คำสั่งเสียให้ปฏิบัติต่อสตรีด้วยดี
  จำนวนคนเข้าชม  15721

คำสั่งเสียให้ปฏิบัติต่อสตรีด้วยดี

จากอัลกุรอาน

อัลเลาะห์ตรัสว่า :

           “และจงอยู่ร่วมกับนางด้วยดี”
            (ซูเราะห์ อันนิซาอฺ อายะห์ที่ 19)

            “และพวกเจ้าไม่สามารถที่จะให้ความยุติธรรมในระหว่างบรรดาหญิง(ภรรยา)ได้เลย แม้ว่าพวกเจ้าจะพยายามอย่างยิ่งก็ตาม ดังนั้น พวกเจ้าจงอย่าเอียงไปจนหมด แล้วพวกเจ้าก็จะปล่อยให้บรรดานางที่ถูกทอดทิ้งนั้น ประหนึ่งเป็นผู้ที่ถูกแขวนไว้ และหากพวกเจาประนีประนอมกัน และมีความยำเกรงแล้ว แท้จริงอัลเลาะห์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ”
             (ซูเราะห์ อันนิซาอฺ อายะห์ที่ 129)


จากอัลหะดีษ

หะดีษที่ 1

             รายงานจากอบีฮุรอยเราะห์ กล่าวว่า ท่านรอซูล กล่าวว่า :

           “ท่านทั้งหลาย จงรับคำสั่งเสียของฉัน ที่ให้ปฏิบัติต่อสตรีด้วยดีไว้เถิด แท้จริงสตรีถูกบังเกิดมาจากซี่โครง (หมายถึง อัลเลาะห์ทรงบังเกิดฮาวา มาจากซี่โครงของอาดัม) และแท้จริงซี่โครงที่งอที่สุดนั้นก็คือ อันที่อยู่ด้านบน (หมายถึงอันตรายของสตรีนั้นอยู่ที่ลิ้ของนาง) ถ้าหากท่านดัดซี่โครงอันบนให้ตรงท่านก็ต้องหักมัน (เพราะมันไม่สามารถรับการดัดให้ตรงได้) ถ้าหากท่านปล่อยไว้ (โดยไม่ดัดใดๆเลย) มันก็จะคงอยู่แบบโค้งงอตามสภาพ ดังนั้นท่านทังหลายจงรับคำสั่งเสียของฉัน ที่ให้ปฏิบัติต่อสตรีด้วยดีไว้เถิด”

(บันทึกโดยบุคอรีย์ และมุสลิม)
ดูในบุคอรีย์ เล่ม 6 หน้า 261 , 262 และดูในมุสลิม หะดีษเลขที่ 1468

อีกสำนวนหนึ่ง บันทึกไว้ในศอฮีฮ์บุคอรีย์ และมุสลิม เช่นเดียวกันกล่าวว่า :

           “สตรีนั้นเหมืนกับซี่โครง(ในด้านโค้งงอ) ถ้าหากท่านดัดให้ตรง ท่านก็ต้องหัก ถ้าหากท่านอยู่กับนางอย่างสุขสำราญ ท่านก็สุขสำราญโดยที่นางคงอยู่อย่างนั้น”

อีกสำนวนหนึ่งในมุสลิมกล่าวว่า :


  
               “แท้จริงสตรีนั้นถูกบังเกิดมาจากซี่โครง ท่านไม่อาจดัดให้ตรงตามแนวทางที่ท่านพอใจได้ ถ้าหากท่านจะสุขสำราญกับนาง ก็จะต้องสุขสำราญไปกับความโค้งงอนั้น ถ้าหากท่านพยายามดัดให้ตรง ท่านก็จะต้องหักมัน และการหักมันก็คือ ต้องหย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยากัน”

คำอธิบาย

               สามีคนหนึ่งได้มาหาท่านรอซูล เขาร้องเรียนเกี่ยวกับความประพฤติของภรรยาของเขา ท่านรอซูลก็พยายามช่วยแก้ปัญหาให้ ท่านรอซูลอธิบายถึงธรรมชาติของสตรีให้บรรดาศ่อฮาบะห์ทราบ และท่านแนะนำให้สามีทุกคนตองควบคุมดูแลภรรยาของตน ให้อยู่ในแนวทางแห่งอิสลามอย่างแท้จริง จะต้องเน้นในด้านการเชื่อฟัง และการปฏิบัติตามสามีให้มาก และการมีมารยาทดีตามที่อิสลามต้องการนอกจากนี้แล้วท่านรอซูล (ซ.ล.) กำชับผู้เป็นสามีให้คำนึงถึงธรรมชาติแห่งความเป็นผู้หญิง อย่าได้ใช้ความรุนแรงในการแนะนำสั่งสอน อย่าแข็งกระด้าง หรือเอาแต่อำเภอใจโดยไม่มีสติ
                แนวทางในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอุปนิสัยของสตรีนั้น ให้ยึดถือคำสอนจากคัมภีร์อัลกูรอานที่ว่า :

