สวรรค์เป็นของใครกัน ?
  จำนวนคนเข้าชม  6520

สวรรค์เป็นของใครกัน ?

สภาพความสุขสันต์ในสรวงสวรรค์

          นี่คือบางตัวอย่างของความสุขสันต์ถาวรในสรวงสวรรค์ ขอให้อัลลอฮฺทรงให้เราและชาวมุสลิมทั้งหลายได้รับสิ่งนี้อย่างถ้วนหน้า พระองค์ทรงเอื้อเฟื้อเมตตาเสมอ

1.อัลลอฮฺตะอาลาได้มีดำรัสว่า :

ความว่า : บรรดาผู้ที่ศรัทธาต่อคัมภีร์ของเราและเป็นผู้ที่มอบตนทั้งหลาย สูเจ้าและภรรยาจงเข้าสวรรค์ด้วยความร่าเริงเบิกบานกันเถอะ พวกเขาจะได้รับบริการด้วยจานและแก้วน้ำทองคำ และใน (สวรรค์) นั้นจะมีสิ่งต้องตาต้องใจ อีกทั้งสูเจ้าจะคงอยู่ที่นั่นไปตลอดกาล และนั้นคือสรวงสวรรค์ที่พวกเจ้าจะได้ครอบครองมันจากการงานที่พวกเจ้าได้ปฏิบัติมา สำหรับพวกเจ้าในนั้นมีผลไม้อันมากมายไว้ให้พวกเจ้ารับประทาน  (อัลซุครุฟ : 70-71  )

2. อัลลอฮฺตะอาลาได้มีดำรัสว่า :

ความว่า : แท้จริง บรรดาผู้ยำเกรงนั้นต่างได้อยู่ในสถานพำนักที่สันติ ท่ามกลางสวนสวรรค์ต่าง ๆ และน้ำพุลำธารหลากสาย พวกเขาจะได้สวมอาภรณ์ผ้าไหมละเอียดและผ้าไหมหยาบ ต่างพบปะหันหน้าเข้าหากันอย่างร่าเริงเบิกบาน เช่นนั้นแหละ และเราจะจัดคู่ให้เขาแต่งงานกับนางงามตาหวานแห่งสรวงสวรรค์ ในนั้นพวกเขาจะเรียกสั่งผลไม้ทุกชนิดอย่างสบาย ๆ ในนั้นพวกเขาจะไม่ลิ้มลองความตายอีกต่อไปนอกจากการตายครั้งแรกที่ผ่านมา และพระองค์จะทรงปกป้องคุ้มครองพวกเขาจากความเจ็บปวดแห่งไฟนรก    (อัลดุคอน : 51-56)

3. อัลลอฮฺตะอาลาได้มีดำรัสว่า :

ความว่า : และพระองค์จะทรงตอบแทนพวกเขาด้วยสรวงสวรรค์และผ้าไหมจากสิ่งที่พวกเขาได้อดทนมาพวกเขาจะอยู่ในสภาพอิงเอนบนพนักพิงโดยไม่พบเห็นดวงตะวันและความเย็นเหยือกเลย และร่มเงาของมันจะปกคลุมพวกเขาอย่างใกล้ชิด และช่อผลของมันจะถูกโน้มลงต่ำเป็นอย่างยิ่ง  พวกเขาจะได้รับบริการด้วยภาชนะเงินและแก้วใส แก้วใสที่ทำจากเงินซึ่งพวกเขาจะเติมมันตามปริมาณที่พวกเขาต้องการ และในสวนสวรรค์นั้น พวกเขาจะได้รับเครื่องดื่มในแก้วซึ่งมีขิงเป็นส่วนผสม มีตาน้ำพุที่มีชื่อว่า "สัลสะบีล" จะมีเด็กหนุ่ม ๆ ที่หล่อเหลาตลอดกาลคอยวนเวียนให้บริการพวกเขา ซึ่งเมื่อเจ้าได้เห็นพวกเขา เจ้าจะพลอยนึกว่าพวกเขาคือไข่มุกที่อยู่กระจัดกระจาย และเมื่อเจ้ามองไปยังที่นั่น เจ้าจะเห็นความสุขสบายและราชอาณาจักรอันกว้างใหญ่ไพศาล บนตัวพวกเขา มีอาภรณ์สีเขียวทำด้วยผ้าไหมละเอียดและผ้าไหมหยาบ และพวกเขาจะถูกประดับด้วยกำไลเงิน และพระเจ้าของพวกเขาจะทรงให้พวกเขาได้ดื่มน้ำอันแสนบริสุทธิ์ แท้จริง สิ่งนี้เป็นสิ่งตอบแทนสำหรับพวกเจ้า และการกระทำของสูเจ้านั้นเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม  (อัลอินสาน : 12-22)

