ศิลปินตัวจิ๋วแต่แจ๋ว
เด็กผู้กำลังย่างเข้าสู่วัยเตาะแตะ ส่วนใหญ่มักสนุกสนานกับการระบายสีในสมุดภาพ แถมบางครั้งอาจระบายเกินเลยไปถึงที่ผนังห้องหรือทั่วบ้าน ถ้าคุณแม่เผลอไปแค่วินาทีเดียว นักวิจัยพัฒนาการเด็กได้ศึกษาการวาดภาพของเด็กเล็กๆ วัย 3-4 ขวบ มาเป็นเวลานานปี และลงความเห็นว่าฝีไม้ลายมือที่แสดงออกมานั้น สามารถบ่งชี้ถึงความสามารถและ ความก้าวหน้าทางจินตนาการ ของเด็กคนนั้นๆได้เช่นกัน
เพิ่มพูนทักษะ
เด็กทุกคนเริ่มต้นอาชีพศิลปินด้วยการขีดเขียนธรรมดาๆ ซึ่งเด็กโปรดปรานเพราะความสนุกสนานเพียงอย่างเดียว ผลที่ได้ออกมาจึงไม่สำคัญสำหรับหนู ในระยะขวบปีที่ 3 นั้น เด็กจึงเริ่มหัดวาดภาพของจริง เช่น ต้นไม้ บ้าน และคนที่หนูรู้จักคุ้นเคย ภาพหน้าคนในระยะเริ่มแรกจึงเป็นรูปวงกลม และมีส่วนยาวที่แสดงถึงส่วนลำตัว แล้วจึงค่อยเพิ่มจุดหรือวงกลม ที่แสดงถึงส่วนปาก ตา และ จมูก
พอหนูอายุได้ 4 ขวบก็ค่อยๆสอดแทรกรายละเอียดในส่วนศรีษะ และลำตัว ปากอาจมีขอบหยักขึ้นหรือลง ซึ่งแสดงถึงอารมณ์ เช่น ปากคว่ำลง แปลว่าโกรธ ปากหงายขึ้นแปลว่ายิ้ม มีส่วนหู บางครั้งก็มีขีดๆ แสดงว่าเป็นเส้นผม อาจมีแว่นตากลมๆ ถ้าคนที่คุ้นหน้าด้วยใส่แว่นตา มีส่วนแขนยื่นออกมาจากลำตัว แต่ยังไม่มีความต่อเนื่องหรือลำแขน รายละเอียดใหญ่ๆ ซึ่งแสดงถึงส่วนต่างๆ ของร่างกายที่ถูกต้อง สะท้อนให้เห็นถึงความรวดเร็วของพัฒนาการ ในการเชื่อมโยงกล้ามเนื้อ เท่ากับแสดงถึงการสังเกตุโลกกว้างอย่างเจริญเติบโตขึ้นของเด็ก
ศิลปะอันมีเจตนารมณ์
การวาดภาพซึ่งเป็นเสมือนการเสริมเจตนารมณ์หลายประการสำหรับเด็ก กิจกรรมอันนี้ดูเหมือนจะเป็นการเพิ่มพูนความพยายามของเด็กในความรู้สึกที่มีต่อโลกของตนเอง ราวกับว่าการวาดรูปเหล่านั้นลงบนกระดาษ จะช่วยให้โลกที่หมุนเวียนอยู่หยุดนิ่งลงได้ชั่วครู่ชั่วยาม ฉะนั้นผู้เชี่ยวชาญบางคนกล่าวว่า จุดน่าสนุกในการวาดรูปหรือระบายสีสำหรับเด็กคือ การที่เด็กสามารถบังคับบุคคลิกภาพของรูปที่เขาวาดได้อย่างเต็มที่เพียงผู้เดียว อันเป็นอำนาจยิ่งใหญ่ที่เด็กวัยนี้ ไม่มีทางได้กระทำในชีวิตจริงนั่นเอง
