การเข้ารับอิสลามของท่านอุมัร
  จำนวนคนเข้าชม  20894

การเข้ารับอิสลามของท่านอุมัรฺ

           อิสลามได้ประจักษ์ขึ้น ณ นครมักกะห์ (ซึ่งเป็นศูนย์รวมของเผ่าอาหรับต่างๆ) อุมัรฺได้ยินมาว่า มูฮัมหมัด เชิญชวนมวลมนุษย์ให้เคารพสักการะพระผู้เป็นเจ้า (อัลเลาะห์) องค์เดียว อุมัรฺโกรธแค้นมูฮัมหมัดและศาสนาของท่านมาก เขาได้ถามตัวเองว่า มูฮัมหมัดกล้าดีอย่างไรถึงได้เชิญชวนมวลมนุษย์ให้ละทิ้งการเคารพสักการะ “ฮุบัล” “อัลลาต” “อัลอุสซา” และรูปปั้นตัวอื่นๆ ให้หันมาเคารพสักการะอัลเลาะห์องค์เดียวเท่านั้น พระเจ้าที่ตาไม่อาจมองเห็น มือไม่สามารถสัมผัสได้ เช่นเดียวกับที่ชาวกุเรชได้สัมผัสกับรูปปั้นในกะอฺบะห์ และอุมัรก็สามารถว่าเขาได้จะไม่ละเว้นมุสลิมคนใดคนหนึ่งที่ได้พบ นอกจากจะทำร้าย ดูถูก และกลั่นแกล้งรังแกเขา! ดังนั้น อุมัรจึงเริ่มตบตีชาวมุสลิมที่อ่อนแอทุกคน ให้พวกเขาได้ลิ้มรสการทรมานหลายแบบหลายชนิด หากพวกมุสลิมออกมาเดินตามท้องถนน เขาก็จะตีหลังพวกเขาเหล่านั้น พร้อมทั้งขว้างปาทรายใส่ลงบนหัว และหากเห็นมุสลิมละหมาด หรือก้มลงสุหญูด เขาก็จะขว้างเศษผงหรือสิ่งสกปรกใส่
             
            ชาวมุสลิมเคยบ่นและระบายความทุกข์ร้อนที่ประสบกับพวกเขาให้ท่านนบี ฟังเกี่ยวกับความยากลำบากที่พวกเขาได้รับจาก “อุมัรฺ” และ “อบี ญะฮลฺ” เพราะทั้งสองถือเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาที่มีจิตใจโหดเหี้ยมมากที่สุด ท่านรอซูลได้รับฟังความทุกข์ร้อนของบรรดามุสลิมีนด้วยความรู้สึกสะเทือนใจ และเห็นใจกับสิ่งที่บรรดามุสลิมีนได้ประสบอยู่เพื่อหนทางของอัลเลาะห์ ท่านรอซูลไม่สามารถช่วยอะไรพวกเขาได้ นอกจากจะยกมือทั้งสองของท่านขึ้นวิงวอนขอต่อพระองค์อัลเลาะห์ว่า :

         “ข้าแต่อัลเลาะห์ โปรดทรงให้ศาสนาอิสลามได้รับความเจริญก้าวหน้าด้วยคนหนึ่งคนใดในสองคนอันเป็นที่รักแก่พระองค์”
(หมายถึง การยอมเขารับนับถือศาสนาอิสลามของคนใดคนหนึ่งจากสองท่าน คือ ท่านอุมัรฺ บินค็อฏฏอบ หรือ อบูญะฮฺล ซึ่งมีชื่อว่า อัมรฺ อิบนิ ฮิชาม)

           ในขณะที่อุมัรเดินอยู่ระหว่างทางในมักกะห์ พร้อมกับดาบที่ห้อยข้างแขน เขาก็ได้พบกับเพื่อนคนหนึ่ง

เพื่อนคนนั้นได้ถามอุมัรว่า :
           
           จะไปไหนหรือ โอ้บุตร อัลค็อฏฏอบ?

อุมัรฺ :

         ฉันกำลังตามหา “มูฮัมหมัด” .......

เพื่อน :

         ท่านต้องการอะไรจากมูฮัมหมัด?

อุมัรฺ :
         ฉันจะฟันเขาด้วยดาบอันนี้ของฉัน เพื่อที่ชาวมักกะห์จะได้หมดสิ้นความเดือดร้อนอันเนื่องมาจากตัวเขา และเวทย์มนต์ของเขา

เพื่อน :

         แล้วท่านคิดว่าบรรดาตระกูล “บนี ฮาชิม”(ซึ่งเป็นต้นตระกูลของท่านนบีมูฮัมหมัด) จะปล่อยให้ท่านฆ่าเขาตายง่ายๆ โดยไม่เข้าทำร้ายหรือฆ่าท่านอย่างนั้นหรือ? โอ้...ท่านอุมัรฺ ท่านอย่าทำเช่นนั้นเลย ก่อนอื่นท่านควรจะอบรมญาติของท่านก่อนเถิด

อุมัรฺ :

         แล้วญาติของฉันทำอะไรล่ะ?

