โลกและมนุษย์
ภาระการงานชี้นสุดท้าย
โดย อ. อับดุลเราะมัน เจะอารง
เป็นที่ทราบในศาสนาอิสลามว่า พระองค์อัลลอฮ์ ทรงบัญญัติใช้ให้มนุษย์ทุกคน เคารพภักดีและรู้จักบุญคุณของผู้ให้ชีวิต ผู้ให้กำเนิด ผู้ให้ปัจจัยยังชีพกับเขา ในการดำรงชีวิตในโลกนี้ และหลีกเลี่ยงสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม เหตุผลเพราะ กิจการทุกอย่างที่พระองค์ทรงสั่งใช้ให้ปฏิบัติ สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นประโยชน์ทั้งสิ้น และสิ่งใดที่พระองค์ทรงห้าม สิ่งนั้นจะต้องให้โทษอย่างร้ายแรงเช่นกัน
ดังนั้นผู้ใดที่สามารถปฏิบัติในสิ่งที่พระองค์ทรงใช้แล้ว พระองค์จะทรงตอบแทนพวกเขาในโลกหน้าด้วยรางวัลมากมายมหาศาล เป็นสิ่งที่ตาของพวกเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน ไม่เคยลิ้มรสมาก่อนและไม่สามารถนึกฝันได้ในโลกดุนยา
ผู้ที่ยอมรับว่าตัวเองว่าเป็นมุสลิม สามารถที่จะแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มคือ
1. กลุ่มแรก
กลุ่มที่อ้างตนเองว่าเป็นมุสลิม ในขณะที่พวกเขาไม่ยอมรับหลักธรรมคำสอนของศาสนาอิสลามและไม่ปฏิบัติศาสนกิจในชีวิตประจำวัน พวกเขาอ้างตัวว่าเป็นมุสลิมเพราะอยากได้รับการบริการที่ดีและการตอบแทนจากรัฐอิสลาม กลุ่มนี้ได้เคยปรากฏขึ้นในยุคที่รัฐอิสลามปกครองพลเมืองที่มีทั้งที่เป็นมุสลิมและไม่ใช่มุสลิม และในยุคการปกครองของท่านเราะซูลมุฮัมมัด ยุคการปกครองของเคาะลีฟะฮ์ทั้ง 4 ท่าน ยุคการปกครองของอาณาจักรอุมัยยะฮ์ ยุคการปกครองของอาณาจักรอับบสิยยะฮ์ แม้กระทั่งยุคอุสมานิยยะฮ์ จนกระทั่งถึงยุคการปกครองของรัฐอิสลามในปัจจุบัน
2. กลุ่มที่ 2
กลุ่มมุสลิมที่มีจำนวนน้อยที่อาศัยอยู่ในประเทศที่ไม่ใช่มุสลิม พวกเขาไม่กล้าที่จะเปิดเผยตนเองว่าเป็นมุสลิม อาจเพราะมาจากสาเหตุที่กลัวว่าจะเป็นแกะดำในสังคม หรือปัญหาจากการแต่งงาน เช่น ความกดดันของภรรยาที่ไม่ใช่มุสลิม พร้อมกับความพ่ายแพ้ของสามีในเรื่องศาสนา กลุ่มนี้มีในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก และในบางจังหวัดที่มีมุสลิมเป็นจำนวนน้อย ถ้ากลุ่มนี้กล้าที่จะต่อสู้เพื่อเกียรติของอิสลาม กล้าที่จะเปิดเผยศาสนาของตนเอง ยืนหยัดในศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า สร้างสถานที่ละหมาดด้วยแรงใจและแรงกายของตนเอง พวกเขาจะได้รับการตอบแทนเพิ่มเป็น 2 เท่าทวีคูณ
3. กลุ่มที่ 3
กลุ่มมุสลิมที่อาศัยอยู่ในสังคมมุสลิม หรือรัฐมุสลิม พวกเขามีความภาคภูมิใจในความเป็นมุสลิม สามารถปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างสะดวกสบาย รัฐบาลอำนวยความสะดวกทุกอย่างในเรื่องศาสนา พวกเขายินดีที่จะจบชีวิตในศาสนาอิสลาม
แต่ไม่ใช่ทุกคนเสมอไป เพราะอาจมีมุสลิมบางคนที่ไม่ชอบอยู่ในแนวทางของหลักการอัลอิสลาม แต่ชอบอยู่แบบสบาย ๆ ไม่ต้องปฏิบัติศาสนกิจ หรือกิจวัตรประจำวัน มีความอิสระเสรีที่จะทำอะไร กินอะไรหรือเสพสุขกับอารมณ์ตัณหาของตนเอง โดยปราศจากข้อห้ามใด ๆ ทั้งสิ้น
