การทำความดี
เชค อบูบักร์ ญาบิร อัลญะซาอิรีย์
ณ นคร มะดีนะฮ์
มุสลิมจะไม่มองไปยังการทำความดี ในฐานะที่เป็นความประพฤติที่ประเสริฐ ที่นำเอามาเป็นเครื่องประดับเท่านั้น หากแต่เขาจะมองไปยังการทำความดีในฐานะที่ว่ามันเป็นส่วนหนึ่ง ของหลักการเชื่อมั่นของเขา ทั้งนี้ก็เนื่องจากว่า อิสลามนั้นตั้งอยู่บนหลักสามประการด้วยกัน อันได้แก่ การศรัทธา การสวามิภักดิ์ (ต่ออัลลอฮ์) และการทำความดี เหมือนกับที่ท่านนะบี ได้อธิบายแก่ ญิบรีล เมื่อญิบรีลได้ถามท่าน เกี่ยวกับการศรัทธา การสวามิภักดิ์ และการทำความดี และท่านนะบี ได้กล่าวหลังจากที่ท่านญิบรีลได้จากไปว่า ผู้นี้ คือ ญิบรีล เขามายังท่านทั้งหลายเพื่อสอนเรื่องราวศาสนา ให้แก่ท่านทั้งหลาย ซึ่งท่านได้เรียกหลักสามประการนั้นว่า "ศาสนา" ในขณะที่อัลลอฮ์ ทรงสั่งใช้ให้ทำความดีในหลายที่ของคัมภีร์อัลกุรอาน ดังเช่น พระองค์ ตรัสว่า
"และพวกเจ้าจงทำความดี แท้จริง อัลลอฮ์ ทรงรักบรรดาผู้ทำความดี" (อัลบะเกาะเราะฮ์ /195)
"แท้จริง อัลลอ์ ทรงใช้ให้มีความยุติธรรม และการทำความดี" (อันนะหล์ / 90)
"และพวกเจ้าจงพูดดีแก่ผู้คนทั้งหลาย " (อัลบะเกาะเราะฮ์ /83)
"และพวกเจ้าจงปฏิบัติดี ต่อพ่อแม่ ญาติที่ใกล้ชิด บรรดาเด็กกำพร้า ผู้ขัดสน เพื่นบ้านที่ใกล้ชิด
เพื่อนบ้านที่ไกลออกไป เพื่อนร่วมเดินทาง ผู้เดินทาง และพวกทาสของพวกเจ้า" (อันนิซาอ์ / 36)
ท่านเราะซูล กล่าวไว้ว่า
"แท้จริงอัลลอฮ์ ทรงกำหนดการทำความดีไว้ในทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อท่านทั้งหลายฆ่า
ท่านทั้งหลายก็จงฆ่าให้ดี เมื่อท่านทั้งหลายเชือด ท่าทั้งหลายก็จงเชือดให้ดี
และให้แต่ละคนในหมู่ของท่านทั้งหลาย จงลับคมมีดของเขา และจงให้เกิดความสบายแก่สัตว์เชือดของเขา"
(มุสลิม)
การทำความดี ในบทว่าด้วยเรื่องการเคารพภักดี (อิบาดะฮ์) ต่างๆ คือ การปฏิบัติการเคารพภักดีจะเป็นชนิดใดก็ตาม เช่น การละหมาด การประกอบพิธิฮัจญ์ หรืออื่นจากนั้น ให้เป็นไปในลักษณะที่ถูกต้อง โดยมีเงื่อนไข และหลักสำคัญ รูปแบบ และข้อควรปฏิบัติต่างๆ อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ซึ่งจะเสร็จสมบูรณ์แก่ผู้เป็นบ่าวไม่ได้ นอกจากเขาต้องมีความรู้สึกอย่างล้ำลึก ในการสอดส่อง ตรวจตาของพระองค์ อัลลอฮ์ ในการเคารพภักดี จักต้องมีความรู้สึกถึงขั้นที่ว่า เหมือนกับว่าเขาเห็นพระองค์ หรืออย่างน้อยก็ให้ตัวของเขาเป็นเหมือนกับว่า