               “และจงอยู่ร่วมกับพวกนางด้วยดี หากพวกเจ้าเกลียดพวกนาง ก็อาจเป็นไปได้ว่า การที่พวกเจ้าเกลียดสิ่งหนึ่ง ขณะเดียวกัน อัลเลาะห์ก็ทรงให้มีในสิ่งนั้นซึ่งความดีอันมากมาย”
(ซูเราะห์ อันนิซาอฺ อายะห์ที่ 4-19)

                และอัลกุรอานที่ว่า :
                “และบรรดาชายนั้นคือ ผู้ทำหน้าที่ปกครองเลี้ยงดูบรรดาหญิง เนื่องด้วยการที่อัลเลาะห์ได้ทรงให้บางคนของพวกเขาเหนือกว่าอีกบางคน และด้วยการที่พวกเขาได้จ่ายไปจากทรัพย์ของพวกเขาบรรดากุลสตรีนั้นคือผู้จงรักภักดี ผู้รักษาทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ลับหลังสามี เนื่องด้วยสิ่งที่อัลเลาะห์ทรงรักษาไว้ และบรรดาหญิงที่พวกเจ้าหวั่นเกรงในความดื้อดึงของนางนั้น ก็จงกล่าวตักเตือนนาง และทอดทิ้งนางไว้แต่ลำพังในที่นอน และจงเฆี่ยนนาง แต่ถ้าหากนางเชื่อฟังพวกเจ้าแล้ว ก็จงอย่าหาทางเอาเรื่องแก่นาง”
(ซูเราะห์ อันนิซาอฺ อายะห์ที่ 4-34)

             ท่านรอซูล ตักเตือนผู้ที่ไม่เข้าใจถึงแก่นแท้ของความเป็นสตรี มุ่งมั่นแต่จะดัดนิสัยภรรยาให้อยู่มือ โดยลืมนึกถึงธรรมชาติของความเป็นสตรี ในที่สุดก็ถึงจุดแตกหัก ต้องหย่าร้างกันทั้งๆที่เคยอยู่กินกันมานาน ท่านรอซูลแนะนำไว้ว่าในเรื่องนี้จะต้องมีผ่อนหนักผ่อนเบาผสมผสานกัน ตราบใดที่นางไม่ได้กระทำความผิดร้ายแรงถึงขั้นฮะรอม(ต้องห้าม) หรือตราบใดที่นางไม่ได้ดื้อดึงอยู่ในความชั่วก็ให้ฝ่ายชายอดทน อยู่กินกับนางไปเรื่อยๆ โดยยับยั้งชั่งใจไว้ หรือถ้าหากอดทนไม่ไหวก็จงปล่อยนางไป(หย่า) ดีกว่าที่จะต้องอยู่กับนาง รับผิดชอบต่อความไม่เอาไหนของนาง อิสลามนั้นปรารถนาให้ชีวิตคู่นั้นประสบความสำเร็จ ทั้งนี้จะต้องยืนอยู่บนรากฐานแห่งความเป็นจริง และจะต้องไม่มีอุปสรรคขัดขวางแนวทางไปสู่ความสุขนั้น

สิ่งที่ได้รับจากหะดีษนี้

1. สามีจะต้องไม่ใช้ความรุนแรงในการอบรมภรรยา
2. สามีจะต้องรู้จักใช้สมอง ผ่อนหนักผ่อนเบาในการดัดนิสัยภรรยา
3. สอนให้ผู้อบรมจะต้องรู้ซึ้งถึงสภาพอันแท้จริงของผู้ที่ถูกอบรมเสียก่อน
4. พระนางฮาวา ถูกบังเกิดมาจากซี่โครงด้านซ้ายของท่านนบีอาดัม เป็นเรื่องจริง

