ถามตอบปัญหา เกี่ยวกับการต่อสู้ในหนทางของอัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา
โดย : คณะผู้ชี้ขาดปัญหาศาสนา ประเทศซาอุดิอารเบีย
แปลและเรียบเรียงโดย : อาจารย์ เอี๊ยะซาน มีพลกิจ
ศาสนาอิสลามเผยแพร่ด้วยคมดาบจริงหรือไม่ ?
ถาม : ผู้ที่ไม่ประสงค์ดีกับอิสลามมักจะกล่าวหาและใส่ร้ายอิสลามว่า ศาสนาอิสลาม เผยแพร่ด้วยคมดาบ ดังนั้นเราจะตอบข้อกล่าวหานี้อย่างไร?
ตอบ : อิสลามนั้นเผยแผ่ด้วยหลักฐานที่ชัดเจน ด้วยหลักการและเหตุผล สำหรับบุคคลที่ประสงค์จะเข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม แต่สำหรับบุคคลที่ดื้อดึงยะโส และต่อต้านอิสลามโดยใช้พละกำลัง และอาวุธ ก็จะเป็นที่จะต้องใช้กำลังเข้าปราบปราม เพื่อที่จะหยุดการต่อต้านให้หมดไป
การงานที่ประเสริฐ ณ ที่อัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา
ถาม : การงานชนิดใดบ้างที่ประเสริฐสุด ณ อัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา
ตอบ : ท่านนบี ถูกถามถึงการงานที่ประเสริฐสุด ท่านตอบว่า :
การงานที่ประเสริฐที่สุด ณ ที่พระองค์นั้นคือ การศรัทธาต่ออัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และร่อซูลของพระองค์มีผู้ถามอีกว่า :
มีการงานชนิดใดอีกหรือไม่?
ท่านนบีตอบว่า :
การญิฮาดในหนทางของอัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลามีผู้ถามอีกว่า :
มีการงานชนิดใดอีกหรือไม่?
ท่านนบี ตอบว่า :
ฮัจญ์มับรูรฺ(ฮัจญ์ที่ปฏิบัติอย่างครบถ้วน ตามบทบัญญัติที่กำหนดไว้ ซึ่งจะถูกตอบแทนด้วยสรวงสวรรค์)(บันทึกโดย ท่านอิมามอัลบุคอรีย์ และอิมามมุสลิม)
รูปแบบการต่อสู้ในหนทางของอัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา
ถาม : อีกไม่นาน (อินชาอัลลอฮ์) กระผมซึ่งเป็นคนอีบิปต์จะต้องเข้ารับการคัดเลือกให้เป็นทหารประจำกอง และเป็นไปได้ไม่ช้าก็เร็วที่สงครามระหว่างมุสลิมกับยิวอาจจะอุบัติขึ้น และหากอัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงกำหนดให้กระผมคือผู้หนึ่งที่ได้มีโอกาสต่อสู้กับพวกยิว อยากทราบว่ากระผมจะต่อสู้กับพกวยิวเพื่อหนทางของอัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้อย่างไร? และหากกระผมมีหน้าที่ที่จะต้องต่อสู้เพื่อปกป้องประเทศชาติบ้านเมือง กระผมจะตั้งเจตนารมณ์ของผม ให้การสู้รบของผมเป็นไปในหนทางของอัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้หรือไม่?