4. อัลลอฮฺตะอาลาได้มีดำรัสว่า :

ความว่า : และชาวอัสสาบิกูนผู้มาก่อนหน้า พวกเขาคือผู้ใกล้ชิด พวกเขาอยู่ในสวรรค์อันนะอีม พวกเขาประกอบด้วยส่วนหนึ่งของชนรุ่นก่อน ๆ และส่วนน้อยของชนรุ่นหลัง  พวกเขาอยู่บนเตียงที่ถูกถักทอสวยงาม ต่างนั่งนอนเอนอิงหันหน้าเข้าหากัน  จะมีเด็กหนุ่ม ๆ ที่หล่อเหลาตลอดกาลคอยวนเวียนรับใช้บริการพวกเขาด้วยถ้วยใหญ่ แก้วที่มีหู และจอกที่มีสุราจากธารสุราสวรรค์อยู่ พวกเขาจะไม่รู้สึกมึนเมาหรือหมดสติจากการดื่มสุรานั้น และยังบริการด้วยผลไม้ที่พวกเขาต่างชื่นชอบ และเนื้อนกที่พวกเขาต่างอยากลิ้มลอง มีนางงามตาหวาน สวยงามดั่งไข่มุกที่ถูกทะนุถนอมปกปิดไว้ เป็นรางวัลสำหรับสิ่งที่เขาได้ปฏิบัติมา พวกเขาจะไม่ได้ยินเรื่องไร้สาระหรือเรื่องที่เป็นบาป นอกจากจะมีแต่การได้รับคำทักทายว่า "สะลาม สะลาม" (สันติเถอะ สันติเถอะ)  (อัลวากิอะฮฺ : 10-26) 

5. อัลลอฮฺตะอาลาได้มีดำรัสว่า :

ความว่า : และชาวอัศหาบุลยะมีนล่ะ สูเจ้ารู้หรือเปล่าว่าชาวอัศหาบุลยะมีนนั้นอยู่ในสภาพเช่นใด? (ชาวอัศหาบุลยะมีน คือ กลุ่มผู้ได้รับคำพิพากษาด้วยมือขวา ซึ่งเป็นกลุ่มชาวสวรรค์)

อยู่ท่ามกลางต้นพุทราที่ไร้หนาม ท่ามกลางต้นกล้วยที่ออกผลดกเป็นเครือติดแนบแน่นเป็นเนื้อเดียวกันโดยไม่เห็นลำต้นตั้งแต่ยอดจรดโคนต้น ท่ามกลางร่มเงาไม้ที่แผ่กระจายยาวเหยียดไม่ขาดกัน ท่ามกลางสายน้ำที่ไหลรินตลอดเวลา และท่ามกลางผลไม้อันหลากหลายนานา ที่ไม่หมดสิ้นตามฤดูกาลและไม่เป็นที่ต้องห้าม ตลอดจนเตียงนอนที่ถูกยกสูง

