การสรรเสริญสดุดีของนักวิชาการต่อซอฮาบะฮฺสตรีที่มาจาก “อะฮฺลุ้ลบัยติ” 2
  จำนวนคนเข้าชม  3965

ثناء بعض أهل العلم على جماعة من الصحابياة من أهل البيت

การสรรเสริญสดุดีของนักวิชาการอิสลาม ต่อบรรดาซอฮาบะฮฺสตรีที่มาจาก “อะฮฺลุ้ลบัยติ”

ตอนที่ 2

 

อุมมุลมุอฺมินีน ท่านหญิง อุมมุ ซะละมะฮฺ ฮินดุ บินตุ อบีอุมัยยะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา

          ท่านอัซซะฮะบีย์ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “อัซซิยะริ” (เล่มที่ 2 หน้าที่ 201-203) ว่า “ท่านหญิงเป็นผู้ปกปิดร่างกายมิดชิด เป็นผู้มีจิตใจสะอาด เป็นหนึ่งในบรรดาหญิงที่อพยพมาในยุคต้นๆ และนับว่า ท่านหญิงเป็นผู้มีความเข้าใจในศาสนาอย่างลึกซึ้ง(ฟุก็อฮาอฺ) คนหนึ่ง ในหมู่ซอฮาบียะฮฺ”

          ท่านยะฮฺยา อิบนุ อบูบักรฺ อัลอามิรีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “อัรริยาฏ อัลมุซตะฏอบะฮฺ” (ในหน้าที่ 324) ว่า ท่านหญิงเป็นหญิงที่ประเสริฐ เป็นผู้มีความสุขุมรอบคอบ และท่านหญิงคือ ผู้ที่ได้ให้คำแนะนำ ท่านนบี  โกนศีรษะของท่าน และให้เชือด “ฮัดย์” (สัตว์พลี) ในวันฮุดัยบียะฮฺ (วันที่มีการประนีประนอมกันระหว่างฝ่ายท่านนบี กับฝ่ายมุชริกีน ณ ที่ตำบลฮุดัยบียะฮฺ) และเธอได้เห็นญิบรีลในรูปของ “ดิฮฺยะฮฺ” (ดิฮฺญะฮฺ อิบนุ คอลีฟะฮฺ เป็นซอฮาบะฮฺท่านหนึ่ง มีรูปร่างสง่างาม)

 อุมุลมุอฺมินีน ท่านหญิง ซัยนับ บันตุ คุซัยมะฮฺ อัลฮิลาลียะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา

          ท่านอัซซะฮะบีย์ได้ระบุไว้ในหนังสือ “อัซซิยะริ” (เล่มที่ 2 หน้าที่ 218) ว่า “แท้จริง ท่านหญิงถูกขนานนามว่า “อุมมุลมะซากีน” อันเนื่องจากท่านหญิงเป็นที่รู้จักกันทั่วไป”

          และท่านอิบนุล กอยยิม ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “ญะลาอุลอัฟฮาม” (หน้าที่ 376) ว่า “มีผู้เรียกท่านหญิงว่า “อุมมุลมะซากีน” เนื่องจากได้ทำทานให้อาหารอย่างมากมาแก่คนที่น่าเวทนาสงสาร และได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับท่านนบี  เป็นเวลาเพียงสั้นๆ เพียงสองหรือสามเดือนเท่านั้น และเธอก็ได้เสียชีวิตไป ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา”

อุมมุลมุอฺมินีน ท่านหญิง ญุวัยรียะฮฺ บินตุ ฮาริซ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา

          ท่านหญิง เป็นอุมมุลมุอฺมินีน และเป็นผู้นำบรรดาภรรยาท่านร่อซูล  ดังกล่าวนั้น ถือเป็นความประเสริฐและเป็นเกียรติยศที่พอเพียงแล้วสำหรับเธอ

          ท่านอิบนุล กอยยิม ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “ญะลาอุลอัฟฮาม” (หน้าที่ 376-377) ว่า “และท่านหญิงคือ ผู้ที่เป็นสาเหตุให้บรรดามุสลิมได้ปล่อยทาสให้เป็นอิสระ เป็นจำนวนถึงหนึ่งร้อยครอบครัว และบรรดามุสลิมกล่าวว่า พวกเขาเป็นเครือญาติที่ได้ใกล้ชิด (รวมถึงบรรดาผู้ที่มีความผูกพันฉันท์พ่อตาลูกเขย) กับท่านร่อซูล  และการกระทำดังกล่าวนั้น เกิดจากความดีงามของท่านหญิง ที่มีต่อพวกพ้องนั้นเอง ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา”

