วิหารสุไลมานกับความลับของวัวสีแดง
มีหลายคนเคยได้ฟังเรื่องวิหารสุไลมาน แต่ไม่รู้ถึงประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของมัน และความสัมพันธ์กับขบวนการมาโซนีย์ Masonry ในการสร้างวิหารสุไลมาน ดังนั้นอะไรคือรูปแบบวิหารที่ยิวต้องการ?
วิหารสุไลมานคือสถานที่ใช้ในการสักการระพระเจ้า เช่นเดียวกับมัสยิด และโบสถ์ ตามภาษาฮิบรูเรียกวิหารนี้ว่า ฮัยคอล ซึ่งมีความหมายตามภาษาซามีย์ว่า คฤหาสน์ ดังนั้นฮัยคอลจึงมีความหมายว่าคฤหาสน์ของพระเจ้า ซึ่งใช้เพื่อทำการปฏิบัติศาสนกิจ
ฮัยคอลนี้มีความสัมพันธ์กับท่านนบีสุไลมาน
บุตรท่านนบีดาวุด
ซึ่งเป็นหนึ่งจากบรรดานบี และกษัตริย์ของบนีอิสราเอล ซึ่งท่านนบีสุไลมาน
ได้สร้างวิหาร หรือฮัยคอลนี้ขึ้นในช่วง 960 953 ก่อนคริสต์ศักราช
ชาวยิวได้อ้างว่า นบีสุไลมาน
ได้สร้างวิหารนี้ขึ้นบนภูเขาซีเรีย นั้นก็คือ ภูเขาบัยติลมุก็อดดัส ซึ่งเป็นที่ตั้งมัสยิดอัลอักศอ และมัสยิดกุบบะฮฺ อัลศอคเราะฮฺในปัจจุบัน แต่ว่าชาวยิวเรียกภูเขานี้ว่า ภูเขาฮัยคอล
วันที่ 25 กรกฎาคม 2001 ศาลฎีกาของอิสราเอลอนุญาตให้หน่วยความมั่นคงประจำภูเขาฮัยคอล ทำการวางศิลารากฐาน เพื่อสร้างวิหารเป็นครั้งที่ 3 ใกล้กับประตูตะวันตกของกุดุสเก่า และนี่ก็คือจุดเริ่มในการสร้างวิหารสุไลมานขึ้นมาเป็นครั้งที่ 3 หลังจากทำลายมัสยิดอัลอักศอ และมัสยิดกุบบะฮฺ ศอกเราะฮฺลง
วิหารเดิมซึ่งนบีสุไลมาน
ได้สร้างขึ้น ถูกทำลายลงหลังจากสงครามของกษัตริย์บาบิลอนของราชอาณาจักรอิสราเอลในปี 586 ก่อนคริสต์ศักราช ซึ่งกษัตริย์ผู้นี้มีนามว่า บัคตานาสร์ กษัตริย์ผู้นี้ได้จับยิวเป็นเชลยไปยังราชอาณาจักรของตน และไม่ได้ก่อตั้งประเทศหรือราชอาณาจักรใด ๆ ให้กับพวกยิวเหล่านี้ จนกระทั้งถึงศตวรรษที่ 20 หลังคริสต์ศักราช
แต่ว่ายิวเหล่านี้ หลังจากที่ตกเป็นเชลยของบาบีลอน พวกเขาสามารถกลับมายังพื้นที่ที่พวกเขาเคยอาศัยได้ และภายใต้การปกครองของเปอร์เซีย เปอร์เซียอนุญาตให้พวกเขาสร้างวิหารขึ้นมาใหม่เป็นครั้งที่ 2 และผู้ที่ดำเนินการสร้างก็คือ ชาวยิวนามว่า นายซาร บาบีล ในช่วงปี 520 515 ก่อนคริสต์ศักราช
และด้วยการยึดครองของโรมันต่อปาเลสไตน์ แม่ทัพนามว่า โตโตส ได้ทำลายวิหารอย่างราบคาบลงอีกครั้งในปีค.ศ. 70 และขับไล่ยิวออกจากปาเลสไตน์ และพวกยิวก็ไม่ได้กลับเข้ามายังปาเลสไตน์อีกเลย จนกระทั้งศตวรรษที่ 20
