระดาษคำตอบพอดี.....
พอไปถึงก็เหมือนจะดีใจที่จะได้สอบเร็วๆ แต่จริงๆแล้วหารู้ไม่ว่าตั้งแต่คืนก่อนสอบแล้ว ใจคิดอยู่อย่างเดียวว่าจะเขียนอะไรลงไปดี และแล้วนาทีสุดระทึกก็มาถึง
!!! เปิดข้อสอบ !!!!
โอ้....ข้อสอบง่ายมาก.......................แต่ทำไม่ได้ ^^!
ก็เลยได้แต่อ่านดุอาเป็นระยะๆ อินชาอัลลอฮ์ เผื่อที่อ่านๆแบบผ่านๆจะผุดขึ้นมาในสมองบ้าง และแล้วก็ผุดขึ้นมาจริงๆ อัลฮัมดุลิลละห์ และเชื่อไหม โดยเฉพาะประวัติของ Dr. Ambedkar สามารถนำมาประยุกต์เขียนในการสอบครั้งนี้ได้เลย ทั้งๆ
ที่ไม่มีระบุในประมวลการสอนด้วย และที่มากไปกว่านั้น คือ โจทย์ข้อนี้เป็นคำถามที่คะแนนแพงที่สุดด้วยในเปเปอร์นี้ ข้อนี้ 15 คะแนน ซึ่งต้องเขียนอย่างต่ำสามหน้ากระดาษ A 4 ซึ่งคำถามไม่ได้ให้เขียนประวัติของ Dr.Ambedkar หรอก
แต่คำถามมีอยู่ว่า ……
“Preamble to the constitution is the key to open the minds of the makers
of the constitution” Explain.
อัลฮัมดุลิละฮฺ อีกครั้ง มันเป็นคำถามที่ตรงมากๆ และเป็นคีย์สำคัญมากเลยด้วย
เพราะ preamble of Indian Constitution นั้นเป็นการบอกถึงสิทธิมนุษยชนและเน้นเรื่องเสรีภาพความเท่าเทียมกัน และในคำถามบอกว่า preamble
ของรัฐธรรมนูญเป็นคีย์ที่ทำให้เรารู้ถึงใจของผู้เขียนรัฐธรรมนูญ ซึ่งมันคือเรื่องจริง
เพราะผู้เขียนรัฐธรรมนูญนั้นเขียนบนพื้นฐานของความเท่าเทียมด้านเสรีภาพของมนุษย์เพราะ Dr. Ambedkar เคยเป็นผู้หนึ่งที่อยู่ในชั้นจัณฑาลหรือวรรณะที่ต่ำสุดในระบบวรรณะของอินเดีย ในภาษาที่ใช้คือ untouchable caste คือ บุคคลที่ห้ามแตะต้อง
Dr. Ambedkar เป็นผู้ที่พบเจอความทุกข์เพียงเพราะความไม่เท่าเทียมกันด้านเสรีภาพของมนุษย์เลยทำให้อารามพบทของรัฐมนูญอินเดียอยู่บนรากฐานของความเท่าเทียมกัน ซึ่งได้แก่ Justice, liberty and equality เฉกเช่นเดียวกับการปฏิวัติฝรั่งเศส
.....การสอบครั้งนี้ก็ทำให้เรารู้ว่าอัลลอฮฺเท่านั้นเป็นผู้รู้ดียิ่ง ถึงแม้เราจะอ่านหนังสือและตั้งใจกับการสอบมากน้อยเพียงใดก็ตาม หากอัลลอฮฺไม่อนุมัตให้เราสามารถทำได้เราก็ไม่สามารถทำได้ แต่ในทางตรงกันข้ามกับคนที่ไม่คิดว่าจะทำได้ในบางครั้งก็กลับทำได้....ฉะนั้นใครที่ผิดหวังจากการสอบอาจจะเนื่องด้วยสอบตก สอบไม่ผ่าน
หรือสอบได้คะแนนที่ไม่พอใจ ก็ขอให้เราพอใจในสิ่งที่ถูกกำหนดมาโดยพระผู้ทรงสร้าง ผู้ทรงรู้ยิ่ง ผู้ทรงเมตตาเสมอ เพราะนั่นคือทางที่ดีที่สุดที่พระเจ้าได้เลือกไว้สำหรับพวกเราเหล่าผู้ศรัทธา
ดังที่พระองค์ได้ทรงตรัสไว้ว่า
"แท้จริงอัลลอฮฺจะไม่เปลี่ยนแปลงสภาพ(ความเป็นอยู่หรือโชคชะตา)ของประชาชาติใด(หรือคนหนึ่งคนใด)จนกว่าพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงสภาพของ (มันด้วยตัวของ) พวกเขาเองและถ้าอัลลอฮฺประสงค์จะยังความทุกข์(ลงโทษ) แก่หมู่ชนใด ดังนั้นไม่มีใครจะเปลี่ยนแปลง(หรือยับยั้ง) มันได้และอื่นจากพระองค์แล้ว
พวกเขาไม่มีผู้ช่วยเหลือ(คุ้มครอง)"
วัลลอฮุอะลัม
....กลิ่นไอจากสวรรค์....
◕‿◕ ✿Ausanee✿ ◕‿◕