ครู คือผู้ให้ ผู้เติมเต็ม และผู้มีเมตตา
ดร.อับดุลเลาะ หนุ่มสุข
บทนำ
วลีที่ตั้งเป็นหัวเรื่องนี้เป็นวลีเอกลักษณ์ของท่านอาจารย์ รังสรรค์ แสงสุข อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่ชาวรามคำแหงมักคุ้นกันดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักศึกษาที่เคยเข้าปฐมนิเทศ หรือปัจฉิมนิเทศกับท่านอธิการ ท่านอธิการมักจะอธิบาย และเน้นย้ำถึงปรัชญาของวลีข้างต้นเสมอ :
“ครูเป็นผู้ให้ ผู้เติมเต็ม และผู้มีเมตตา”
ผมได้ฟังครั้งแรกก็รู้สึกชื่นชอบเป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะว่าตัวเองมีอาชีพเป็นครู มีลูกศิษย์ลูกหา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นครู (ในจังหวัดทางภาคใต้) แต่ที่สำคัญ คือเป็นวลีที่บ่งบอกถึงนิยามความเป็นครูได้อย่างลงตัวทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับคำสอนในอิสลาม ซึ่งได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากกับผู้ที่ทำหน้าที่เป็นครู ในบทความนี้จึงอยากนำวลีข้างต้นมาวิเคราะห์ ตามหลักคำสอนของอิสลามเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนของบทบาท และหน้าที่ของครู ครูที่สังคมมักเปรียบเปรยว่าเป็น เรือจ้าง เป็นแสงเทียน เป็นพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ เป็นเบ้าหลอม เป็นผู้นำทาง และเป็นดวงประทีป ดังนี้
ครูคือผู้ให้...
ครูย่อมอยู่ในฐานะของผู้ให้มิใช่ผู้รับ มือของครูจึงเป็นมือบน มิใช่มือล่าง เป็นมือที่ประเสริฐและมีเกียรติ ดังคำของท่านนะบี ที่ว่า:
" اَلْيَدُ الْعُلْيَا خَيْرٌ مِنَ الْيَدِ السُّفْلَى "
" มือบน (หมายถึงมือที่ให้) ย่อมประเสริฐ และดีกว่ามือล่าง (หมายถึงมือที่รับ)"
( บันทึกโดยบุคอรียฺ )
ครูให้อะไรแก่ศิษย์ ?
1) ให้ความรู้
ความรู้ที่จะยังประโยชน์แก่ศิษย์ในฐานะผู้รับ และแก่ตัวครูเองในฐานะผู้ให้ ทั้งในดุนยา และอาคิเราะฮ ความรู้ที่ครูได้ถ่ายทอดให้แก่ศิษย์ คือความรู้ที่ยังประโยชน์ เมื่อศิษย์ได้รับประโยชน์จากความรู้ อัลลอฮจึงให้ประโยชน์ดังกล่าวเป็นอานิสงส์ แก่ครูเช่นเดียวกัน
2) ให้โอกาส
ครูต้องให้โอกาสศิษย์เสมอในการศึกษาเล่าเรียน เพราะการศึกษาเล่าเรียนไม่มีคำว่าสาย เมื่อโอกาส และจังหวะของชีวิตแต่ละคน อัลลอฮทรงกำหนดให้ไม่เหมือนกัน ครูจึงไม่ควรปิดกั้นโอกาสของศิษย์ ไม่ว่าด้วยกรณีใดๆ
3) ให้ความคิด
นอกจากความรู้ที่ครูจะต้องถ่ายทอดให้แก่ศิษย์โดยไม่ปิดบังแล้ว ครูจะต้องให้ความคิดแก่ศิษย์ด้วย คือให้ศิษย์คิดเป็น ทำเป็น และแก้ปัญหาเป็น รวมทั้งสามารถนำความรู้ไปขยายต่อ หรือนำไปประยุกต์ใช้ในภาวะต่างๆได้ ครูจึงไม่ใช่ครูสอนหนังสือ แต่เป็นครูสอนคน และสอนคนให้เป็นมนุษย์ที่ได้รับการพัฒนา