ยิวได้วางแผนด้วยกับทุกวิถีทางที่จะสร้างวิหารขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่ 3 หลังจากที่โรมันได้ทำลายไป และนี่เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการขัดแย้งกันระหว่างนิกายต่าง ๆ ของยิว เกี่ยวกับวิหารและการสร้างวิหารขึ้นมาอีกครั้ง ดังนั้นนิกายฮารีดีมของนักบวชยิวถือว่าการสร้างวิหารเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของชาวยิว และพวกเขาก็ไม่ต้องการทำลายมัสยิดอัลอักศอและมัสยิดกุบบะฮฺ อัลศ็อกเราะฮฺลง และสร้างวิหารขึ้นเหนือซากมัสยิดทั้งสอง ยิ่งไปกว่านั้นกลุ่มนิกายนักบวชยิวนี้ ยังห้ามในการกระทำเช่นนี้ด้วย เพราะพวกเขาเชื่อว่าผู้ที่จะมาสร้างวิหารขึ้นเป็นครั้งที่ 3 และเป็นครั้งสุดท้ายก็คือ นบีอีซาเท่านั้น
และยังมีนิกายยิวอีกกลุ่มหนึ่งไม่ถือว่าวิหารสุไลมานเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แต่อย่างใด และไม่ศรัทธาต่อสิ่งใด ๆ นอกจากบัญญัติสิบประการที่นบีมูซาได้รับมาจากพระเจ้าเท่านั้น ซึ่งกลุ่มนี้มีชื่อว่า ซามีรีย์
นักประวัติศาสตร์นามว่า W.L. Durant ได้กล่าวไว้ในหนังสือของเขาที่มีชื่อว่า เรื่องเล่าของอารยธรรม โดยอ้างถึงวิหารสุไลมานและความศักดิ์สิทธิ์ของมันต่อชาวยิว ปรากฏว่าการสร้างวิหารเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญมากในเกียรติประวัติของชาวยิว เพราะวิหารนี้ไม่ใช่เป็นเพียงคฤหาสน์ของพระเจ้าเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์ร่วมจิตใจของพวกเขา เป็นเมืองหลวงของกษัตริย์ของพวกเขา และยังเป็นมรดกตกทอดของพวกเขาอีกด้วย
และได้มีบันทึกในสารานุกรรมของอังกฤษฉบับที่ 1964 ว่า รอคอยการนำเอาอิสราเอลกลับมา การรวมประชากรยิวในปาเลสไตน์ นำเอาประเทศยิวกลับมา สร้างวิหารสุไลมานอีกครั้ง ก่อตั้งบัลลังก์เดวิด (ดาวุด) ในเยรูซาเล็มขึ้นมา โดยมีผู้ปกครองที่มาจากเชื้อสายดาวุด
จากวรรณกรรมของชาวยิวได้กล่าวถึงชาวยิวในอดีตว่า เมื่อพวกเขาทำลายบ้านของตน พระยิวจะสั่งใช้ให้พวกเขาเหลือมุมเล็ก ๆ ของบ้านเอาไว้ เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ของวิหารสุไลมาน
ชาวยิวจะทำการถือศีลอดในวันที่ 9 เดือนสิงหาคมของทุก ๆ ปี เพื่อเป็นการรำลึกการทำลายวิหารสุไลมาน เพราะพวกเขาอ้างว่า วิหารสุไลมานถูกทำลายลงในวันนี้ และพวกเขาก็ทำการสักการะพระเจ้าเป็นการเฉพาะ ในท้ายคืนนี้ เพื่อเร่งให้พระเจ้าสร้างวิหารขึ้นมาอีกครั้ง
นายกรัฐมนตรีคนแรกของอิสราเอลและยังเป็นผู้นำยิวไซออนนิสต์นามว่านาย บินจอรย่อน ได้เคยกล่าวว่า ไม่มีความหมายใด ๆ และไม่มีค่าอะไรต่ออิสราเอลหากไม่มีเยรูซาเล็ม และเยรูซาเล็มก็ไม่มีค่าอะไร หากไม่มีวิหารสุไลมาน
นับเป็นสิบกว่าขบวนการคริสต์ไซออนนิสต์ที่ได้ถูกก่อตั้งขึ้นในสหรัฐอเมริกา เพื่อมีเป้าหมายทำการสร้างวิหารสุไลมานขึ้นเป็นครั้งที่ 3