มุสลิมทุกคนที่เสียชีวิตไป เราไม่สามารถตัดสินได้ว่าเขาเป็นชาวสวรรค์ หรือชาวนรกกันแน่ พระองค์อัลลอฮ์ เท่านั้นที่เป็นผู้ตัดสิน เหตุผลเพราะว่า พระองค์ทรงได้สร้างพวกเขา ให้ความอิสรเสรี พระองค์ทรงรอบรู้จิตใจของพวกเขา ว่ามีความบริสุทธิ์ใจเพียงใด แต่เราพอจะสามารถสังเกตได้ว่า ผู้ใดได้จบชีวิตด้วยการตายที่ดี (หุสนุล คอติมะฮ์) และผู้ใดจบชีวิตด้วยการตายที่ไม่ดี(สูอุล คอติมะฮ์)
ส่วนสาเหตุที่ทำให้มุสลิมจบชีวิตด้วยโชคที่ไม่ดีมีหลายประการด้วยกัน
1. การเสื่อมศรัทธา
ผู้ที่จบชีวิตในสภาพที่มีความศรัทธาทีไม่ถูกต้องตั้งแต่แรกเริ่ม หรือผิดพลาดในช่วงหลัง อาจเพราะไม่ได้แสวงหาความรู้ในแนวทางที่ถูกต้อง พวกเขารู้ตัวแต่ไม่ได้เตาบัต(สำนึกผิด) หรือรู้ตัวแต่ไม่ทันจะได้กลับมาศรัทธาอย่างถูกต้อง นั่นถือว่าเขาจบชีวิตด้วยความโชคร้าย พระองค์อัลลอฮ์ ได้อธิบายถึงสภาพของบุคคลกลุ่มนี้ไว้ว่า
قل هل ننَبِّئكم بالأخسرين أعمالاً الدين ضلَّ سعْيُهم في الحياة الدنيا وهم يحسبون أنهم يحْسنون صنْعاً (الكهف/ 108)
“(โอ้มุฮัมมัด) จงกล่าวเถิด เราจะแจ้งแก่พวกท่านไหม ถึงบรรดาผู้ที่ขาดทุนยิ่งในการงาน
คือบรรดาผู้ที่การขวนขวายของพวกเขาสูญสิ้นในการมีชีวิตแห่งโลกนี้
และพวกเขาคิดว่า แท้จริง พวกเขาได้ปฏิบัติความดีแล้ว”
2. การหมกมุ่นอยู่กับการกระทำที่ไม่ดี
ธรรมชาติของมนุษย์เมื่อได้กระทำความดีมาอย่างต่อเนื่องในเวลาที่ยาวนาน เขาจะรักในการกระทำความดีงามนั้นตลอดเวลา และเมื่อถึงบั้นปลายของชีวิตเขาจะรำลึกถึงแต่สิ่งที่ดีงามเหล่านี้
ในด้านตรงกันข้าม สำหรับผู้ที่กระทำแต่ความชั่วร้ายมากมายตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตมา ทำให้เขาชอบที่จะกระทำแต่ความชั่วดังกล่าว จนถึงบั้นปลายของชีวิตก็ยังชอบอยู่ หมายความว่าเขายินดีที่จะจบชีวิตในสภาพนั้น ถึงแม้ว่าในหลักการของศาสนาอิสลามยืนยันว่า การกระทำความชั่วจะนำไปสู่การปฏิเสธพระผู้เป็นเจ้า ก็ตาม ท่านเราะซูล มุฮัมมัด ได้กล่าวไว้ในตอนหนึ่งว่า
المعاصِي بريدُ الكفْر (رواه البيهقي في شعبة الإيمان)
“การกระทำสิ่งชั่วร้ายนำไปสู่การปฏิเสธพระผู้เป็นเจ้า”
ส่วนผู้ที่ไม่เคยกระทำผิด หรือเคยกระทำผิด แต่ได้เตาบัตไปก่อนถือว่าเขาโชคดี
3. การเปลี่ยนแนวทางการปฏิบัติ
ผู้ที่เปลี่ยนทิศทางในการปฏิบัติเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาจบชีวิตด้วยโชคที่ไม่ดี เช่น กรณีที่มุสลิมมีความอดทนน้อยเมื่อประสบกับสิ่งเลวร้ายในชีวิต ตกอยู่ในสภาพทุกข์ยาก ลำบาก ลำเค็ญ ไม่มีความอดทนต่อบททดสอบเหล่านั้น เลยเปลี่ยนอาชีพใหม่ แสวงหาความร่ำรวยทางลัด โดยการโกง ลักขโมย ปล้นจี้ ค้ายาเสพติด และอาชีพที่ไม่สุจริต อื่นๆ ถือว่าเป็นผู้หนึ่งที่โชคร้าย ในบั้นปลายชีวิต
4. การมีอิหม่านไม่เข้มแข็งพอ
อิหม่านที่ไม่เข้มแข็งพอทำให้เกิดการรักดุนยา รักความสนุก เพลิดเพลินและไม่อยากตาย ไม่ได้นึกถึงสวรรค์ที่พระองค์ทรงเตรียมไว้สำหรับผู้ศรัทธา มนุษย์ส่วนใหญ่จะจบชีวิตในสภาพที่เขาชอบในโลกนี้ หมายความว่า หากเขามีชีวิตประจำวันในสภาพที่ชอบดุนยา รักดุนยา ไม่ยอมจากโลกดุนยา ไม่ยอมเสียชีวิตและไม่อยากจะเสียชีวิต ไม่อยากพบกับพระองค์อัลลอฮ์ เขาจะจบชีวิตด้วยความโชคร้าย แต่ถ้าหากเขาจบชีวิตในสภาพที่ยินยอมที่จะไปพบกับพระองค์อัลลอฮ์ ถือว่าเขาจบชีวิตด้วยความโชคดี