ตอบ : เมื่ออัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้กำหนดให้ท่านเป็นทหาร และมีโอกาสต่อสู้กับพวกยิว ศัตรูของอิสลาม ท่านก็จะต้องทำการต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ มุ่งมั่นนำชัยชนะมาสู่อิสลามให้จงได้ และจำเป็นที่จะต้องให้ดำรัสของอัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา อยู่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น เท่านี้ก็นับว่าท่านนั้นได้ต่อสู้เพื่อแนวทางของอัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา แล้ว
จากรายงานของอบูมูซา อัลอัชอารีย์ รอฎิยัลลอฮุอันฮุ ระบุว่า มีชายคนหนึ่งถามท่านนบี ว่า :
ชายคนหนึ่งต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์เชลย อีกคนหนึ่งต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศ อีกคนหนึ่งต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งฐานะตำแหน่ง อยากทราบว่านักรบเหล่านี้ ผู้ใดที่อยู่ในลักษณะการต่อสู้เพื่อหนทางของอัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลาท่านนบี ตอบว่า :
ผู้ที่ต่อสู้เพื่อให้พจนารถของอัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา สูงส่งขึ้น เขาผู้นี้ คือผู้ที่ต่อสู้ในหนทางของอัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา
(บันทึกโดย อิมามอัลบุคอรีย์ และอิมามมุสลิม)
อนุมัติจากบิดา มารดาในการทำญิฮาด
ถาม : ข้าพเจ้าเป็นพี่ชายคนโต บิดาของข้าพเจ้าได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่มารดายังมีชีวิตอยู่ ข้าพเจ้าได้ขออนุญาติมารดาเพื่อไปญิฮาด แต่ท่านไม่อนุญาต อยากทราบว่า ข้าพเจ้าจะไปทำญิฮาดได้หรือไม่?
ตอบ : การทำญิงฮาดนั้นถือเป็นการงานที่ประเสริฐ แต่ในขณะเดียวกัน การทำความดีกับบิดามารดา ก็เป็นการงานที่ประเสริฐอีกเช่นกัน การออกไปทำญิฮาด หากได้รับอนุญาตจากบิดามารดาถือเป็นเรื่องที่อนุมัติให้กระทำได้ แต่ถ้าท่านทั้งสองไม่อนุญาต ก็ห้ามออกไปญิฮาดโดยเด็ดขาด ท่านจะต้องอยู่ดูแลมารดาของท่าน เพราะนั่นก็คือชนิดหนึ่งของการทำญิฮาดเหมือนกัน
มีรายงานจากอัลดุลเลาะห์ อิบนิมัสอู๊ด รอฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า :
ฉันได้ถามท่านนบีว่า : การงานใดที่ประเสริฐยิ่ง ?
ท่านนบีตอบว่า : การละหมาดตรงต่อเวลา
ฉันจึงถามอีกว่า : และอะไรอีกครับ ?
ท่านรอซูล กล่าวว่า : การทำดีกับบิดา มารดา
ฉันจึงถามขึ้นอีกว่า : แล้วอะไรอีกครับ
ท่านรอซูล ตอบว่า : การทำญิฮาดในหนทางของอัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา(บันทึกโดยอิมามอัลบุคอรีย์ และอิมามมุสลิม)
มีรายงานจากท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ อัมรฺ รอฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า :
มีชายคนหนึ่งได้มาหาท่านนบี เพื่อขออนุญาตไปทำญิฮาด
ท่านนบี ถามชายผู้นี้ว่า : บิดา มารดา ของท่านยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ?
ชายผู้นั้นตอบว่า : ยังมีชีวิตอยู่ครับ
ท่านนบี จึงตอบว่า : ท่านจงญิฮาดด้วยกับการทำความดีให้ท่านทั้งสองเถิด(บันทึกโดย อิมามอบูดาวูด และอัตติรมิซีย์)
การญิฮาดของสตรี
ถาม : สุภาพสตรี จำเป็นที่จะต้องญิฮาดหรือไม่?
ตอบ : ไม่จำเป็นที่บรรดาสุภาพสตรีจะต้องออกไปญิฮาดในสนามรบ เหมือนกับสุภาพบุรุษ แต่พวกเธอสามารถที่จะญิฮาดด้วยการเรียกร้อง เชิญชวนไปสู่สัจธรรม เผยแผ่ศาสนาในขอบเขตที่อิสลามกำหนดไว้ และให้เหมาะสมกับความเป็นสตรีของนาง โดยนางจะต้องทำการปกปิดร่างกายให้มิดชิด ไม่ปะปนอยู่รวมกับสภาพบุรุษที่ไม่ได้เป็นมะห์รอมกับนาง และจะต้องไม่พูดจาอ่อนหวาน เป็นเสน่ห์เย้ายวนชายอื่น หรืออยู่กันตามลำพังสองต่อสองกับผู้ที่มิได้เป็นมะห์รอมกับนาง
ดังที่อัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า :
และพวกเธอทั้งหลายจงอ่านสิ่งที่ได้ถูกอ่านแก่พวกเธอทั้งหลาย(อัลกุรอาน) จากอายะห์ต่างๆของอัลเลาะห์ด้วยฮิกมะห์(ซุนนะห์) ภายในบ้านของพวกเธอ (ซูเราะห์อัลอะห์ซาบ 33: 34)
มีรายงานจากท่านหญิงอาอิชะห์รอฎิยัลลอฮุฮันฮา ว่า ฉันได้ถามท่านนบี ว่า :
โอ้ท่านนบี บรรดาสุภาพสตรีจำเป็นต้องญิฮาดด้วยหรือ?