การขัดแย้งของพวกยิวเกี่ยวกับการมีวิหารสุไลมาน และสถานที่สร้าง ได้ชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่พวกเขาอ้างว่า วิหารอยู่บนพื้นที่ของมัสยิดอัลอักศอ เป็นเรื่องโกหก เพราะยิวซามีรีย์ไม่ยอมรับว่ามีวิหารบนพื้นที่ของมัสยิดอัลอักศอ และไม่เชื่อว่าวิหารนี้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นอกจากภูเขาจ้ารซีมในเมืองนับลาสเท่านั้น และเยรูซาเล็มก็มิใช่เมืองศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ ตามความคิดของพวกเขา โดยอ้างความเชื่อที่มีอยู่ในคัมภีร์ที่พวกเขาศรัทธา
เมื่อชาวยิวที่มีความเชื่อว่า วิหารสุไลมานอยู่บนพื้นที่ของมัสยิดอัลอักศอ พวกเขาจึงมีความขัดแย้งกันในการกำหนดสถานที่ บางกลุ่มว่า วิหารสุไลมานอยู่ใต้มัสยิดอัลอักศอ บางกลุ่มว่าอยู่ใต้มัสยิดกุบบะฮฺ อัสศ็อกเราะฮฺ บางกลุ่มว่าอยู่นอกเขตเยรูซาเล็ม และบางกลุ่มเชื่อว่า วิหารสุไลมานอยู่ในอัลวาฮซึ่งเป็นเขตที่อยู่ในเยรูซาเล็ม แต่ว่าห่างจากมัสยิดอัลอักศอ และมัสยิดกุบบะฮฺ อัลศ็อกเราะฮฺออกไปอีก
ที่จริงแล้ว เรื่องเล่าของการมีวิหารสุไลมานในเขตเยรูซาเล็มเป็นเรื่องเหลวไหล และเป็นตำนานที่เล่าต่อ ๆ กันมาของชาวอิสราเอล เช่นเดียวกับตำนานเรื่องประชาชาติที่พระเจ้าเลือกเฟ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่พระยิวแต่งขึ้นในช่วงที่ตกเป็นเชลยบาบีลอน เพราะไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ใด ๆ ที่ชี้ถึงเรื่องดังกล่าว โดยการที่พวกนักโบราณคดีชาวยิว ชาวตะวันตก และอเมริกาต่างร่วมกันขุดเพื่อค้นหาร่องรอยวิหารของชาวยิว แต่พวกเขาก็ไม่พบร่องรอยใด ๆ ของวิหารที่พวกเขาอ้าง
ส่วนหนึ่งจากตำนานของอิสรอเอลก็คือ เรื่อง วัวสีแดง มีพระยิวบางคน เช่น ชาโลโม คูรีน และเครโชน สาโลมอน ผู้ก่อตั้งหน่วยความมั่นคงของภูเขาฮัยคอน ได้พยายามสร้างวิหารสุไลมานขึ้นเป็นครั้งที่ 3 และพวกเขาก็ยังคงค้นหาวัวสีแดงที่ไม่มีจุดด่าง หรือลายพร้อยใด ๆ เพื่อนำเลือดของมันมาทำความสะอาดภูเขาฮัยคอนซึ่งเป็นที่ตั้งของมัสยิดอัลอักศอ และได้มีการสร้างฟาร์มโคขึ้นในเขตบ้านของนายชาโลโม เพื่อเป็นศูนย์วิจัยให้กับนาย ยาสราเอล อัรน์เยล ได้ทำการค้นคว้าให้ได้มาซึ่งผลผลิตวัวสีแดงที่ไม่มีสี หรือจุดใด ๆ ปนอยู่เลย เพราะพระยิว และนักการศาสนายิวไม่อนุญาตให้กับคนใดจากกลุ่มพวกเขา เข้าในเขตอัลมุกัดดาสนี้ นอกจากจะต้องล้างมือด้วยกับขี้เถ้าจากวัวสีแดง เพื่อเข้าไปในเขตต้องห้ามนี้ และร่วมกันสร้างวิหารสุไลมานขึ้น
