ภาระการงานชี้นสุดท้าย
  จำนวนคนเข้าชม  8704

โลกและมนุษย์

 

ภาระการงานชี้นสุดท้าย

 

โดย อ. อับดุลเราะมัน เจะอารง

 

           เป็นที่ทราบในศาสนาอิสลามว่า พระองค์อัลลอฮ์ ทรงบัญญัติใช้ให้มนุษย์ทุกคน เคารพภักดีและรู้จักบุญคุณของผู้ให้ชีวิต ผู้ให้กำเนิด ผู้ให้ปัจจัยยังชีพกับเขา ในการดำรงชีวิตในโลกนี้ และหลีกเลี่ยงสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม เหตุผลเพราะ กิจการทุกอย่างที่พระองค์ทรงสั่งใช้ให้ปฏิบัติ สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นประโยชน์ทั้งสิ้น และสิ่งใดที่พระองค์ทรงห้าม สิ่งนั้นจะต้องให้โทษอย่างร้ายแรงเช่นกัน

        ดังนั้นผู้ใดที่สามารถปฏิบัติในสิ่งที่พระองค์ทรงใช้แล้ว พระองค์จะทรงตอบแทนพวกเขาในโลกหน้าด้วยรางวัลมากมายมหาศาล เป็นสิ่งที่ตาของพวกเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน ไม่เคยลิ้มรสมาก่อนและไม่สามารถนึกฝันได้ในโลกดุนยา

 

 ผู้ที่ยอมรับว่าตัวเองว่าเป็นมุสลิม สามารถที่จะแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มคือ


     1. กลุ่มแรก

         กลุ่มที่อ้างตนเองว่าเป็นมุสลิม ในขณะที่พวกเขาไม่ยอมรับหลักธรรมคำสอนของศาสนาอิสลามและไม่ปฏิบัติศาสนกิจในชีวิตประจำวัน พวกเขาอ้างตัวว่าเป็นมุสลิมเพราะอยากได้รับการบริการที่ดีและการตอบแทนจากรัฐอิสลาม กลุ่มนี้ได้เคยปรากฏขึ้นในยุคที่รัฐอิสลามปกครองพลเมืองที่มีทั้งที่เป็นมุสลิมและไม่ใช่มุสลิม และในยุคการปกครองของท่านเราะซูลมุฮัมมัด   ยุคการปกครองของเคาะลีฟะฮ์ทั้ง 4 ท่าน ยุคการปกครองของอาณาจักรอุมัยยะฮ์ ยุคการปกครองของอาณาจักรอับบสิยยะฮ์  แม้กระทั่งยุคอุสมานิยยะฮ์ จนกระทั่งถึงยุคการปกครองของรัฐอิสลามในปัจจุบัน

 

     2. กลุ่มที่ 2 

         กลุ่มมุสลิมที่มีจำนวนน้อยที่อาศัยอยู่ในประเทศที่ไม่ใช่มุสลิม พวกเขาไม่กล้าที่จะเปิดเผยตนเองว่าเป็นมุสลิม อาจเพราะมาจากสาเหตุที่กลัวว่าจะเป็นแกะดำในสังคม หรือปัญหาจากการแต่งงาน เช่น ความกดดันของภรรยาที่ไม่ใช่มุสลิม พร้อมกับความพ่ายแพ้ของสามีในเรื่องศาสนา กลุ่มนี้มีในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก และในบางจังหวัดที่มีมุสลิมเป็นจำนวนน้อย ถ้ากลุ่มนี้กล้าที่จะต่อสู้เพื่อเกียรติของอิสลาม กล้าที่จะเปิดเผยศาสนาของตนเอง ยืนหยัดในศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า สร้างสถานที่ละหมาดด้วยแรงใจและแรงกายของตนเอง พวกเขาจะได้รับการตอบแทนเพิ่มเป็น 2 เท่าทวีคูณ

 

     3. กลุ่มที่ 3 

          กลุ่มมุสลิมที่อาศัยอยู่ในสังคมมุสลิม หรือรัฐมุสลิม พวกเขามีความภาคภูมิใจในความเป็นมุสลิม สามารถปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างสะดวกสบาย รัฐบาลอำนวยความสะดวกทุกอย่างในเรื่องศาสนา  พวกเขายินดีที่จะจบชีวิตในศาสนาอิสลาม

          แต่ไม่ใช่ทุกคนเสมอไป เพราะอาจมีมุสลิมบางคนที่ไม่ชอบอยู่ในแนวทางของหลักการอัลอิสลาม แต่ชอบอยู่แบบสบาย ๆ ไม่ต้องปฏิบัติศาสนกิจ หรือกิจวัตรประจำวัน มีความอิสระเสรีที่จะทำอะไร กินอะไรหรือเสพสุขกับอารมณ์ตัณหาของตนเอง โดยปราศจากข้อห้ามใด ๆ ทั้งสิ้น

 

          มุสลิมทุกคนที่เสียชีวิตไป เราไม่สามารถตัดสินได้ว่าเขาเป็นชาวสวรรค์ หรือชาวนรกกันแน่  พระองค์อัลลอฮ์  เท่านั้นที่เป็นผู้ตัดสิน เหตุผลเพราะว่า  พระองค์ทรงได้สร้างพวกเขา ให้ความอิสรเสรี  พระองค์ทรงรอบรู้จิตใจของพวกเขา ว่ามีความบริสุทธิ์ใจเพียงใด แต่เราพอจะสามารถสังเกตได้ว่า ผู้ใดได้จบชีวิตด้วยการตายที่ดี (หุสนุล คอติมะฮ์) และผู้ใดจบชีวิตด้วยการตายที่ไม่ดี(สูอุล คอติมะฮ์)