เพื่อน :

         ท่านไม่รู้หรอกหรือ ว่าฟาติมะห์น้องสาวของท่าน และสะอีด บินซัยดฺ สามีของนาง ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับท่าน ได้ออกไปจากศาสนาของเราแล้ว และได้ติดตามศาสนาของมูฮัมหมัดอย่างลับๆ เขาทั้งสองได้กลายเป็นมุสลิมไปเสียแล้ว!

          ใจของอุมัรเต้นแรงขึ้นด้วยความโกรธ จนใบหน้าแดงก่ำเป็นสีเลือด เขาไม่รอช้ารีบวิ่งไปยังบ้านฟาติมะห์ผู้เป็นน้องสาวอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงหน้าประตู อุมัรฺได้ยินเสียงดังมาจากข้างใน ซึ่งในขณะนั้นสาวกของท่านรอซูล ท่านหนึ่งชื่อว่า ค็อบบ๊าบกำลังอ่านอัลกุรอานที่เขียนบนกระดานไม้ให้ทั้งสองฟัง อุมัรฺรีบเคาะประตูอย่างแรง

สะอี๊ดถามว่า :

         ใครอยู่ที่ประตู?

เสียงตอบมาว่า :

          ข้าคืออุมัรฺ
         
           เมื่อทุกๆคนได้ยินชื่อนี้ก็เกิดอาการตื่นตระหนก ผวา และตื่นตกใจ ท่านค็อบบ๊าบรีบหลบเข้าไปหลังบ้าน นางฟาติมะห์รีบหยิบกระดานไม้แผ่นนั้นซ่อนไว้ใต้ตักของนาง ส่วนสะอี๊ดก็รีบเดินไปเปิดประตู อุมัรฺก้าวเข้ามาในบ้านด้วยสายตาที่ลุกวาวประดุจเปลวเพลิง พร้อมทั้งกล่าวว่า :

          อะไรที่ฉันเพิ่งได้ยินเมื่อครู่นี้ พวกท่านพูดอะไรที่แปลกมาก

ท่านสะอี๊ดมองไปยังท่านอุมัรฺ และพูดว่า :

            เหตุใดท่านถึงโมโหขนาดนั้นเล่าอุมัร?

ท่านอุมัรฺตอบว่า :
 
           จะไม่ให้ฉันโมโหได้อย่างไร ในเมื่อฉันได้ยินว่าเจ้าทั้งสองได้ติดตามศาสนาของมูฮัมหมัด และเป็นชาวมุสลิมไปแล้ว

สะอี๊ดจึงพูดว่า :

           ใจเย็นๆเถอะท่านอุมัรฺ ถ้าท่านใช้สมองของท่านและคิดในสิ่งที่มูฮัมหมัดนำมา ฉันเชื่อว่าท่านจะต้องเข้าอิสลามก่อนพวกเราแน่ เพราะศาสนาอิสลามที่ท่านมูฮัมหมัดประกาศนั้น เชิญชวนให้ทำสิ่งที่ดีงาม และห้ามทำในสิ่งชั่วร้าย เชิญชวนให้มนุษย์ทั้งหลายเป็นพี่น้องที่รักใครซึ่งกันและกัน ไม่มีการแบ่งแยกระหว่างคนจนหรือคนรวย ความสูงศักดิ์หรือความต่ำต้อย นอกจากความยำเกรงในอัลเลาะห์เท่านั้น
 
           อุมัรดึงสะอี๊ดเข้ามาหาพร้อมทั้งบีบคอ จนวิญญาณของสะอี๊ดเกือบจะหลุดออกจากร่าง เมื่อนางฟาติมะห์เห็นเช่นนั้น นางโกรธมากที่พี่ชายกระทำกับสามีของนาง ด้วยความคับแค้นใจที่เปี่ยมล้นอยู่ในอก น้ำตาที่เอ่อล้นอยู่ในเบ้าตาของนางก็ได้ไหลออกมา นางลุกขึ้นจากที่โดยเร็ว บอกกับพี่ชายว่า :

           ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้นะอุมัร เขามีสิทธิที่จะเลือกศาสนาที่เขาเห็นชอบ

           พร้อมทั้งเข้าไปช่วยสามีให้หลุดพ้นออกมาจากเงื้อมมือของพี่ชาย อุมัรฺจึงหันมาตบหน้านางจนกระทั่งเลือดไหลออกเป็นทาง นางฟาติมะห์บอกกับอุมัรฺด้วยความเจ็บปวดว่า :

           เราเข้ารับอิสลามแล้ว เราเข้ารับอิสลามแล้ว จงทำกับเราตามที่ท่านต้องการเถิด เชือดเราสิ ฆ่าเราสิ แต่เรามีพระเจ้าที่คุ้มครองเรา พระเจ้าที่เมตตาเรา ให้เราหลุดพ้นจากคนที่ไร้มนุษยธรรมโหดร้ายเช่นท่าน

โปรดติดตามตอนต่อไป


การเข้ารับอิสลามของท่านอุมัรฺ 2 >>>Click