 อุมมุลมุอฺมินีน ท่านหญิง ซอฟิยะฮฺ บินตุ ฮุยัย ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา

          มีรายงานบันทึกอยู่ใน “ญามิอฺ อัตติรมิซีย์” (ฮะดีษเลขที่ 3894) ด้วยสายรายงานที่แข็งแรง จากฮะดีษที่รายงานโดยท่านอนัส ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า

          “ท่านนบี  ได้กล่าวกับนางว่า แท้จริง เธอนั้นเป็นลูก (เครือญาติ) ของนบี และแท้จริง ลุงของเธอก็เป็นนบี และแน่นอนเธอเองก็อยู่ภายใต้การดูแลของท่านนบีด้วย”

          ท่านอัซซฮะบีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “อัซซิยะริ” (เล่มที่ 2 หน้าที่ 232 ) ว่า “ท่านหญิงเป็นผู้มีเกียรติ มีสติปัญญา มีเหตุผล มีชาติตระกูลสูง มีความสวยงาม และมีศาสนา ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา”

          และท่านได้กล่าวไว้ในหนังสือเล่มเดียวกัน (เล่มที่ 2 หน้าที่ 235) ว่า “ท่านหญิงซอฟิยะฮฺ” เป็นคนที่มีความสุภาพ อ่อนโยน และมีความนอบน้อมถ่อมตน”

          ท่านอิบนุล กอยยิม ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “ญะลาอุลอัฟฮาม” (หน้าที่ 337 ) ว่า “ท่านรอซูล  ได้สมรสกับซอฟิยะฮฺ บินตุ ฮุยัย ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากท่านฮารูน อิบนุ อิมรอน พี่ชายของท่านนบีมูซา อะลัยฮิสสลาม”

          ท่านอิบนุล กอยยิม ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “ญะลาอุลอัฟฮาม” เช่นเดียวกันว่า “และจากคุณสมบัติพิเศษของท่านหญิง คือ ท่านร่อซูล  ได้ปล่อยเธอให้เป็นอิสระจากการเป็นทาส และกำหนดให้การเป็นอิสระเสรีของเธอ เป็นซอด๊าก (มะฮัรฺ) ของเธอ”

          ท่านอนัสกล่าวว่า “มะฮัรของท่านหญิงคือ ตัวของเธอเองใช่หรือไม่ ?” และสิ่งดังกล่าวนับเป็นแบบอย่างสำหรับประชาชาตินี้ จวบจนถึงวันกิยามะฮฺ”

          ฉะนั้น จึงเป็นที่อนุมัติสำหรับผู้ชาย (มุสลิม) ที่จะกำหนดเอาการปล่อยทาสของเขาให้เป็นอิสระมาเป็น “ซอด๊าก” ให้แก่นางได้ แล้วนางก็จะตกมาเป็นภรรยาของเขา ตามแนวทางที่ถูกระบุไว้ของท่านอิมาม อะฮฺมัด ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ

 อุมมุลมุอฺมินีน ท่านหญิง อุมมุ ฮะบีบะฮฺ รอมละฮฺ บินตุ อบีซุฟยาน ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา

          ท่านอัซซะฮะบีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “อัซซิยะริ” (เล่มที่ 2 หน้าที่ 218 ) ว่า “เธอเป็นผู้นำ เป็นผู้ปกปิดร่างกายอย่างมิดชิด”

          ท่านอัซซะฮะบีย์ ได้กล่าวไว้อีกเช่นเดียวกันใน (เล่มที่ 2 หน้าที่ 222) ว่า และแน่แท้ สำหรับ อุมมุ ฮะบีบะฮฺ เป็นผู้มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และมีความน่าเคารพ โดยเฉพาะในสมัยการปกครองของพี่ชายของเธอ อันเนื่องจากมีฐานะที่ใกล้ชิดกับเธอ จึงมีผู้ขนานนามให้แก่พี่ชายของเธอว่า “ผู้เป็นน้าชายของท่านผู้ศรัทธา”

          ท่านอิบนุ กะซี๊ร ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “อัลบิดายะฮฺ-วันนิฮายะฮฺ” ใน (เล่มที่ 11 หน้าที่ 166) ว่า “แน่แท้ ท่านหญิงเป็นคนหนึ่งในบรรดามารดาของผู้ศรัทธา และเป็นคนหนึ่งในบรรดาสตรีที่เคารพอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺอย่างเคร่งครัด ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา”