แท้จริง เราได้สร้างพวกนางขึ้นอย่างสุดพิเศษยิ่ง แล้วเราได้ทำให้พวกนางเป็นสาวพรหมจรรย์ เป็นที่น่ารักน่าชื่นชมแก่คู่ครอง เป็นสาวในวัยเดียวกันทั้งหมด เพื่อเป็นรางวัลสำหรับชาวอัศหาบุลยะมีน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นชนรุ่นก่อน ๆ และอีกส่วนหนึ่งเป็นชนรุ่นหลัง ๆ  (อัลวากิอะฮฺ : 27-40)

6. มีรายงานจากอบู ฮุร็อยเราะฮฺ-เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ-ว่าท่านนบี-ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม-ได้กล่าวว่า :

وعن أبي هريرة رضي الله عنه عن النبي صلى الله عليه وسلم قال: «قَالَ اللهُ عَزّ وَجَلَّ: أَعْدَدْتُّ لِعِبَادِيَ الصَّالِـحِينَ مَا لا عَيْنٌ رَأَتْ، وَلا أُذُنٌ سَمِعَتْ، وَلا خَطَرَ عَلَى قَلْبِ بَشَرٍ». مصداق ذلك في كتاب الله (ﮠ ﮡ ﮢ ﮣ ﮤ ﮥ ﮦ ﮧ ﮨ ﮩ ﮪ ﮫ ﮬ ﮭ). متفق عليه. أخرجه البخاري برقم (3244)، ومسلم برقم (2824)، واللفظ له

ความว่า : “อัลลอฮฺผู้สูงส่งได้มีดำรัสว่า ฉันได้เตรียมให้แก่บ่าวที่ดี ๆ ของฉัน สิ่งที่ไม่มีดวงตาใด ๆ เคยมองเห็น  ไม่มีใบหูใด ๆ เคยได้ยิน และไม่เคยเป็นที่นึกฝันในใจมนุษย์ใด ๆ มาก่อนเลย " 

ซึ่งหลักฐานของสิ่งนี้มีอยู่ในคัมภีร์ของอัลลอฮฺที่ว่า

 " (แปลว่า ดังนั้น จึงไม่มีใครรู้ทราบถึงสิ่งซ่อนเร้นขวัญเนื้อขวัญตาที่ถูกเตรียมไว้สำหรับพวกเขา อัลสะญะดะฮฺ : 17)"

(มุตตะฟัก อะลัยฮฺ บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ หมายเลข  3244 และมุสลิมตามสำนวนนี้ หมายเลข  2824)


คำขอพรและคำพูดของชาวสวรรค์

1. อัลลอฮฺตะอาลาได้มีดำรัสว่า :

ความว่า : และพวกเขาต่างกล่าวว่า"อัลหัมดุลิลลาฮฺ" ขอขอบคุณอัลลอฮฺที่ทรงปฏิบัติตามสัญญาที่พระองค์ได้ให้กับเรา และให้เราได้ปักถิ่นฐานในสรวงสวรรค์ตามอำเภอใจของเรา ซึ่งมันช่างมันรางวัลสำหรับผู้ทำดีที่ยอดเยี่ยมอะไรอย่างนี้  (อัลซุมัร : 74)

2. อัลลอฮฺตะอาลาได้มีดำรัสว่า :

ความว่า : คำขอพรของพวกเขาในสวรรค์นั้นคือคำว่า "สุบหานะกัลลอฮุมมะ" (เราขอเทิดเกียรติพระองค์เท่าความมหาบริสุทธิ์ของพระองค์ท่าน โอ้พระเจ้าข้า) และคำอวยพรของพวกเขาในสวรรค์นั้นคือคำว่า "สะลาม" (ศานติ) และประโยคสุดท้ายของคำพูดพวกเขาจะจบลงด้วยคำว่า "อัลหัมดุลิลลาฮิร็อบบิลอาละมีน" (ขอขอบคุณอัลลอฮฺ พระเจ้าแห่งสากลโลก)  (ยูนุส : 10)

