ความเจ็บไข้...ให้ประโยชน์อย่างไร
โดย อ.อับดุลฮะมีด บรอฮิมี
จะมีสักคนไหม? ในหมู่พวกเราที่วันหนึ่งเขาจะคิดว่า ความเจ็บไข้ได้ป่วยนั้นมีประโยชน์ แล้วคนป่วยจะได้รับประโยชน์จากการเจ็บไข้ได้ป่วยอย่างไร ? ช่างเป็นเรื่องที่แปลก เพราะมนุษย์ส่วนใหญ่ต่างก็หวาดหวั่นความเจ็บป่วยเหลือเกิน แล้วใครเล่าที่จะกล้าบอกว่า เขาไม่กลัวความเจ็บไข้ได้ป่วย
คำถามมากมายที่คนเราเฝ้าถามตนเอง เมื่อได้ยินได้ฟัง สำหรับผู้ที่เจ็บป่วยแล้ว มีประโยชน์ ซึ่งบางคนอาจไม่เชื่อเรื่องที่เป็นสาเหตุหลักของความกลัว จากความเจ็บป่วย เพียงแค่เขาได้ยินชื่อของโรคที่ป่วย ก็สร้างความหวาดวิตก หวาดกลัวต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้น คนเราจำนวนไม่น้อยที่มองเรื่องราวต่างๆเพียงด้านเดียวเท่านั้น คือ ด้านของชีวิตในดุนยา และความสุขในโลกนี้ จนลืมนึกถึงสิ่งที่พระองค์ อัลลอฮ์ ทรงตระเตรียมไห้แก่บ่าวผู้ศรัทธา แก่บ่าวผู้อดทนต่อการทดสอบจากพระองค์ เพราะถ้าเขาพึ่งพิงต่อพระองค์มากเท่าไหร่ เขาย่อมได้รับความสำเร็จในบั้นปลายมากเท่านั้น
เพื่อที่จะได้อธิบายถึงประเด็นสำคัญให้ชัดเจน เชค อับดุลเราะฮ์มาน บินยะห์ยา ได้เน้นหนักว่า แท้จริง มนุษย์เราบางคนมักจะกล่าวเมื่อเวลาเจ็บป่วยว่า "พระองค์มิทรงเมตตาเขาเลย โอ้พระเจ้าของฉัน" บางคนก็กล่าวว่า "หวังว่าพระองค์จะทรงให้ความเมตตาแก่เขา หรือให้เขาได้ทุเลาลง" ทั้งที่จริงแล้วพระองค์ ทรงตรัสว่า
"ฉันจะให้ความเมตตาเขา ให้พ้นจากสิ่งที่ฉันได้ให้ความเมตตาต่อเขาได้อย่างไร?"
และผู้ป่วยบางคนที่ถูกทดสอบด้วยโรคร้ายแรง เช่น โรคมะเร็ง หรือโรคอื่นๆ ที่ยังไม่มียารักษาให้หายขาดได้ แล้วเขาได้สิ้นหวังอย่างมาก ซึงบางคนถึงกับหมดความอดทน ความหมดหวังก็เพิ่มมากขึ้น ความโกรธเคืองเข้ามา มารร้ายเข้ามากระซิบกระซาบชักจูง และให้เขาได้รำลึกถึงความชั่วในอดีต แล้วนำพาสู่ความสิ้นหวัง พระองค์อัลลอฮ์ ตรัสว่า
"แน่นอนเสียงกระซิบกระซาบของมารร้ายนั้น มันสร้างความเจ็บช้ำให้แก่บรรดาปวงผู้ศรัทธา เท่านั้น" (อัลมุญาดะละฮ์ / 10)
ดังนั้นผู้ป่วยที่คงมั่นอยู่กับหลักเตาฮีด และดำรงการละหมาด เขาจะไม่รู้สึกหวาดกลัวอันใด แม้เขาจะไม่เคยละหมาดเลยนอกจากในยามที่ป่วยเท่านั้น แท้จริงผู้ใดสำนึกตนได้อย่างแท้จริง ก่อนที่จะสิ้นลม เขาย่อมได้รับการอภัยจากอัลลอฮ์ ถึงแม้เขาจะตกอยู่ในความผิดบาปอันใหญ่หลวง
แท้จริง คนที่ตายในสภาพที่ยึดมั่นอยู่ในหลักเตาฮีดทุกคน และไม่ได้ตายในสภาพของผู้ปฏิเสธ เขาย่อมมีความหวัง ดังฮะดิษที่กล่าวว่า
ท่านนะบีมุฮัมมัด กล่าวว่า
"ผู้ที่ตายไปจากประชาชาติของฉัน โดยเขาไม่เอาสิ่งใดมาเป็นภาคีต่ออัลลอฮ์ เขาย่อมได้เข้าสวรรค์อย่างแน่นอน
ท่านอบูซิริน ถามว่า ถึงแม้เขาจะทำซินา เขาลักขโมย ก็ได้เข้าสวรรค์หรือ ?
ท่านนะบี ตอบว่า ถึงแม้เขาทำซินา เขาลักขโมย ก็ได้เข้าสวรรค์ แล้วท่านนะบี ก็กล่าวว่า คนหนึ่งคนใดในหมู่พวกท่าน จงอย่าเพิ่งตาย นอกจากจะอยู่ในฐานะของคนที่คิดในแง่ดีต่อ อัลลอฮ์ อัซซะวาญัลลา เสียก่อน" (บันทึกโดย มุสลิม)
และพระองค์ อัลลอฮ์ ทรงตรัสว่า
"ข้านั้น อยู่ ณ ที่ความนึกคิดของบ่าวของข้า ดังนั้นจงนึกคิดต่อข้าตามต้องการเถิด.... "