หะดีษที่ 2

รายงานจากอบีฮุรอยเราะห์ กล่าวว่า ท่านรอซูลกล่าวว่า :

         ชายผู้ศรัทธาอย่าเกลียดหญิงผู้ศรัทธา ถ้าหากเขาเกลียดนางในเรื่องมารยาทอย่างหนึ่งอย่างใด ก็ขอให้พึงพอใจนางในเรื่องอื่นๆ

             หรือท่านนบีกล่าวว่า :
                       
           “ฆอยร่อฮู” (อื่นจากมารยาทอันนั้น) แทนคำว่า “อาค่อร่อ” (เรื่องอื่นๆ) ผู้รายงานหะดีษ ไม่แน่ใจว่าท่านนบีกล่าวคำไหนแน่

บันทึกโดยมุสลิม
(ดูในมุสลิม หะดีษเลขที่ 1469)

คำอธิบาย

            การรู้จักยับยั้งชั่งใจ เป็นสิ่งสำคัญเมื่อจำเป็นจะต้องตัดสินเรื่องราว กับผู้ที่มีความสัมพันธ์กันอย่างแนบแน่น เช่นภรรยา กล่าวคือ สามีจะต้องไม่มองนางด้วยสายตาที่เป็นไปในแง่ลบเสียทุกอย่าง โดยไม่คิดคำนึงถึงคุณงามความดีอื่นๆของนาง ถ้าหากเอาแต่จ้องจะจับผิด ตำหนิกันอยู่ร่ำไป ก็จะตำหนิกันได้ทุกเวลานาที เนื่องจากความสมบูรณ์นั้น จะมีอยู่ที่อัลเลาะห์องค์เดียวเท่านั้น มนุษย์ย่อมมีผิดพลาด แต่ก็แก้ไขได้ ทำใหม่ให้ดีขึ้นกว่าเก่า เพื่อเป็นการรักษาไว้ซึ่งสัมพันธ์อันดีต่อกันระหว่างสามีภรรยา

สิ่งที่ได้รับจากหะดีษนี้

1. สามีอย่าเกลียดการกระทำของภรรยาไปเสียหมดทุกๆอย่าง จนเป็นเหตุทำให้ต้องแยกทางกัน
2. สามีจะต้องมองดูคุณงานความดีของภรรยาไว้บ้าง และชอบให้ให้อภัยในสิ่งที่นางทำพลาดไป
3. สตรีส่วนมากจะมีทั้งความดี และไม่ดีอยู่ในตัว ไม่มีสตรีคนใดจะดีเลิศหรือเลวร้ายไปเสียทุกอย่าง
4. สามีต้องใช้ความพินิจพิจารณาในการแก้ไขปัญหาครอบครัว


หะดีษที่ 3


                  รายงานจาก อัมรฺ อิบนิ อะห์วัศ อัลญุชะมีย์ ว่า แท้จริงเขาได้ยินท่านนบี กล่าวในครั้งทำฮัจญ์อำลา ภายหลังจากสรรเสริญอัลเลาะห์ และสดุดีต่อพระองค์ กล่าวคำรำลึกถึงพระองค์ และกล่าวคำตักเตือน หลังจากนั้นท่านได้กล่าวว่า : …………………………………
 
                    พึงทราบเถิดว่า ท่านทั้งหลายจงรับคำสั่งเสียของฉัน ที่ให้ท่านทั้งหลายปฏิบัติต่อสตรีด้วยดีไว้เถิด แท้จริงนางเหล่านั้นเป็นเช่นเชลยของพวกท่าน (ท่านนบีเปรียบสตรีเหมือนเชลย ต้องอยู่ภายใต้การตัดสินของผู้เป็นสามี) ท่านทั้งหลายไม่ได้ครอบครองนางไว้สักสิ่งหนึ่งสิ่งใด เว้นแต่เรื่องนั้น (คือเรื่องให้ความสุข เอาใจสามี ดูแลทรัพย์สินของสามี) เว้นแต่นางกระทำความชั่ว (ทรยศ) อย่างชัดแจ้ง ถ้าหากนางกระทำเช่นนั้น ก็จงละเว้นการร่วมหลับนอนด้วยกัน (อย่านอนห่มผ้าผืนเดียวกัน) และจงเฆี่ยนตีนางได้ เป็นการเฆี่ยนตีชนิดที่ไม่ต้องก่อให้เกิดความบอบช้ำ หรือบาดแผล ถ้าหากนางเชื่อฟังและปฏิบัติตามพวกท่านแล้ว ก็ไม่ต้องหาทางที่จะเล่นงานนางอีก
       
