ความตายที่โยงใยมารดา
เล่ามาจากอะนัส บิน มาลิก
มีชายคนหนึ่งในสมัยของท่านศาสดามุฮัมมัด นามว่า อัลกอมะฮฺ เป็นคนที่เคร่งครัดในศาสนามาก อยู่มาเขาล้มป่วยลง และอาการเขาค่อยๆ หนักขึ้น ไม่มีทีท่าว่าจะทุเลาเลย เขาประสบความทรมานจากอาการป่วยมากที่สุด และเขาก็คงสภาพเช่นนั้นติดต่อมาเป็นเวลานาน
โดยสภาพปกติทั่วไปแล้ว ถ้าเป็นคนอื่นก็คงจะตายไปแล้ว แต่อัลกอมะฮฺกลับทุรนทุรายเป็นที่น่าเวทนา บรรดาญาติมิตรมานั่งเฝ้าอาการของเขาด้วยความเป็นห่วงและสงสาร เพราะอัลกอมะฮฺเป็นคนทำดีมาโดยตลอด บั้นปลายชีวิตของเขาไม่น่าจะประสบภาวะเช่นนี้
และทุกคนเต็มไปด้วยความสงสัย จึงเดินทางไปพบศาสดาและรายงานให้ท่านทราบ
ท่านศาสดาถามว่า " อัลกอมะฮฺผู้นี้มีพ่อ มีแม่ ไหม ? "
ได้รับคำตอบจากคนกลุ่มนี้ว่า เขามีแม่ที่แก่มากและยังมีชีวิตอยู่ ท่านศาสดาจึงให้คนไปบอกแก่นางว่า นางจะมาพบด้วยตัวเองไหวมาก ถ้าไม่ไหวท่านศาสดาจะไปพบเอง
เมื่อแม่ของอัลกอมะฮฺได้ทราบเช่นนั้น นางก็ตัดสินใจไปพบท่านศาสดา แม้นางจะชรามาก เรี่ยวแรงเหลือน้อย และสุขภาพไม่ดี นางกะเย้อกระแย่ง ถือไม้เท้าพยุงกายไปพบกับท่านด้วยความดีใจและภูมิใจเป็นล้นพ้น นางไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยที่ต้องเดินทางออกจากบ้านมาพบท่านศาสดา ครั้นเมื่อมาถึงแล้ว
ท่านศาสดาก็ถามว่า "อัลกอมะฮฺลูกชายของยายนั้น เป็นคนอย่างไร ? "
นางตอบว่า "เขาเป็นผู้ทำความดีไว้มาก เช่น ทำละหมาด ทำทาน ถือศีลอด และความดีอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน"
ท่านศาสดา ถามนางว่า "แล้วยายมีความรู้สึกอย่างไรกับลูกชายบ้าง ยังรักเขาดีอยู่หรือ และเขาเคยมาเอาใจใส่ดูแล ปรนนิบัติบ้างไหม"
นางตอบว่า "ดิฉันโกรธเขามาก เพราะเขาไม่เคยสนใจดิฉัน สาเหตุเพราะเขากลัวเมีย เมียว่าอะไรเขาเชื่อฟังหมด แต่ดิฉันบอกอะไรเขาไม่เคยฟัง เขาจงรักภักดีต่อภริยาของเขามาก จนไม่สนใจดิฉันเลย"
ท่านศาสดา จึงกล่าวแก่นางว่า " ขณะนี้อัลกอมะฮฺกำลังป่วยหนัก ซึ่งเขาน่าจะตายไปแล้ว แต่กลับทรมาน ทุรนทุราย เป็นที่น่าสงสาร ข้อสำคัญเขาไม่สามารถกล่าวประโยคปฏิญาณได้ "