ท่านตอบว่า : แน่นอน พวกเธอต้องญิฮาด การญิฮาดของพวกเธอนั้นหาใช่ด้วยการสู้รบฆ่าฟัน หากแต่ด้วยการทำฮัจญ์และอุมเราะห์(บันทึกโดยอิมามอะห์หมัด และอิบนุมาญะห์)
ลักษณะของผู้ที่ตายชะฮีด
ถาม : ในขณะที่เกิดภาวะสงคราม ปรากฏมีหมู่บ้านแห้งหนึ่งถูกถล่มจากฝ่ายศัตรู ผลจากการถล่มนี้ ทำให้มีผู้ล้มตาย ซึ่งเป็นคนแก่ สตรี เด็กๆ ราษฎรพลเรือนอื่นๆมากมาย และทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่นอกสนามรม อันเนื่องจากสายงานของเขาคืองานที่ไม่เกี่ยวกับการใช้อาวุธสงครามโดยตรง ดังนั้นจึงอยากทราบว่า ผู้ที่เสียชีวิตทั้งหมดนี้ จะถือว่าเขาตาย ชะฮีด ในสนามรบหรือไม่?
ตอบ : ลักษณะของการตายชะฮีดนั้นมีมากมาย โดยสรุปแล้วหากว่าเขาตายในสนามรบ เขาก็อยาในลักษณะของผู้ที่ตายชะฮีด ไม่ต้องทำการอาบน้ำ ไม่ต้องทำการละหมาด ให้ฝังเขาพร้อมกับเสื้อผ้าที่เขาสวมอยู่ได้เลย โดยนำเอาอาวุธ เครื่องมือต่างๆที่ใช้เพื่อการสงครามออกสียก่อน ส่วนผู้ที่ตายชะฮีด ที่ไม่ได้ตายในสนามรบ เช่น บาดเจ็บจากสนามรบ และมาเสียชีวิตที่โรงพยาบาล หรือถูกกดขี่ข่มเหงจนกระทั่งเสียชีวิต หรือสาเหตุการตายอื่นๆที่ไม่ได้เกี่ยวพันกับสนามรบ เช่น จมน้ำตาย อุบัติเหตุรถชน เครื่องบินตก ตึกถล่ม บุคคลที่เสียชีวิตเหล่านี้ จะต้องทำการอาบน้ำมัยยิต กระฝั่น และทำการละหมาด
ดังที่มีการอาบน้ำละหมาด กะฝั่นให้แก่ท่านท่าน อุมัร อุสมาน ท่านอาลี และท่านซะอฺด บิน มุอ๊าซ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุม
ผู้ที่ถูกขนานนามว่าตายชะฮีด
ถาม : ผู้ใดบ้างที่จะอยู่ในข่ายผู้ตาย ชะฮีด อยากทราบว่าบุคคลที่เสียชีวิตเนื่องจากเป็นโรคลมบ้าหมูนั้นถือว่าตายชะฮีดหรือไม่? ดังเช่นฮะดีษที่กล่าวถึงหญิงคนหนึ่งซึ่งเธอเป็นโรคลมบ้าหมู เธอได้ขอให้ท่านรอซูล วิงวอนขอต่ออัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ให้เธอหาย ดังรายงานต่อไปนี้
จากรายงานที่บันทึกโดยอิมามอัลบุคอรีย์ และมุสลิม ท่านอะฏออฺ บิน อะบีร่อบาฮฺ รอฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า :
ท่านอิบนุอับบาส ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุมา ได้กล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า : ฉันจะให้ท่านเห็นหญิงคนหนึ่งจากชาวสวรรค์จะเอาไหม? ข้าพเจ้าตอบว่า : เอาซิ ท่านจึงกล่าวว่า : หญิงผิวดำคนนี้ มาหาท่านนบี แล้วนางก็กล่าวว่า : ดิฉันเป็นโรคลมบ้าหมู(ภาวะผิดปกติของระบบประสาท) และอวัยวะบางส่วนของดิฉันจะถูกเปิดเผยขณะมีอาการ ดังนั้นโปรดดุอาอฺต่ออัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ให้แก่ฉันด้วยเถิด ท่านนบี กล่าวว่า : ถ้าเธอปราถนาขอให้เธออดทน และสวนสวรรค์จะเป็นของเธอ หรือถ้าเธอปราถนา ฉันก็จะขอดุอาอฺต่ออัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ให้ทรงบันดาลให้เธอหายป่วย นางก็กล่าวว่า : ดิฉันจะอดทน แล้วกล่าวต่อไปว่า : แต่เรื่องอวัยวะบางส่วนของดิฉันถูกเปิดเผยขณะมีอาการนี่ซิ ขอท่านได้โปรดกรุณาขอดุอาอฺต่ออัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ให้แก่ฉันด้วยเถิด โดยไม่ให้มันเปิดอีก ท่านนบี จึงได้ขอดุอาอฺให้แก่นาง
อยากทราบว่า ฮะดีษนี้ ครอบคลุมถึงประชาชาติของท่านนบีมุฮัมหมัด ทั้งหมด หรือเป็นกรณีพิเศษแก่หญิงคนนี้เท่านั้น ที่นางจะได้เข้าสวรรค์
ตอบ : คำว่าชะฮีด ตามความเป็นจริงนั้น หมายถึงบุคคลที่เสียชีวิต ในหนทางของอัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ในสนามรบ จะเรียกว่า ชะฮีด ได้นั้นมีระบุไว้ในหลายฮะดีษด้วยกัน
ดังฮะดีษที่รายงานโดยอบูฮุรอยเราะห์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ที่ว่า :ผู้ที่ตายชะฮีดนั้น มี 5 ประเภท คือ ผู้ที่ตายด้วยโรคระบาด(กาฬโรค) ผู้ที่ตายเนื่องจากเป็นโรคในท้อง ผู้ที่จมน้ำตาย ผู้ที่ตายเพราะโดนตึกหรืออาคารถล่มทับ และผู้ที่ตายในหนทางของอัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา (ออกสงคราม)
(บันทึกโดยอิมามอัลบุคอรีย์)
ผู้เสียชีวิตในต่างแดนถือเป็นชะฮีดหรือไม่?
ถาม : บุคคลที่เสียชีวิตในต่างแดนห่างไกลจากญาติใกล้ชิด ครอบครัวมิตรสหาย จะถือว่าเขาผู้นั้นได้เสียชีวิตในหนทางของอัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา หรือไม่?
ตอบ : ไม่ถือว่าบุคคลดังกล่าวเสียชีวิตในหนทางของอัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา แต่ประการใด เพราะว่าเสียชีวิตในหนทางของอัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ชะฮีด นั้น หมายถึงบุคคลที่เสียชีวิตในสมรภูมิ รบ แต่ก็ยังมีการเสียชีวิตอื่นๆ ที่อยู่ในความหมายของคำว่า ชะฮีด เช่นเสียชีวิตด้วยโรคระบาด เสียชีวิตเพราะการจมน้ำ เสียชีวิตขณ หรือหลังการคลอดบุตร และยังมีอีกหลายลักษณะ ที่อยู่ในลักษณะของการตายชะฮีดที่ปรากฏในซุนนะห์ แต่ไม่ปรากฏหลักฐานใดๆที่บ่งชี้ว่า การเสียชีวิตในต่างแดนนั้น คือการเสียชีวิตในหนทางของอัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา