สังคมในยุคปัจจุบัน
ท่านพี่น้องผู้มีศรัทธาที่รักทั้งหลายขณะที่โลกของเราได้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ววิวัฒนาการสมัยใหม่เข้ามาสู่สังคมของเราความเจริญต่างก็ทยอยเข้ามาอย่างมากมาย ซึ่งสิ่งที่จะตามมาย่อมหนีไม่พ้นกับความเสื่อมโทรมทางด้านวัฒนธรรม และประเพณี ท่านทั้งหลายครับ ท่านเคยถามตัวเองหรือเปล่าว่า? พรุ่งนี้ลูกหลานมุสลิมของเราจะดำเนินชีวิตไปในทิศทางใด
ท่านพี่น้องผู้มีศรัทธาที่รักทั้งหลาย
หากเราย้อนมาดูในสังคมของเราแน่นอนเราจะพบกับปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงของสังคม เริ่มจากปัญหาพฤติกรรมที่แข็งกร้าว ความกระด้างกระเดื่องไร้จรรยามารยาท และเป็นเหตุนำไปสู่ปัญหาการปล้นฆ่าและข่มขื่น ปัญหายาเสพติด และอื่นๆอีกมากมายที่กระจายอยู่ในสังคมของเราประเทศของเรา
ซึ่งปัญหาเหล่านี้เกิดมาจากใครกันเล่า ถ้าไม่ใช่มนุษย์ที่ขาดศีลธรรมผู้ละเลงความโสมมต่อสังคมของตัวเอง และจุดสำคัญที่เราจำเป็นต้องพิจารณาไปยังต้นตอของปัญหาต่างๆในสังคม ว่าเพราะอะไรจึงเกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้น
แน่นอนเหลือเกินเราจะพบว่าปัญหาต่างๆเหล่านั้นมักเกิดมาจากสถาบันที่เป็นจุดเริ่มต้นของสังคม ซึ่งนั้นก็คือสถาบันครอบครัว
ท่านพี่น้องผู้มีศรัทธาที่รักทั้งหลาย
สถาบันครอบครัวเป็นสถาบันที่มีความสำคัญที่สุดในสังคมของเรา ครอบครัวแต่ละครอบครัวจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม สังคมจะดีหรือสังคมจะเลว สืบเนื่องจากผู้อยู่ในสถาบันครอบครัวเป็นอันดับแรก ซึ่งเราจะดีได้หรือจะเลวลงมันก็ขึ้นอยู่กับพื้นฐานของครอบครัวเป็นหลัก ถ้าเติบโตจากครอบครัวที่ดีมีแต่ความรักให้กัน ความเข้าใจเอาใจใส่ซึ่งกันและกันสิ่งเหล่านี้แหละจะส่งผลให้เขาเป็นคนดีของสังคมได้ แต่กลับกันถ้าเขามาจากครอบครัวที่พ่อแม่มัวแต่ทะเลาะกันโดยไม่สนอกสนใจกันไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน ไม่ใส่ใจในความเป็นอยู่ของเขา แล้วอย่างนี้เขาจะกลายเป็นคนดีของสังคมได้อย่างไร
ท่านพี่น้องผู้มีศรัทธาที่รักทั้งหลาย
บรรดาเด็กๆนั้นเปรียบดังผ้าขาว เขาเกิดมาอย่างไร้เดียงสา ไร้ความผิดเขาคือผู้บริสุทธิ์ผ่องใส อยู่ที่ผู้เป็นพ่อผู้เป็นแม่จะแต่งแต้มสีใดบนพื้นผ้าขาวนั้น อย่าลืมนะครับว่าผ้าขาวนั้น เมื่อโดนอะไรนิดอะไรหน่อยก็จะก่อเกิดร่องรอยต่างๆทิ้งไว้ ซึ่งร่องรอยต่างๆนั้นจะฟ้องถึงพฤติกรรมผู้เป็นพ่อเป็นแม่ได้เป็นอย่างดี ดังที่ท่านนะบี ได้กล่าวไว้ว่า
ความว่า ไม่มีใครที่เขาจะเกิดขึ้น นอกจากเขาจะเกิดขึ้นมาตามธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ต่อมาผู้เป็นพ่อผู้เป็นแม่ของเขาก็ทำให้เขาเป็นยิวหรือเป็นคริสต์ หรือพวกบูชาไฟ"ฮาดีษดังกล่าวท่านนะบี ย้ำถึงความสำคัญในหน้าที่ของผู้เป็นพ่อผู้เป็นแม่ในการที่พวกเขามีส่วนร่วมโดยตรง ในการกำหนดอนาคตของผู้เป็นลูกและยังย้ำถึงว่าเด็กทั้งหลายที่เกิดมาในสภาพที่บริสุทธิ์สุดแต่ผู้เป็นพ่อเป็นแม่จะนำพาพวกเขาเหล่านั้นไปในทางใด
อัลอิสลามยังได้ย้ำเตือนถึงหน้าที่ในการอบรมบุตรหลานเลี้ยงดูพวกเขาไม่ให้ตกอยู่ในสภาพที่หลงระเริงกับดุนยาจนลืมพระเจ้าและทรยศต่อพระองค์ในที่สุด ดังที่พระองค์อัลลอฮ์ ทรงตรัสว่า