3. อัลลอฮฺตะอาลาได้มีดำรัสว่า :

     ความว่า :  พวกเขาจะไม่ได้ยินเรื่องไร้สาระหรือเรื่องที่เป็นบาป นอกจากจะมีแต่การได้รับคำทักทายว่า "สะลาม สะลาม" (สันติเถอะ สันติเถอะ)  (อัลวากิอะฮฺ : 25-26) 


คำให้พรศานติสุขของพระเจ้าที่มีต่อชาวสวรรค์

1. อัลลอฮฺตะอาลาได้มีดำรัสว่า :

ความว่า : คำให้พรต่อพวกเขาในวันที่พวกเขาได้พบกับพระองค์คือคำว่า "สะลาม" (ศานติ) และพระองค์ได้ทรงเตรียมรางวัลตอบแทนอันล้ำค่าแก่พวกเขา   (อัลอะหฺซาบ : 44)

2. อัลลอฮฺตะอาลาได้มีดำรัสว่า :

ความว่า : "สะลาม" (ศานติเถอะ) อันเป็นคำให้พรจากพระเจ้าผู้ทรงปรานี  (ยาซีน : 58)


การได้พบกับความโปรดปรานของอัลลอฮฺ

มีรายงานจากอบูสะอีด อัลคุดรียฺ-เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ-ว่าท่านนบี-ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม-ได้กล่าวว่า :

عن أبي سعيد الخدري رضي الله عنه أن النبي صلى الله عليه وسلم قال: «إنَّ اللهَ يَـقُولُ لأَهْلِ الجَنَّةِ، يَا أَهْلَ الجَنَّةِ، فَيَـقُولُونَ: لَبَّيْكَ رَبَّنَا وَسَعْدَيْكَ، وَالخَيْرُ فِي يَدَيكَ، فَيَـقُولُ: هَلْ رَضِيْتُـمْ؟ فَيَـقُولُونَ: وَمَا لَنَا لا نَرْضَى يَا رَبِّ وَقَدْ أَعْطَيْتَنَا مَا لَـمْ تُعْطِ أَحَداً مِنْ خَلْقِكَ فَيَـقُولُ: أَلَا أُعْطِيكُمْ أَفْضَلَ مِنْ ذَلِكَ؟ فَيَـقُولُونَ: يَا رَبِّ وَأَيُّ شَيْءٍ أَفْضَلُ مِنْ ذَلِكَ؟ فَيَـقُولُ: أُحِلُّ عَلَيْكُمْ رِضْوَانِي، فَلا أَسْخَطُ عَلَيْكُمْ بَـعْدَهُ أَبَداً». متفق عليه أخرجه البخاري برقم (6549)، ومسلم برقم (2829)، واللفظ له

ความว่า : “แท้จริง อัลลอฮฺจะดำรัสแก่บรรดาชาวสวรรค์ว่า "โอ้ ชาวสวรรค์ทั้งหลาย"

พวกเขาจะตอบว่า "ขอสนองรับโองการพระองค์ท่าน ความดีงามทั้งหมดอยู่ในสองมือของพระองค์แล้ว พระเจ้าข้า"

แล้วพระองค์ก็มีดำรัสว่า "พวกเจ้าพอแล้วหรือยัง?"

พวกเขาต่างตอบว่า "โอ้ พระเจ้าข้า เราไม่พอใจได้อย่างไรละ ในเมื่อพระองค์ท่านได้ให้แก่พวกเราในสิ่งที่พระองค์ท่านไม่เคยให้แก่ผู้อื่นใดเลยในบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงสร้างทั้งหมด"

พระองค์ดำรัสต่อไปว่า "จะเอาไหม ฉันจะให้สิ่งที่พิเศษกว่านั้น?"

พวกเขาตอบว่า "โอ้ พระองค์ท่าน มีอะไรอีกที่พิเศษไปกว่านี่หรือ?"