พระองค์ทรงสอดส่องตรวจตราเขาอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่จะทำให้เกิดความดีงามในการเคารพภักดี ตรงตามรูปแบบที่ถูกต้อง ด้วยการนำมาซึ่งเงื่อนไข หลักใหญ่ และแบบอย่าง อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ และอันนี้ คือ สิ่งที่ท่านเราะซูล ได้ชี้แนะไว้ในฮะดิษ ว่า
"การทำความดีนั้น คือ การที่ท่านเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์ เหมือนกับว่า ท่านเห็นพระองค์
แล้วหากท่านไม่เห็นพระองค์ พระองค์ก็ทรงเห็นท่าน" (บุคอรีย์)
ส่วนการทำความดี ในบทที่ว่าด้วย เรื่องการคบค้าสมาคม กับ พ่อ แม่ คือ การปฏิบัติต่อเขาทั้งสอง การเชื่อฟัง การนำเอาสิ่งที่ดีมามอบให้ การไม่ทำร้ายรังแก การขอพร และขออภัยโทษให้แก่ท่านทั้งสอง การปฏิบัติตามสัญญา และยกย่องให้เกียรติเพื่อนฝูงของท่าน
การทำความดีกับญาติที่ใกล้ชิด คือ การมีคุณธรรมความดี เมตตา สงสาร เวทนาพวกเขา การทำสิ่งที่เหมาะสม และสมควร และละทิ้งสิ่งที่จะนำมาซึ่งสิ่งที่น่าเกลียด สิ่งที่ไม่ดี
การทำความดีกับเด็กกำพร้า คือ การรักษาทรัพย์สิน การดูแลสิทธิของเด็กกำพร้า การฝึกฝนอบรม ไม่ทำร้ายรังแก ไม่กดขี่ข่มเหง การไม่ทำหน้าบูดบึ้ง ถมึงตึง และควรลูบศรีษะของพวกเขา
การทำความดีต่อบรรดาผู้ขัดสน คือ การไม่ปล่อยให้พวกเขา เกิดความอดอยาก การหาเครื่องนุ่งห่มมาให้ การส่งเสริมในการให้อาหาร การไม่ลบหลู่ดูหมิ่น จนทำให้ต้องเสียชื่อเสียง ได้รับในสิ่งไม่ดี ที่น่าเกลียด
การทำความดีกับผู้เดินทาง คือ การทำธุระ การดูแลทรัพย์สิน การรักษาเกรียติ การชี้แนะเมื่อเขาขอ และการนำทางเมื่อเขาหลงทาง
การทำความดีกับคนใช้ คือ การจ่ายค่าจ้างให้แก่เขา ก่อนที่เหงื่อของเขาจะแห้ง การไม่บังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่จำเป็น หรือบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่มีความสามารถ การรักษาเกียรติและให้เกียรติแก่ฐานะของเขา หากเขาเป็นผู้รับใช้ภายในบ้าน ควรให้อาหารด้วยอาหารที่ให้แก่ครอบครัวของนาย การให้เครื่องนุ่งห่ม ดังเช่นการให้เครื่องนุ่งห่มแก่ครอบครัวของนายของเขา
การทำความดีกับคนทั่วไป คือ การมีความอ่อนโยนในการพูดจา การมีความนุ่มนวล ในการคบค้า สมาคม และทักทาย หลังจากที่ใช้ให้เขาปฏิบัติดี และห้ามพวกเขาไม่ให้กระทำความชั่ว การชี้แนะคนที่หลงทาง การสอนคนที่ไม่รู้ การให้ความยุติธรรม การยอมรับในสิทธิต่างๆ และการไม่ทำร้ายรังแก ด้วยการไม่ทำสิ่งที่เป็นอันตราย หรือให้โทษแก่พวกเขา