อุมมุลมุอฺมินีน ท่านหญิง มัยมูนะฮฺ บินตุ อัลฮาริส ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา

          มีปรากฏอยู่ในหนังสือ “อัซซิยะริ” (เล่มที่ 2 หน้าที่ 244) ว่า มีรายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา แจ้งว่า เธอได้กล่าวว่า “แท้จริงแล้ว เธอ(มัยมูนะฮฺ) เป็นผู้มีความเกรงกลัวอัลลอฮฺ มากกว่าเรา และติดต่อเชื่อมสัมพันธ์กับเครือญาติมากกว่าเราอีกด้วย”

          และท่านอัซซะฮะบีย์ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “อัซซิยะริ” ใน (เล่มที่ 2 หน้าที่ 239) ว่า “และท่านหญิงเป็นคนหนึ่งจากบรรดาผู้นำของสตรีทั้งหลาย”

อุมมุลมุอฺมินีน ซัยนับ บินตุ ญะฮฺชิน ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา

          มีฮะดีษที่มีข้อความยาวอยู่ในซอฮีฮฺมุสลิม (ฮะดีษเลขที่ 2442) รายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา กล่าวว่า :

          “เธอพยายามทำตัวให้มีฐานะเท่าเทียมกับฉันในบรรดาภรรยาของท่านร่อซูล  และฉัน ก็ไม่เห็นหญิงคนใดเลยที่ดีงาม เป็นเลิศในทางศาสนายิ่งไปกว่า ซัยนับ เธอมีความกลัวเกรงยิ่งในอัลลอฮฺ และมีวาจาสัจจริงยิ่ง และมีสัมพันธ์ที่ดีต่อเครือญาติ และมีการบริจาคทานมากมาย และเธอลดตัวเองลงมาอย่างมากเพื่อการทำงานซึ่งเธออุทิศเพื่องานนั้น และต้องการเอางานนั้นเพื่อให้เป็นที่ใกล้ชิดกับอัลลอฮฺ ตะอาลา นอกเสียจากว่าในตัวเธอนั้นมีลักษณะนิสัยที่มีอารมณ์ร้อน โกรธง่าย แต่หายเร็ว”

          ท่านอัซซะฮะบีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “อัซซิยะริ” (เล่มที่ 2 หน้าที่ 211) ว่า “อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ทรงให้เธอได้สมรสกับท่านนบีของพระองค์ โดยมีตัวบทระบุอยู่ในคัมภีร์ของพระองค์ โดยไม่ต้องมีวะลีย์ (ผู้ปกครอง) และพยานใดๆทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น ด้วยเหตุนี้ ท่านหญิงจึงมีความภาคภูมิใจในตนเองมาก ที่มีฐานะเหนือกว่าบรรดามารดาของผู้ศรัทธาทั้งหลาย โดยท่านหญิงได้กล่าวว่า “พวกเธอนั้น ผู้ปกครองของพวกเธอทำการสมรสให้แก่พวกเธอ แต่ส่วนฉันนั้น อัลลอฮฺ ได้ทำการสมรสให้แก่ฉัน ซึ่งเป็นคำบัญชาที่ลงมาจากเบื้องบนบัลลังก์ของพระองค์” ฮะดีษนี้มีปรากฏอยู่ซอฮีฮฺบุคอรีย์ (เลขที่ 7402)

          และอัซซะฮะบีย์ได้กล่าวไว้เช่นเดียวกันว่า “และท่านหญิง (ซัยนับ) ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา เป็นคนหนึ่งในบรรดาผู้นำสตรีทั้งหลาย ทั้งทางด้านศาสนาและความเคร่งครัด เป็นคนมีจิตใจเมตตากรุณา ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีโดยทั่วไป”

          และท่านอัซซะฮะบีย์ ยังได้กล่าวไว้ในหนังสือ “อัซซิยะริ” เช่นเดียวกันใน (เล่มที่ 2 หน้าที่ 217) ว่า :   “และท่านหญิงเป็นคนที่มีจิตใจงดงาม ถือศีลอดอย่างสม่ำเสมอ เป็นผู้ที่มีความมั่นคง คงเส้นคงวา มีคุณธรรมความดี และมีผู้เรียกท่านหญิงว่า “อุมมุลมะซากีน” (มารดาของบรรดาผู้ที่น่าเวทนา น่าสงสาร)”