พระองค์ตอบว่า "ฉันจะประทับความโปรดปรานของฉันลงบนพวกเจ้า แล้วฉันก็จะไม่โกรธเคีองพวกเจ้าไปตลอดกาล”

(มุตตะฟัก อะลัยฮฺ บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ หมายเลข  6549 และมุสลิมตามสำนวนนี้ หมายเลข 2829)


สัดส่วนของประชาชาตินบีมุหัมมัด-ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม-ในสรวงสวรรค์

          อัลลอฮฺทรงให้เกียรติต่อประชาชาตินบีมุหัมมัดด้วยการให้เป็นครึ่งหนึ่งของชาวจำนวนชาวสวรรค์ทั้งหมด ต่อมายังเพิ่มพิเศษอีกเป็นสองส่วนสามของผู้โชคดีเหล่านั้น

อับดุลลอฮฺ บินมัสอูด-เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ-เล่าว่า :

عن عبدالله بن مسعود رضي الله عنه قال: كنا مع النبي صلى الله عليه وسلم في قُبَّةٍ فقال: «أَتَرْضَونَ أَنْ تَـكُونُوا رُبُـعَ أَهْلِ الجَنَّةِ؟ » قلنا نعم قال: «أَتَرْضَونَ أَنْ تَـكُونُوا ثُلُثَ أَهْلِ الجَنَّةِ؟ » قلنا نعم، قال: «أَتَرْضَونَ أَنْ تَـكُونُوا شَطْرَ أَهْلِ الجَنَّةِ؟ » قلنا: نعم، قال: «إنِّي لأَرْجُو أَنْ تَـكُونُوا شَطْرَ أَهْلِ الجَنَّةِ، وَذَلِكَ أَنَّ الجَنَّةَ لا يَدْخُلُـهَا إلَّا نَفْسٌ مُسْلِـمَةٌ، وَمَا أَنْتُـمْ فِي أَهْلِ الشِّرْكِ إلَّا كَالشَّعْرَةِ البَيْضَاءِ فِي جِلْدِ الثَّورِ الأَسْوَدِ، أَوْ كَالشَّعْرَةِ السَّوْدَاءِ فِي جِلْدِ الثَّورِ الأَحْـمَرِ». متفق عليه. أخرجه البخاري برقم (6528)، واللفظ له، ومسلم برقم (221).

ความว่า : “ขณะที่เรากำลังอยู่พร้อมกับท่านนบี-ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม-ในกระโจมแห่งหนึ่ง ท่านได้ถามว่า "พวกท่านพอใจหรือเปล่าที่จะได้เป็นหนึ่งส่วนสี่ของชาวสวรรค์?"

เราตอบว่า "เราพอใจ"

ท่านถามอีกว่า "พวกท่านพอใจหรือเปล่าที่จะได้เป็นครึ่งหนึ่งของชาวสวรรค์?"

เราตอบว่า "เราพอใจ"

ท่านกล่าวว่า "ฉันนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกท่านจะได้เป็นครึ่งหนึ่งของชาวสวรรค์ ที่เป็นอย่างนั้นเพราะสวรรค์นั้นมีพียงผู้ที่มอบตนต่ออัลลอฮฺอย่างบริสุทธิ์ใจเท่านั้นที่จะเข้าไปได้ และสัดส่วนของพวกท่านในจำนวนกลุ่มผู้ตั้งภาคีนั้นก็เป็นเหมือนขนสีขาวที่อยู่บนหนังวัวตัวผู้สีดำ หรือเหมือนกับขนสีดำที่อยู่บนหนังวัวตัวผู้สีแดง

(บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ตามสำนวนนี้ หมายเลข  6528 และมุสลิม หมายเลข 221)


จำนวนแถวของชาวสวรรค์

         มีรายงานจากบุร็อยดะฮฺ-เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ-ว่าท่านเราะสูลุลลอฮฺ-ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม-ได้กล่าวว่า :