                 พึงทราบเถิดว่า แท้จริงท่านมีสิทธิที่จำเป็นสำหรับภรรยาจะต้องปฏิบัติให้ และภรรยาของท่านก็มีสิทธิที่จำเป็นสำหรับสามีจะต้องปฏิบัติให้

                สิทธิของพวกท่านที่จำเป็นสำหรับนางจะต้องดูแลปฏิบัติก็คือ อย่าให้คนที่ท่านเกลียด นั่งบนที่นอน อย่ายอมให้ผู้ที่ท่านเกลียดเข้ามาในบ้าน

               พึงทราบเถิดว่า สิทธิของนางที่จำเป็นสำหรับพวกท่านต้องดูแลปฏิบัติก็คือ จะต้องหาเครื่องนุ่งห่ม เสื้อผ้าอาภรณ์ และอาหารให้แก่พวกนาง

บันทึกโดย ติรมิซีย์ ท่านกล่าวว่า หะดีษ หะซัน ซอฮีฮ
(ดูในติรมิซีย์  หะดีษเลขที่ 1163)

คำอธิบาย

             ท่านรอซูล ได้ทำฮัจญ์ครั้งอำลาชีวิต ท่านได้กล่าวคุตบะห์ที่มีความหมายครอบคลุมถึงการทำความดี และท่านกล่าวถึงการป้องกันสิ่งเลวร้ายไว้หลายอย่าง ท่านรอซูล พูดถึงเรื่องของสตรี ท่านสั่งเสียให้ปฏิบัติต่อสตรีด้วยดี ให้อยู่กินกับนางด้วยความรักเห็นอกเห็นใจ ท่านกล่าวว่า สามีนั้นถือสิทธิ์ในตัวของภรรยา ด้วยสัญญาผูกมัดในการแต่งงาน สามีจึงมีหน้าที่ดูแลคุ้มครอง และรับผิดชอบในตัวของนาง ถึงอย่างไรก็ตาม สามีไม่มีสิทธิ์ที่จะทำรุนแรงใดๆ เว้นแต่กระทำไปเพื่อหวังดีเพื่อรักษานางไว้ไม่ให้นางเป็นผู้ทำลายเกียรติของสามี

              ถ้าหากนางประพฤติผิด ก็ให้สามีว่ากล่าวตักเตือนเป็นอันดับแรก ถ้าหากยังไม่ยอมเชื่อฟังก็ให้แยกที่นอน ไม่ต้องนอนร่วมกับนาง ไม่ยอมสนิทสนมกับนางเหมือนก่อน ทั้งนี้เพื่อให้นางรู้สึกตัว และสำนึกผิด แต่ถ้าหากนางยังไม่กลับตัวก็ให้ใช้มาตรการหนักข้อยิ่งขึ้น เช่น เฆี่ยนตี แต่ไม่ใช่เฆี่ยนตีอย่างทารุณโหดร้าย จนเกิดบาดแผล ให้กระทำได้ในขอบเขตเพียงเพื่อเป็นการสั่งสอนเท่านั้น และถ้าหากนางกลับมาประพฤติดี ก็ให้อยู่กินกับนางต่อไป
 
            ท่านรอซูล แจ้งให้ทราบว่า ภรรยาจะต้องไม่อนุญาตให้ผู้ที่สามีไม่ชอบ เข้าบ้าน และนางจะต้องไม่อยู่กับชายแปลกหน้าตามลำพัง เพราะอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้         
         
            และท่านรอซูล กล่าวถึงผู้เป็นสามีว่า เขาจะต้องปฏิบัติต่อภรรยาด้วยดี คอยดูแลเอาใจใส่เรื่องอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัยและค่าใช้จ่ายต่างๆ อย่าให้บกพร่อง ทั้งสามีและภรรยาจะต้องรู้สิทธิ์ และหน้าที่ของกันและกัน ก็จะทำให้เรือแห่งชีวิตคู่ แล่นไปได้ในโลกนี้ ด้วยความสุขจนกระทั่งถึงฝั่ง