 

ส่วนสาเหตุที่ทำให้มุสลิมจบชีวิตด้วยโชคที่ไม่ดีมีหลายประการด้วยกัน

 

1. การเสื่อมศรัทธา

          ผู้ที่จบชีวิตในสภาพที่มีความศรัทธาทีไม่ถูกต้องตั้งแต่แรกเริ่ม หรือผิดพลาดในช่วงหลัง อาจเพราะไม่ได้แสวงหาความรู้ในแนวทางที่ถูกต้อง พวกเขารู้ตัวแต่ไม่ได้เตาบัต(สำนึกผิด) หรือรู้ตัวแต่ไม่ทันจะได้กลับมาศรัทธาอย่างถูกต้อง นั่นถือว่าเขาจบชีวิตด้วยความโชคร้าย  พระองค์อัลลอฮ์  ได้อธิบายถึงสภาพของบุคคลกลุ่มนี้ไว้ว่า

قل هل ننَبِّئكم بالأخسرين أعمالاً الدين ضلَّ سعْيُهم في الحياة الدنيا وهم يحسبون أنهم يحْسنون صنْعاً (الكهف/ 108)

(โอ้มุฮัมมัด) จงกล่าวเถิด เราจะแจ้งแก่พวกท่านไหม ถึงบรรดาผู้ที่ขาดทุนยิ่งในการงาน

คือบรรดาผู้ที่การขวนขวายของพวกเขาสูญสิ้นในการมีชีวิตแห่งโลกนี้

และพวกเขาคิดว่า แท้จริง พวกเขาได้ปฏิบัติความดีแล้ว”

 

2. การหมกมุ่นอยู่กับการกระทำที่ไม่ดี

         ธรรมชาติของมนุษย์เมื่อได้กระทำความดีมาอย่างต่อเนื่องในเวลาที่ยาวนาน เขาจะรักในการกระทำความดีงามนั้นตลอดเวลา และเมื่อถึงบั้นปลายของชีวิตเขาจะรำลึกถึงแต่สิ่งที่ดีงามเหล่านี้

        ในด้านตรงกันข้าม สำหรับผู้ที่กระทำแต่ความชั่วร้ายมากมายตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตมา ทำให้เขาชอบที่จะกระทำแต่ความชั่วดังกล่าว จนถึงบั้นปลายของชีวิตก็ยังชอบอยู่ หมายความว่าเขายินดีที่จะจบชีวิตในสภาพนั้น ถึงแม้ว่าในหลักการของศาสนาอิสลามยืนยันว่า การกระทำความชั่วจะนำไปสู่การปฏิเสธพระผู้เป็นเจ้า ก็ตาม ท่านเราะซูล มุฮัมมัด   ได้กล่าวไว้ในตอนหนึ่งว่า

المعاصِي بريدُ الكفْر (رواه البيهقي في شعبة الإيمان)

  “การกระทำสิ่งชั่วร้ายนำไปสู่การปฏิเสธพระผู้เป็นเจ้า”

          ส่วนผู้ที่ไม่เคยกระทำผิด หรือเคยกระทำผิด แต่ได้เตาบัตไปก่อนถือว่าเขาโชคดี

 

3. การเปลี่ยนแนวทางการปฏิบัติ

         ผู้ที่เปลี่ยนทิศทางในการปฏิบัติเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาจบชีวิตด้วยโชคที่ไม่ดี  เช่น กรณีที่มุสลิมมีความอดทนน้อยเมื่อประสบกับสิ่งเลวร้ายในชีวิต ตกอยู่ในสภาพทุกข์ยาก ลำบาก ลำเค็ญ ไม่มีความอดทนต่อบททดสอบเหล่านั้น เลยเปลี่ยนอาชีพใหม่ แสวงหาความร่ำรวยทางลัด โดยการโกง ลักขโมย ปล้นจี้ ค้ายาเสพติด และอาชีพที่ไม่สุจริต อื่นๆ ถือว่าเป็นผู้หนึ่งที่โชคร้าย ในบั้นปลายชีวิต

 

4. การมีอิหม่านไม่เข้มแข็งพอ

          อิหม่านที่ไม่เข้มแข็งพอทำให้เกิดการรักดุนยา รักความสนุก เพลิดเพลินและไม่อยากตาย ไม่ได้นึกถึงสวรรค์ที่พระองค์ทรงเตรียมไว้สำหรับผู้ศรัทธา มนุษย์ส่วนใหญ่จะจบชีวิตในสภาพที่เขาชอบในโลกนี้ หมายความว่า หากเขามีชีวิตประจำวันในสภาพที่ชอบดุนยา รักดุนยา ไม่ยอมจากโลกดุนยา ไม่ยอมเสียชีวิตและไม่อยากจะเสียชีวิต ไม่อยากพบกับพระองค์อัลลอฮ์ เขาจะจบชีวิตด้วยความโชคร้าย แต่ถ้าหากเขาจบชีวิตในสภาพที่ยินยอมที่จะไปพบกับพระองค์อัลลอฮ์ ถือว่าเขาจบชีวิตด้วยความโชคดี