ท่านหญิง ซอฟิยะฮฺ บินตุ อับดุลมุฏฏอลิบ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา ผู้เป็นป้าของท่านร่อซูลุลลอฮฺ  

          อัซซะฮะบีย์ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “อัซซิยะริ” (ในหน้าที่ 2 เล่มที่ 269) ว่า “ท่านป้าของท่านร่อซูลุลลอฮฺ  เป็นบุตรีของอับดุลมุฏฏอลิบ มาจากตระกูลฮาชิม และท่านเป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกันกับ ท่านฮัมซะฮฺ และเป็น “อุมมุ ฮะวารียีนนะบีย์” (มารดาของผู้ที่ให้การช่วยเหลือสนับสนุนท่านนบี  ) คือท่าน อัซซุบัยร์”

          และท่านอัซซะฮะบีย์ ได้กล่าวไว้เช่นเดียวกันในหนังสือ “อัซซิยะริ” (เล่มที่ 1 หน้าที่ 270) และตามที่มีรายงานที่ถูกต้อง เชื่อถือได้ ยืนยันว่า "บรรดาผู้เป็นป้าของท่านนบีนั้น ไม่ปรากฏว่าผู้ใดเข้ารับอิสลามเลย นอกจากท่านหญิงซอฟิยะฮฺคนเดียวเท่านั้น และแน่นอน ท่านมีความเป็นเดือดเป็นแค้นเป็นอย่างมาก ต่อการสิ้นชีวิตไปของท่านฮัมซะฮฺ ซึ่งเป็นพี่ชายของเธอ ท่านหญิงมีความอดทน อดกลั้นและมีความสมถะ และท่านเป็นคนหนึ่งในกลุ่มผู้อพยพรุ่นแรก”

บรรดาสาวกหญิง “ซอฮาบียาต” ที่มาจาก “อะฮฺลุ้ลบัยติ”

  • บุตรสาวของท่านนบี  ได้แก่ ซัยนับ รุกอยยะฮฺ และอุมมุ กัลโซม
  • อุมมุ กัลโซม และซัยนับ ผู้เป็นบุตรสาวของท่านอะลีย์ อิบนุ อบีฏอลิบ ซึ่งเกิดจากท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา
  • อุมามะฮฺ บินตุ อะบิล อ๊าซ อิบนิล รอเบี๊ยะฮฺ มารดาของท่านคือ ซัยนับ บินติ ร่อซูลิลลาฮฺ  และเธอคือผู้ที่ท่านร่อซูล  ได้เคยอุ้มในขณะที่ท่านร่อซูลุลลอฮฺกำลังทำการละหมาดอยู่
  • อุมมุ ฮานีย์ บินตุ อบีฏอลิบ อิบนุ อับดุลมุฏฏอลิบ
  • ฎุบาอะฮฺ และอุมมุลฮะกัม ทั้งสองเป็นบุตรสาววของท่านอัซซุบัยรฺ อิบนุ อับดุลมุฏฏอลิบ
    ปรากฏว่ามีชื่อของคนทั้งสองถูกระบุไว้ในฮะดีษ บันทึกโดยอบูดาวู๊ด ภายใต้หมายเลขฮะดีษที่ (2987)
    และท่านฎุบาอะฮฺ คือเจ้าของผู้รายงานฮะดีษ “อัลอิชติรอฏ ฟิลฮัจญ์” (ฮะดีษที่กำหนดเงื่อนไขในการทำฮัจญ์) เธอเป็นผู้ที่ท่านนบี  ได้พูดกับเธอว่า “เธอจงกล่าว (ก่อนเดินทางด้วยข้อแม้) เถิดว่า ถ้ามีอุปสรรคใดมาขัดขวาง กักขังฉัน (จนไม่สามารถเดินทางเข้าไปสู่สถานที่ทำฮัจญ์ได้) ดังนั้น สถานที่ดังกล่าวเป็นจุดที่เปลื้องอิฮฺรอม (ตะฮัลลุล) ของฉัน นั่นเอง”
  • และอุมามะฮฺ บินตุ ฮัมซะฮฺ อิบนุ อับดุลมุฏฏอลิบ

 

 

Click <<<    ตอนที่ 1   

การสรรเสริญสดุดีของนักวิชาการต่อซ่อฮาบะฮฺสตรี ที่มาจาก “อะฮฺลุล้ลบัยติ”

  

  

  ประเด็นต่างๆในการศึกษา

ความประเสริฐ และฐานะอันสูงส่งของ “อะฮฺลุ้ลบัยติ”  ณ อะฮฺลุซซุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