การทำความดีกับสัตว์ คือ การให้อาหาร เมื่อมันหิว การรักษาเมื่อมันป่วย และไม่ใช้งานมันในสิ่งที่มันไม่มีความสามารถ ไม่ให้แบกสิ่งที่แบกไม่ไหว ใช้ความอ่อนโยนเมื่อมันทำงาน และให้มันพักผ่อน เมื่อเหนื่อย
การทำความดีทางด้านร่างกาย คือ การทำงานให้ดี ให้มีความปราณีต การทำงานอื่นๆให้บริสุทธิ์ ปราศจากการคดโกง โดยยึดถือ วัจนะของท่านนะบี ว่า
"ใครที่คดโกงเรา เขาก็ไม่ได้เป็นพวกของเรา"
ส่วนหนึ่งจากภาพต่างๆ ในเรื่องเกี่ยวกับการทำความดี ได้แก่
1. เมื่อพวกตั้งภาคีได้กระทำกับท่าน นะบี ซึ่งสิ่งที่พวกเขาได้กระทำในวันสงครามอุฮุ๊ด จากการฆ่าลุงของท่าน แล้วนำเอาไปประจาน ทำให้ฟันกรามของท่านหัก ทำให้หน้าของท่านเป็นแผล สาวกคนหนึ่งขอให้ท่านขอดูอาร์ต่ออัลลอฮ์ ให้พระองค์ได้ทรงลงโทษพวกผู้ตั้งภาคี ที่อธรรม ท่านก็พูดขึ้นว่า
"โอ้ อัลลอฮ์ ขอพระองค์ได้ทรงอภัยโทษ แก่หมู่คณะของฉันด้วย เพราะว่าพวกเขานั้นไม่รู้"
2. ท่าน อุมัร อิบนุ อับดิลอะซีซ (ค่อลีฟะฮ์) ได้กล่าวกับหญิงผู้รับใช้ว่า
"ช่วยพัดให้ฉันหน่อย เพื่อฉันจะได้นอน นางได้พัดให้อุมัร อุมัรก็นอน นางก็ง่วงนอน จึงนอนหลับไป เมื่ออุมัรตื่นขึ้นมา อุมัรก็เอาพัดมาพัดให้นาง เมื่อนางตื่นขึ้นมา และเห็นอุมัรพัดให้ นางก็ส่งเสียงร้อง อุมัร จึงกลาวว่า แท้ที่จริง เธอเป็นมนุษย์เหมือนกับฉัน ความร้อนเกิดขึ้นกับเธอ เหมือนที่เกิดขึ้นกับฉัน ฉันก็ชอบที่จะพัดให้แก่เธอ ดังที่เธอชอบที่จะพัดให้แก่ฉัน"
3. มีเด็กคนหนึ่งทำให้ ชาวสลัฟ คนหนึ่งโกรธอย่างมาก และต้องการที่จะจัดการกับเขา เด็กหนุ่มคนนั้นก็กล่าวขึ้นว่า และบรรดาผู้ที่ระงับความโกรธ ชาวสลัฟจึงกล่าวว่า ฉันได้ระงับความโกรธของฉันแล้ว เด็กหนุ่มคนนั้นกล่าวต่อไปว่า และบรรดาผู้ให้อภัยแก่ผู้คนทั้งหลาย ชาวสลัฟท่านนั้นจึงกล่าวว่า ฉันได้อภัยให้แก่เจ้าแล้ว เด็กหนุ่มคนนั้นก็กล่าวต่อไปว่า อัลลอฮ์ ทรงรักบรรดาผู้ทำความดี ชาวสลัฟท่านนั้นจึงกล่าวว่า เจ้าจงไป เจ้าเป็นอิสระแล้ว ฉันหวังผลบุญจากอัลลอฮ์
เด็กหนุ่มนำเอาอายะฮ์ อัลกุรอานที่พูดถึงบรรดาผู้ที่จะได้รับการอภัยโทษ และได้รับสวรรค์จากอัลลอฮ์ มาเป็นสิ่งจูงใจ จนกระทั่งคนดีคนนั้นให้อภัยกับเขา อันเนื่องจากความเลื่อมใส ในอายะฮ์ที่เด็กหนุ่มคนนั้นนำมากล่าว