สิ่งที่ได้รับจากหะดีษนี้

1. ทุกครั้งที่กล่าวคำปราศรัยให้เริ่มด้วยคำกล่าวสรรเสริญอัลเลาะห์ (คือเริ่มด้วยคำกล่าว “อัลฮัมดุลิลลาห์”)
2. เมื่อภรรยาทรยศให้สามีปฏิบัติตามลำดับดังนี้
       ก.   ว่ากล่าวตักเตือน
       ข.   แยกที่นอน
       ค.   เฆี่ยนตีเพื่อสั่งสอน
3. ภรรยาจะให้ผู้หนึ่งเข้าบ้านก่อนได้รับอนุญาตจากสามีไม่ได้ จะจับจ่ายทรัพย์สามีก่อนได้รับอนุญาตไม่ได้
4. สามีจะต้องดูแลให้ความสะดวกในเรื่องของเครื่องอุปโภค บริโภคแก่ภรรยา และจะต้องให้เกียรติแก่นางตามความเหมาะสม


หะดีษที่ 4


รายงานจากมุอาวิยะห์ อิบนิ ฮัยดะห์ กล่าวว่า :

ฉันถามท่านรอซูลว่า :

            โอ้ท่านรอซูล สิทธิของภรรยาคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเรา ซึ่งจำเป็นสำหรับสามี จะต้องปฏิบัติให้แก่นางนั้นมีอะไรบ้าง

ท่านรอซูลตอบว่า :

             ท่านต้องให้อาหารแก่นางเมื่อท่านรับประทานอาหาร ท่านต้องให้เครื่องนุ่งห่มแก่นางเมื่อท่านนุ่งห่ม และท่านอย่าตบตีใบหน้า อย่าพูดว่า ขอให้อัลเลาะห์ให้เธอมีใบหน้าอัปลักษณ์ อย่าทอดทิ้งนาง (ในช่วงที่นางทรยศ) นอกจากให้นางอยู่ในบ้าน (หมายถึงให้งดการร่วมหลับนอนกับนาง แต่ไม่ต้องงดการพูดจา)

บันทึกโดยอบูดาวูด หะดีษ หะซัน
(ดูในอบูดาวูด หะดีษเลขที่ 2142)

คำอธิบาย

               มีศอฮาบะห์ท่านหนึ่งถามท่านรอซูล ในเรื่องสิทธิ์ของภรรยาที่จำเป็นสำหรับสามี จะต้องปฏิบัติต่อนาง ท่านรอซูล ตอบว่า สามีจะต้องให้อาหารแก่นางเช่นเดียวกับให้อาหารแก่ตัวเอง จะต้องให้เครื่องนุ่งห่ม เหมือนกับที่ตัวเองต้องการเครื่องนุ่งห่ม จะต้องปฏิบัติต่อนางด้วยดี ไม่หาเรื่องทะเลาะวิวาท ไม่สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้นาง ด้วยการพูดย้ำถึงข้อบกพร่องของนาง ในเรื่องมารยาท หรือรูปร่าง ลักษณะท่าทาง และจะต้องไม่เปิดเผยให้ผู้คนภายนอกรู้เรื่องความบาดหมางระหว่างกันที่เกิดขึ้นเป็นบางครั้ง

              ท่านรอซูล แนะนำให้เลือกคู่ครองที่เป็นคนดี เพื่อจะได้ไม่ลำบากใจในภายหลัง และสามีนั้นจะต้องอดทนสภาพของภรรยาที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น ในขณะที่เจ็บไข้ หรือตั้งครรภ์ เป็นต้น

              จะเห็นได้ว่าศาสนาอิสลามนั้น ให้หลักประกันแก่สตรีเพศ และแนะนำให้นางรู้ในสิ่งที่ถูกที่ควร เพื่อช่วยแก้ปัญหาที่จะตามมาในภายหลังด้วยความห่วงใย

สิ่งที่ได้รับจากหะดีษนี้

1. ห้ามไม่ให้สามีตบตีใบหน้าภรรยา
2. ห้ามไม่ให้สามีกล่าวคำตำหนิติเตียนรูปโฉมของภรรยา
3. สามีจะต้องหาเครื่องนุ่งห่มที่เหมาะสมกับฤดูกาลให้แก่ภรรยา
4. การแยกที่นอนเป็นอีกวิธีหนึ่งเพื่อให้นางสำนึกผิด และกลับตัวเป็นภรรยาที่ดีต่อไป

โปรดติดตามตอนต่อไป


คำสั่งเสียให้ปฏิบัติต่อสตรีด้วยดี 2 >>>Click