การวาดภาพยังช่วยส่งเสริมการแสดงออกซึ่งความรู้สึก เปิดโอกาสให้เด็กเล็กๆ แสดงภาพพจน์ของอารมณ์หลายๆแบบ ปฏิกิริยา ความรู้สึกโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในขณะที่เด็กมีทักษะเพิ่มพูนในการบรรยายรายละเอียด อีกทั้งการที่ธรรมชาติของการวาดรูปนั้น ไม่ต้องการคำพูดใดๆ ทำให้เด็กวัย 3-4 ขวบ เอาชนะความขี้อาย และขอบขีดจำกัดในเรื่องความสามรถ ในการใช้คำพูดเพื่อแสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมา การทดลองวาดภาพจากจินตนาการหรือจากสิ่งที่เคยเห็นด้วยสายตาก็เป็นเครื่องประกอบในความคิดสร้างสรรค์สำหรับเด็กเล็ก เปิดโอกาสให้เด็กทดลองค้นคว้าสิ่งยากๆ หรือความเป็นไปได้ โดยไม่จำเป็นต้องสร้างให้สิ่งนั้นเป็นจริงขึ้นมา เช่น เด็กสามารถวาดรูปบ้านได้หลายๆแบบ ตามใจเขาโดยไม่จำเป็นต้องสร้างบ้านจริง เป็นต้น
ช่วยฟูมฟักศิลปินรุ่นจิ๋ว
สำหรับเด็กเล็กๆ นั้น ข้อดีของกระดาษและดินสอ คือ เป็นเครื่องมือแสนวิเศษที่ไม่มีวันทำให้หนูประสบความล้มเหลว ไม่มีข้อถูกผิดในการวาดภาพของเด็กวัยนี้ และกระดาษที่ไม่พังโครมจนแตกสลาย เหมือนสิ่งก่อสร้างที่เคยสร้าง เช่น ปราสาททรายหรือ บล็อกสี่เหลี่ยม การให้ความสนับสนุนโอบอุ้มความเพลิดเพลินเจริญใจของหนูนั้น คือด้วยการจัดหาวัสดุให้อย่างพอเพียง รวมทั้งจัดที่เก็บให้โดยไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะทำรกรุงรัง
เด็กๆ มักชอบดินสอ ปากกาเมจิค ปากกาลูกลื่น หรือดินอดำ ซึ่งสามารถจะทำให้ระบาย ขีดเขียนเส้นหนักเบาได้ดีกว่าสีน้ำเงิน หรือสีเทียน แต่บางครั้งเด็กก็อาจใช้พู่กันและสีน้ำเช่นกัน เพราะละเลงได้เลอะเทอะสมใจ
หากการระบายสีน้ำ ควรกระทำกับกระดาษแผ่นโต มากกว่าเศษการดาษที่ใช้ขีดเขียน และต้องการสถานที่ละเลงค่อนข้างกว้าง ในบางคราคุณแม่อาจทิ้งช่วงการวาดรูปให้หนูไปทำกิจกรรมอื่น สลับด้วยเพื่อสกัดกั้นความเบื่อหน่ายของลูก หรือเพิ่มความยากเล่นของเขาให้เพิ่มขึ้นอีกสักนิด แล้วจากนั้นจึงค่อยหยิบกระดาษและดินสอมาให้วาดเล่นใหม่
คุณพ่อคุณแม่ช่วยได้ดีที่สุดเมื่อแสดงความสนใจในกิจกรรมของลูก แต่พองามไม่จำเป็นต้องเข้าไปขู่เข็ญให้ลูกบรรยายร่ายยาวภาพที่เขาวาด ในขณะที่ลูกค่อยๆเจริญเติบโตขึ้นมานั้น คุณพ่อแม่ จะช่วยกระตุ้นความรู้สึกทางสายตา และภาพพจน์ได้ โดยชี้ชวนให้ดูรูปภาพต่างๆ ชี้ให้ลูกดูว่าแสงเงา เกิดขึ้นได้อย่างไร รวมทั้งเรื่องอื่นๆด้วย
เหนือสิ่งอื่นใดนั้นการพูดคุยกับลูกในเรื่องศิลปะของหนู ควรเป็นการพูดคุยกัยอย่างธรรมดา ไม่ใช่การเล็คเชอร์แบบครูสอนเด็ก ชนิดเอาเป็นเอาตาย แต่การคุยกันอย่างสบายๆนี้ จะเป็นการหว่านเมล็ดพันธุ์ของรสนิยม และความรู้สึกที่ดีในทางศิลปะแต่เริ่มแรกให้กับเด็กนับตั้งแต่วัยอันแสนไร้เดียงสานั่นเอง
ที่มาจาก : Mother & Baby