การระลึกถึงความโปรดปรานเพื่อขจัดความกลุ้มใจ
แปลโดย อ. มุฮัมมัด เหมอนุกูล
การกล่าวถึงความโปรดปรานของอัลลอฮ์ ที่เห็นได้ชัดเจนและที่ซ่อนอยู่ การรับรู้และการระลึกถึงสิ่งต่างๆด้วยการพูด เป็นสิ่งที่ใช้ผลักดันความกลุ้มอก กลุ้มใจ และความเศร้าหมองให้หมดไป ส่งเสริมให้บ่าวได้กตัญญูขอบคุณ แม้บ่าวจะอยู่ในสภาพที่ยากจน เจ็บป่วยจากสิ่งพระองค์ทรงทดสอบ(บะลาอ์) ต่างๆ เพราะเมื่อเขาได้เปรียบเทียบระหว่างความโปรดปรานของอัลลอฮ์ ที่ไม่สามารถจะคำนวณนับได้ กับสิ่งที่มาประสบทั้งที่พึงปรารถนาและไม่เป็นที่ปรารถนา ก็ไม่สามารถจะนำมาเปรียบเทียบกับความโปรดปรานต่างๆเหล่านี้ได้เลย
สิ่งทดสอบต่างๆ ที่ไม่เป็นที่ปรารถนา เมื่ออัลลอฮ์ทรงนำมาทดสอบผู้เป็นบ่าว และบ่าวได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทน ความพึงพอใจและยอมจำนนแล้ว ความหนักหน่วง ความเจ็บปวดก็จะบรรเทาลง เมื่อบ่าวได้พินิจพิเคราะห์ถึงผลบุญกุศล การทำการเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์ ด้วยความอดทน ความพึงพอใจ เขาจะละทิ้งสิ่งต่างๆ ที่ขมขื่น ให้เป็นสิ่งที่หวานชื่น และความหวานชื่นแห่งผลตอบแทนนั้น จะทำให้เขาลืมความขมขื่นต่างๆได้
สิ่งที่ให้ประโยชน์ที่สุดประการหนึ่ง ในเรื่องนี้ คือ การปฏิบัติตามสิ่งที่ท่านนบีมุฮัมมัด ได้ชี้แนะไว้ในฮะดีษที่ซอเฮี๊ยะฮ์ โดยที่ท่านนบีมุฮัมมัด ได้กล่าวไว้ว่า…
“ ท่านทั้งหลาย จงมองดูผู้ที่มีฐานะต่ำกว่าพวกท่าน และอย่าได้มองดูผู้ที่มีฐานะสูงกว่าพวกท่าน
เพราะว่า มันเหมาะสมกว่าในการที่พวกท่านจะไม่ไปดูถูกดูแคลนความโปรดปรานของอัลลอฮ์ ที่มีต่อพวกท่าน”
(บันทึกโดย อิหมามบุคอรีย์และอิหมามมุสลิม)
แท้จริง เมื่อบ่าวนำเอาคำเตือนสติอันสูงส่งมาพิจารณาไตร่ตรอง จะพบว่าตนนั้นยังดีกว่าคนอื่นๆอีกเป็นจำนวนมาก ในการมีสุขภาพดี ปัจจัยยังชีพที่ได้มา แม้เขาจะมีสภาพที่หนักหนาขนาดไหนก็ตาม ความกังวล ความกลุ้มอกกลุ้มใจ และความเศร้าหมองก็จะมลายหายไป ความปลาบปลื้ม ความปิติยินดีในความโปรดปรานของอัลลอฮ์ ที่เขามีเหนือกว่าผู้อื่นก็จะเพิ่มพูนขึ้น
ทุกครั้งที่ผู้เป็นบ่าวได้พินิจพิจารณา ถึงความโปรดปรานของอัลลอฮ์ ทั้งที่ปรากฏชัดและไม่ปรากฏชัด ทั้งทางด้านศาสนาและในโลกนี้ เขาจะเห็นว่าพระผู้เป็นเจ้าได้ประทานความดีมากมาย และทรงขจัดความชั่วร้ายต่างๆให้หมดไปจากเขา และจะเป็นแรงผลักดันความกลุ้มอกกลุ้มใจ และความเศร้าหมองต่างๆให้ออกไป จนทำให้เกิดความดีออกดีใจ และความปลาบปลื้มใจขึ้นมาแทนที่