ความว่า โอ้บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลาย จงคุ้มครองตัวของพวกเจ้าและครอบครัวของพวกเจ้าให้พ้นจากไฟนรก
อายะห์ดังกล่าวได้ชี้ถึงความสำคัญของผู้เป็นเจ้าบ้านในการที่เขาจะอบรมดูแลบุคคลที่อยู่ในปกครองของเขาให้พ้นภัยจากไฟนรก
ท่านพี่น้องผู้มีศรัทธาที่รักทั้งหลาย
แล้วเราจะทำกันอย่างไรในการที่เราจะนำพาบุตรหลานของเราให้พวกเขาอดกลั้นกับสิ่งต่างๆที่จะเข้ามายั่วยุพวกเขาให้หลงลืมอัลอิสลาม
ข้อเสนอประการแรก เราต้องสอนให้บุตรหลานและเยาวชนได้รู้จักอัลลอฮ์ พระผู้เป็นเจ้าและสอนให้เขายำเกรงต่อพระองค์ เพราะเป็นสิ่งแรกที่จะย้ำเตือนความเป็นมุสลิมในสายเลือด
ประการต่อมาสอนให้เขาได้เรียนรู้ได้ศึกษาเพื่อการดำเนินชีวิตที่ดีในสังคมแม้สังคมเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดพวกเขาสามารถปรับตัวให้เข้ากับสังคมได้ เพราะการศึกษาจะนำพาพวกเขาเหล่านั้นให้รู้จักคิดรู้จักทำ
ท่านพี่น้องครับการศึกษาในอิสลามถือว่าเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นมากของบุคคลทุกๆคนในสังคม ดังที่ท่านนะบีได้กล่าวไว้ว่า
ความว่า การแสวงหาความรู้นั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นเหนือเราที่เป็นมุสลิมและมุสลิมะห์ทุกคนซึ่งปัจจุบันนี้การศึกษาได้แบ่งออกเป็นสองด้านด้วยกัน
๑.การศึกษาด้านทางโลกหรือทางสามัญ
๒.การศึกษาด้านทางธรรมหรือทางศาสนา
ปัจจุบันนี้จำเป็นที่เราต้องสอนบุตรหลานให้เขาได้เรียนรู้พร้อมกันทั้งสองด้าน หากเอาจริงเอาจังเพียงการศึกษาทางสามัญโดยเบื่อหน่ายต่อทางธรรม ก็เปรียบเสมือนเราขับรถยนต์ที่เบรกชำรุดน่าเสียวใจเพียงใด ชีวิตที่ขาดศรัทธาขาดอีหม่านมายับยั้งชั่งใจ ขาดศาสนามาเบรกพฤติกรรมเลวทราม เราก็ไม่สามารถขับเคลื่อนรถ ขับเคลื่อนชีวิตให้ถึงจุดหมายที่ดีได้ ซึ่งแน่นอนเหลือเกินเป้าหมายในชีวิตของมุสลิมทุกๆคนต้องการสถานะภาพที่ปลอดภัยในโลกอาคีเราะห์ ให้ได้เป็นชาวสวรรค์อย่างปลื้มปิติ
หากเราสอนให้พวกเขามีแต่ความรู้ทางด้านสามัญเพียงอย่างเดียวแต่เขาไม่รู้เลยเกี่ยวกับทางศาสนาซึ่งเขานั้นอาจอยู่ในโลกนี้อย่างคนมีเกียรติมีหน้ามีตาในสังคม แล้วโลกอาคีเราะห์ล่ะ? ท่านพี่น้องครับพวกเขาจะเป็นอย่างไร?
แต่กลับกันถ้าเขามีแต่ความรู้ทางด้านศาสนาเพียงอย่างเดียว ด้านสามัญทางโลกนั้น เขาไม่มีการใฝ่หาความรู้เลย แน่นอนผู้ที่มีความรู้นั้นเขามีเกียรติเขาจะไม่ตกต่ำหรอก แต่เขาจะก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของสังคมหรือเปล่า ?
และถ้าหากเขามีความรู้ทั้งทางด้านสามัญและทางศาสนาแล้ว แน่นอนเขาย่อมเป็นบุคคลที่เป็นที่ต้องการของสังคมในปัจจุบัน เขาจะอยู่ในสังคมอย่างปลอดภัยและอยู่โลกหน้าด้วยความผาสุข
ศรัทธาชนทุกท่านครับ
แม้สังคมจะรุดหน้าด้านเทคโนโลยีไปขนาดไหนจะบีบรัดให้เราขวนขวายแต่เงินตรามากเท่าใดก็ยังไม่เพียงพอกับราคาของที่เพิ่มขึ้น รายจ่ายที่มากขึ้น แต่นั้นก็หาใช่ความน่ากลัวของสังคมไม่ หากแต่ในสังคมแห่งเงินตราสังคมแห่งเทคโนโลยี มีกลุ่มบุคคลที่แสวงหาเงิน-ทองโดยการลวงหลอกให้ระเริงกับความบันเทิง ให้มัวเมากับสิ่งเสพติด หากเราท่านทั้งหลายละเลยภาระการอบรมเยาวชนให้ออกห่างจากอบายมุขเหล่านี้แล้ว ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบเยาวชนมุสลิมที่เสื่อมโทรมศาสนาในวันพรุ่งนี้.
ที่มา : ชมรมนักวิชาการมุสลิมปทุมธานี