หลังจากนั้นท่านศาสดา จึงลองใจแม่ของอัลกอมะฮฺ โดยสั่งแก่บิลาลว่า "บิลาลเอ๋ย... ท่านจงไปรวบรวมไม้ฟืนแล้วจุดไฟไว้ หลังจากนั้นจงนำตัวอัลกอมะฮฺมาเผาเสียให้ตาย"
แม่ของอัลกอมะฮฺเมื่อได้ยินคำสั่งของท่านศาสดา เช่นนั้น ก็ตกใจ และลืมความโกรธที่นางมีอยู่กับบุตรชาย นางสงสาร และให้อภัยแก่เขา พร้อมทั้งวิงวอนว่า
"โอ้ท่านศาสดา โปรดอย่าทำอย่างนั้นกับลูกชายของดิฉันเลย ดิฉันให้อภัยแก่เขาแล้ว ดิฉันรักและสงสารเขามาก ดิฉันขอสาบานต่อพระเจ้าว่า ดิฉันพูดจริงจากหัวใจของดิฉัน"
เมื่อท่านศาสดา ได้ยินเช่นนั้น ท่านจึงยิ้มด้วยความพอใจและสั่งบิลาลว่า "บิลาลเอ๋ย ท่านจงไปที่บ้านของอัลกอมะฮฺ จงดูสิว่า อาการของเขาเป็นอย่างไร? "
จากนั้นบิลาลก็ไปที่บ้านของอัลกอมะฮฺ และขึ้นไปดูอาการของเขา บิลาลได้เห็นด้วยตาตนเองว่า อาการทุรนทุราย และทรมานของอัลกอมะฮฺนั้น ได้อันตรธานไปจากเขาแล้วโดยสิ้นเชิง และเขาสามารถกล่าวประโยครปฏิญาณได้อย่างคล่องแคล่ว ต่อมาเขาก็เสียชีวิตอย่างสงบ
บิลาลกล่าวแก่บรรดาผู้มาเยี่ยมว่า สาเหตุที่อัลกอมะฮฺกล่าวประโยคปฏิญาณไม่ได้ และต้องทุรนทุราย อย่างทรมาน ก็เพราะเขาเชื่อเมียมากกว่าแม่ เป็นเหตุให้แม่โกรธ และขณะนี้แม่ของเขาได้ยกโทษให้แล้ว เขาจึงสามารถกล่าวประโยคปฏิญาณได้ และตายไปอย่างสงบ
หลังจากนั้น ท่านศาสดาไปที่บ้านของอัลกอมะฮฺ และจัดการกับศพของเขาด้วยตนเอง ตั้งแต่อาบน้ำ ห่อ นำละหมาด และฝังจนเสร็จเรียบร้อย จากนั้นท่านก็กล่าวให้โอวาทว่า
"ใครเห็นเมียสำคัญกว่าแม่ อัลลอฮฺจะทรงสาปแช่งเขา
และความดีของเขาทั้งฟัรดูและสุนัติ อัลลอฮฺจะไม่รับ"
ท่านศาสดามุฮัมมัดได้รายงานโองการหนึ่งของพระองค์อัลลอฮ์ ความว่า
"เจ้าจงประกาศเถิดแก่ผู้ทำดีกับพ่อแม่ว่า ท่านจงปฏิบัติในสิ่งที่ท่านพึงประสงค์เถิด
เพราะแท้จริงอัลลอฮฺทรงให้อภัยแก่ท่าน"
อัลหะดิษ บันทึกโดยมุสลิมและอื่นๆ ความว่า
" ลูกไม่มีโอกาสที่จะตอบแทนบุญคุณของพ่อได้โดยวิธีใดเลย
นอกจากเมื่อเขาเห็นพ่อเขาตกเป็นทาส เขาก็รีบไปปลดปล่อยเสีย "
อัลหะดิษ จากอบีฮุรอยเราะฮฺ ความว่า
" ไม่ว่าบ่าวคนใดที่จะทำละหมาดฟัรดูและขอพรให้แก่พ่อแม่ของเขาให้พระองค์ทรงอภัย
นอกจากอัลลอฮฺจะทรงสนองตอบคำขอของเขาอย่างแน่นอน "
ชมรมนักวิชาการมุสลิมปทุมธานี