ความพยายามในการขจัดสิ่งที่ทำให้เกิดความเศร้าหมอง และทำให้ได้มาซึ่งความปลาบปลื้มใจ ด้วยการลืมสิ่งที่ไม่ดีที่ได้ผ่านมา โดยที่เขาไม่สามารถจะป้องกันได้ การเข้าไปพะวงเป็นการหมกมุ่นอยู่กับเรื่องที่เหลวไหลไร้สาระ เป็นความโง่เขลา งมงาย ดังนั้นเขาจะต้องบังคับจิตใจไม่ให้มีความกังวลในเรื่องที่จินตนาการไปเอง เขาต้องรู้ว่าเรื่องราวที่จะมีมาในวันข้างหน้ามันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความดีความชั่ว ความหวัง และความปวดร้าวต่างๆทั้งหมดล้วนอยู่ในพระหัตถ์ของอัลลอฮ์ ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงรอบรู้ ไม่ได้อยู่ในมือของบ่าวคนใดเลยแม้แต่น้อย
ผู้เป็นบ่าวต้องใช้ความอุตสาหะในการทำสิ่งที่ดีต่างๆ และขจัดสิ่งที่เป็นพิษภัยออกไป เพราะเมื่อมัวแต่ไปคิดในเรื่องที่มีความกังวลอยู่ กับการหันไปพึ่งพาอาศัยพระผู้เป็นเจ้าในการปรับปรุงจิตใจให้ดีขึ้น ให้มีใจที่สงบ หัวใจของเขาก็จะมีความสุข สภาพต่างๆจะดีขึ้น ความกลุ้มอกกลุ้มใจ ความกังวลจะมลายหายไป
สิ่งที่ให้ผลดีที่สุด ในการคาดการณ์เรื่องราวต่างๆ คือ การใช้คำวิงวอน(ดุอาอ์)ที่ท่านนบีมุฮัมมัด ได้นำมาใช้ที่กล่าวว่า...
“ ข้าแต่ อัลลอฮ์ ขอพระองค์ทรงปรับปรุงแก้ไขศาสนาของข้าพระองค์ให้แก่ข้าพระองค์ให้แก่ข้าพระองค์
ที่ซึ่งเป็นเครื่องคุ้มครองเรื่องราวของข้าพระองค์
ขอพระองค์ทรงปรับปรุงโลกนี้ของข้าพระองค์ให้แก่ข้าพระองค์ ซึ่งในนั้นมีเครื่องประทังชีวิตของข้าพระองค์
ขอพระองค์ทรงปรับปรุงให้แก่โลกหน้าของข้าพระองค์ ซึ่งในนั้น คือที่กลับไปของข้าพระองค์
และขอพระองค์ทรงทำให้การมีชีวิตอยู่ เป็นการเพิ่มพูนความดีแก่ข้าพระองค์
และขอพระองค์ทรงทำให้การตายนั้นเป็นการทำให้ข้าพระองค์ปลอดจากความชั่วร้ายทุกอย่าง ด้วยเถิด “
(บันทึกโดย อิหมามมุสลิม)
เช่นเดียวในคำกล่าวท่านนบีมุฮัมมัด ที่กล่าวว่า...
“ข้าแต่อัลลอฮ์ ด้วยกับความเมตตาของพระองค์ ที่ข้าพระองค์มีความหวัง
ขอพระองค์อย่าได้ทรงปล่อยข้าพระองค์ไว้เพียงลำพัง แม้เพียงชั่วกะพริบตาเดียว
และขอพระองค์ได้ปรับปรุงแก้ไขกิจการทั้งมวลให้แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด
ไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากพระองค์ท่านเท่านั้น”
(บันทึกโดย อบูดาวู๊ด)
เมื่อผู้เป็นบ่าวได้นำคำวิงวอนนี้มาใช้ด้วยจิตใจจดจ่อ การตั้งใจที่แน่วแน่ พร้อมกับรู้ความหมายเพื่อทำให้จิตใจมุ่งมั่นในความสำเร็จ แล้วอัลลอฮ์จะทรงทำให้สิ่งที่เขาวิงวอนขอ คาดหวังไว้ได้ประสบกับความสำเร็จ ความกลุ้มอกกลุ้มใจก็จะกลับกลายเป็นความดีอกดีใจและความปลาบปลื้มใจในที่สุด
จากหนังสือ" สื่อแห่งความสุข"