ดังนั้นวัวสีแดงจึงเป็นสิ่งจำเป็นในกระบวนการสร้างวิหารสุไลมานขึ้นเป็นครั้งที่ 3 และเพราะเหตุนี้เอง คำแถลงจากพระยิวไซออนนิสต์บางคน เพื่อให้สร้างโบสถ์ยิวในพื้นที่มัสยิดอัลอักศอ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ระหว่างมัสยิดอัลอักศอกับมัสยิดกุบบะฮฺอัลศ็อกเราะฮฺ เป็นคำแถลงการณ์ที่ผิดพลาด เพราะเหตุนี้พระยิวจึงไม่พยายามอะไรมากมายในการสร้างวิหารขึ้นจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้
ตามประวัติศาสตร์อิสลามทำให้เรารู้ว่า นบีสุไลมาน
ได้สร้างมัสยิดขึ้นเพื่อทำการสักการะอัลลอฮ์
และมัสยิดที่ว่านี้ก็คือ มัสยิดอัลอักศอ และท่านนบีสุไลมาน
ก็ไม่ได้สร้างวิหารใด ๆ ขึ้นมา และแน่นอนวิหารสุไลมานนี้ก็ไม่ใช่อื่นใด นอกจากเป็นเรื่องเหลวไหลหรือตำนานที่เล่าต่อ ๆ กันมาของยิว และไม่มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิหารใด ๆ นอกจากเป็นเรื่องที่ชาวยิวได้กุขึ้นมาเท่านั้น
แน่นอนการค้นคว้าของนักโบราณคดีได้ยืนยันว่า ไม่มีสิ่งใดที่เป็นร่องรอยของวิหารที่อ้างว่าอยู่ใต้พื้นที่เยรูสาเลม
และแน่นอนจุดประสงค์ของการอ้างเรื่องวิหารสุไลมานขึ้นมาก็เพื่อเป็นการทำลายมัสยิดอัลอักศอ ซึ่งเป็นหนึ่งจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม เป็นกิบบัต (ทิศที่หันไปในขณะละหมาด) แห่งแรกของมุสลิม และเป็นมัสยิดที่สองที่ถูกสร้างขึ้นบนโลกใบนี้เพื่อทำการสักการะอัลลอฮ์
ทัดจากมัสยิดอัลฮารอม
แผนการร้ายของยิวและสมุนของพวกเขาในการทำลายมัสยิดอัลอักศอยังคงมีอยู่เรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ เพราะนิติยาสาร newsy balk ของอเมริกาฉบับวันที่ 18 มิถุนายน 1984 ได้ตีแพร่การศึกษาของนาย ไมเคิ้ล ยาดม์ อาจารย์สถาบันวิจัยกลยุทธของมหาวิทยาลัยจอร์จ ต่าน ด้วยการช่วยเหลือของภรรยา การศึกษาได้เปิดเผยว่า ในขณะนี้ ยิวและคริสเตียนชาวยุโรปได้มีการเตรียมแผนการระเบิดมัสยิดอัลอักศอ และสร้างวิหารสุไลมานขึ้นมาแทนที่
นี่แหละเป็นเล่ห์เหลี่ยมอันชั่วร้ายของพวกยิวและสมุนของพวกมัน ซึ่งจะไม่ได้รับอันตรายใด ๆ นอกจากพวกมัน ดังที่อัลลอฮ์
ได้ทรงตรัสไว้ว่า
และแผนการชั่วร้ายนั้นจะไม่ห้อมล้อมผู้ใดนอกจากเจ้าของมันเท่านั้น (ฟาฏิร : 43)
แน่นอนมัสยิดอัลอักศอจะถูกรักษาไว้ ด้วยกับอำนาจของอัลลอฮ์
เราจงช่วยขอดุอาอฺต่ออัลลอฮ์
ให้พระองค์ทรงปกป้องรักษามัสยิดอัลอักศอให้พ้นจากน้ำมือของลูกหลานลิง ลูกหลานหมูกันเถิด อย่างที่พระองค์ได้เคยปกป้องรักษามัสยิดอัลฮารอมให้พ้นจากน้ำมือของคริสเตียนชาวฮาบาชะฮฺที่ยกกองทัพช้างเพื่อมาทำลายมัสยิดอัลฮารอม.
โดย มันซูร อับดุลฮากีมแปลและเรียบเรียงโดย อะฮฺมัด มุสตอฟา อาลี โต๊ะลง