عن بريدة رضي الله عنه قال: قال رسول الله صلى الله عليه وسلم: «أَهْلُ الجَنَّةِ عِشْرُونَ وَمِائَةُ صَفٍّ، ثَمَانُونَ مِنْـهَا مِنْ هَذِهِ الأُمَّةِ، وَأَرْبَـعُونَ مِنْ سَائِرِ الأُمَـمِ». أخرجه الترمذي وابن ماجه صحيح / أخرجه الترمذي برقم (2546)، وهذا لفظه،  وأخرجه ابن ماجه برقم (4289)

ความว่า : “ชาวสวรรค์นั้นมีหนึ่งร้อยยี่สิบแถว แปดสิบแถวมาจากประชาชาตินี้ และอีกสี่สิบแถวมาจากประชาชาติอื่น ๆ"

(เศาะฮีหฺ บันทึกโดยอัตติรมิซียฺตามสำนวนนี้ หมายเลข 2546  และอิบนุมาญะฮฺ หมายเลข 4289 )


ประเภทของชาวสวรรค์

1. อัลลอฮฺตะอาลาได้มีดำรัสว่า :

ความว่า : และบรรดาผู้ศรัทธาและประกอบความดีทั้งหลาย พวกเขาแหล่ะคือชาวสวรรค์ซึ่งจะอยู่ในนั้นไปตลอดกาล  (อัลบะเกาะเราะฮฺ : 82)

2. มีรายงานจากอิยาฎ บินหิมารฺ-เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ-ว่าท่านเราะสูลุลลอฮฺ-ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม-ได้กล่าวว่า :

وعن عياض بن حمار رضي الله عنه أن رسول الله صلى الله عليه وسلم قال: «.. وَأَهْلُ الجَنَّةِ ثَلاثَةٌ: ذُو سُلْطَانٍ مُقْسِطٌ مُتَصَدِّقٌ مُوَفَّقٌ، وَرَجُلٌ رَحِيْـمٌ رَقِيقُ القَلْبِ لِكُلِّ ذِي قُرْبَى وَمُسْلِـمٍ، وَعَفِيفٌ مُتَعَفِّفٌ ذُو عِيَالٍ..». أخرجه مسلم. برقم (2865).

ความว่า : “ชาวสวรรค์นั้นมีสามประเภท คือ ผู้มีอำนาจ ที่ทรงธรรม ใจบุญ และเฉลียวฉลาด ผู้มีใจปรานี มีใจเอื้อเฟื้อต่อบรรดาญาติและคนมุสลิมทุกคน และผู้ประพฤติมั่นในศีลธรรม อดทน และมีครอบครัว" (บันทึกโดยมุสลิม หมายเลข 2865)

3. หาริษะฮฺ บิน วัฮบฺ-เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ-เล่าเขาได้ยินท่านนบี-ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม-กล่าวว่า :

وعن حارثة بن وهب رضي الله عنه أنه سمع النبي صلى الله عليه وسلم قال: «أَلا أُخْبِرُكُمْ بِأَهْلِ الجَنَّةِ؟» قالوا: بَلَى، قال صلى الله عليه وسلم : «كُلُّ ضَعِيفٍ مُتَضَعِّفٍ لَو أَقْسَمَ عَلَى الله٬ لأَبَرَّهُ...». متفق عليه. ، أخرجه البخاري (4918)، ومسلم برقم (2853)، واللفظ له.

ความว่า : “ฉันจะบอกเรื่องชาวสวรรค์ให้พวกท่านเอาไหม? "

พวกเขาตอบว่า"จะเอา"

ท่านจึงบอกว่า "คือผู้ที่มีฐานะอ่อนแอและโดนเหยียดหยาม ซึ่งหากเขาสาบานอะไรกับอัลลอฮฺแล้ว แน่นอนพระองค์จะทรงให้มันเป็นไปตามคำขอของเขา"

(บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ หมายเลข  4918 และมุสลิมตามสำนวนนี้ หมายเลข 2853)


ชาวสวรรค์กลุ่มใหญ่

มีรายงานจากอิมรอน บิน หุศ็อยนฺ-เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ-ว่าท่านนบี-ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม-ได้กล่าวว่า :

عن عمران بن حصين رضي الله عنه عن النبي صلى الله عليه وسلم قال: «اطَّلَعْتُ فِي الجَنَّةِ فَرَأَيْتُ أَكْثَرَ أَهْلِـهَا الفُقَرَاءَ، وَاطَّلَعْتُ فِي النَّارِ فَرَأَيْتُ أَكْثَرَ أَهْلِـهَا النِّسَاءَ». متفق عليه. أخرجه البخاري برقم (3241)، واللفظ له، ومسلم برقم (2737).

ความว่า : “ฉันชะโงกดูในสวรรค์ ปรากฏว่าฉันเห็นชาวสวรรค์ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนยากจน และฉันชะโงกดูในนรก ปรากฏว่าฉันเห็นชาวนรกส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้หญิง" (บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ตามสำนวนนี้ หมายเลข  3241 และมุสลิม หมายเลข 2737)


ชาวสวรรค์คนสุดท้าย

         มีรายงานจากอับดุลลอฮฺ บินมัสอูด-เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ-ว่าท่านเราะสูลุลลอฮฺ-ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม-ได้กล่าวว่า :

عن عبدالله بن مسعود رضي الله عنه قال: قال رسول الله صلى الله عليه وسلم : «إنَّ آخِرَ أَهْلِ الجَنَّةِ دُخُولاً الجَنَّةَ، وَآخِرَ أَهْلِ النَّارِ خُرُوجاً مِنَ النَّارِ: رَجُلٌ يَـخْرُجُ حَبْواً، فَيَـقُولُ لَـهُ رَبُّهُ: ادْخُلِ الجَنَّةَ، فَيَـقُولُ: رَبِّ، الجَنَّةُ مَلأى، فَيَـقُولُ لَـهُ ذَلِكَ ثَلاثَ مَرَّاتٍ، فَكُلَّ ذَلِكَ يُـعيدُ عَلَيهِ: الجَنَّةُ مَلأى، فَيَـقُولُ: إنَّ لَكَ مِثْلَ الدُّنْيَا عَشْرَ مِرَارٍ». متفق عليه أخرجه البخاري برقم (7511)، واللفظ له، ومسلم برقم (186).

ความว่า : “แท้จริง ชาวสวรรค์ที่ได้เข้าในสวรรค์เป็นคนสุดท้ายและเป็นชาวนรกคนสุดท้ายที่ออกมาจากนรก คือคนที่คลานออกมา

แล้วพระเจ้าของเขาก็ทรงกล่าวกับเขาว่า "เจ้าจงเข้าไปในสวรรค์ซิ"

เขาตอบว่า "โอ้ พระเจ้าข้า สวรรค์เต็มหมดแล้ว"

แล้วพระองค์ก็ทรงกล่าวกับเขาเช่นนั้นอีกสามครั้ง ซึ่งทุก ๆ ครั้ง เขาจะตอบพระองค์ว่า "สวรรค์เต็มหมดแล้ว"

พระองค์จึงกล่าวว่า "สำหรับเจ้านั้นจะได้เท่ากับทั้งโลกดุนยา สิบครั้ง "

(บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ตามสำนวนนี้ หมายเลข  7511 และมุสลิม หมายเลข 186)


มุหัมมัด อิบรอฮีม อัตตุวัยญิรีย์

ที่มา : มุคตะศ็อรฺ อัลฟิกฮิล อิสลามีย์

แปลโดย : สุกรี นูร จงรักสัตย์

Islam House