4) ให้ชีวิต
ครูเป็นผู้ให้ชีวิต ในที่นี้หมายถึง ให้จิตวิญญาณ และอุดมการณ์ ซึ่งเป็นสารัดถะสำคัญของชีวิต นักเรียน นักศึกษาหลายคนที่ประสบความสำเร็จอันเนื่องมาจากมีครูที่ให้อุดมการณ์ และให้จิตวิญญาณแก่ศิษย์ จนสามารถยึดเป็นหลักในการต่อสู้ และฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆของชีวิตได้
5) ให้กำลังใจ
ครูต้องเป็นผู้ให้กำลังใจศิษย์ โดยเฉพาะเมื่อศิษย์เกิดความเบื่อหน่าย ความท้อแท้ หรือหมดหวัง การให้กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญที่ครูไม่ควรมองข้าม กำลังใจเปรียบเหมือนยาหอมที่ชโลมใจให้รู้สึกสดชื่นอยู่เสมอ ศิษย์หลายคนที่เคยท้อแท้ในชีวิต แต่เมื่อได้กำลังใจจากครูก็กลับฮึดสู้จนประสบความสำเร็จได้
6) ให้อภัย
ครูต้องให้อภัยศิษย์เสมอ ไม่ว่าศิษย์จะทำความผิดมากน้อยเพียงใด การให้อภัยเป็นคุณธรรมที่สำคัญยิ่งของผู้ที่เป็นครู หากครูเป็นพ่อ ลูกศิษย์ก็คือลูก เมื่อลูกทำอะไรที่ผิดพลาด พ่อควรว่ากล่าวตักเตือนด้วยความเอ็นดู ควรให้อภัย และให้โอกาส
ครุคือผู้เติมเต็ม...
อาจารย์รังสรรค์อธิบายข้อความนี้ให้ฟังง่ายๆว่า
“ศิษย์ทุกคนที่เราสอนล้วนมีความรู้ โดยเฉพาะความรู้ที่ครูไม่รู้ ครูกับศิษย์จึงรู้กันคนละอย่าง มีความถนัดกันคนละอย่าง
ดังนั้นครูจึงมีหน้าที่เป็นผู้ช่วยเติมเต็ม และต่อยอดความรู้ที่เรายังขาดกันคนละอย่าง”
คำอธิบายนี้ทำให้ผมนึกถึงระบบครูกับศิษย์ในกระบวนการถ่ายทอดหะดีษในอิสลาม กล่าวคือ ในการรายงานหะดีษนั้น ครูกับศิษย์จะทำหน้าที่เป็นผู้เติมเต็มให้กันและกัน ครูจะให้รายงาน (หะดีษ) แก่ศิษย์ ในขณะที่ศิษย์ก็จะให้รายงาน (หะดีษที่ครูไม่มี) แก่ครู ครูจึงเป็นทั้งครูทั้งศิษย์โดยทำหน้าที่เติมเต็มให้แก่กัน
ครูเติมเต็มอะไรให้แก่ศิษย์ ?
1) เติมเต็มความรู้
หมายถึง เติมเต็มความรู้ที่ศิษย์ไม่เคยรู้มาก่อน หรือเคยรู้มาอย่างผิดๆ หรืออย่างขาดๆ เกินๆ ครูต้องเป็นผู้เติมเต็มส่วนนี้ให้แก่ศิษย์ ขณะเดียวกันศิษย์ก็อาจเติมเต็มส่วนนี้ให้แก่ครูเช่นเดียวกัน เป็นไปตามทฤษฎีข้างต้นที่บอกว่า “เรารู้กันคนละอย่าง”
2) เติมเต็มประสบการณ์
ครูมิใช่เป็นผู้เติมเต็มเฉพาะความรู้เท่านั้น แต่ครูจะต้องเติมเต็มประสบการณ์ให้แก่ศิษย์ด้วย ประสบการณ์ที่ครูถ่ายทอดให้แก่ศิษย์จะเป็นประโยชน์อย่างมาก และอาจมากกว่าความรู้ด้วยซ้ำไป ครูจึงไม่ควรหวงประสบการณ์ แต่ควรเติมในส่วนที่ศิษย์ยังขาดอยู่ และศิษย์ก็มีส่วนช่วยเติมในส่วนที่ครูขาดอยู่เช่นเดียวกัน
3) เติมเต็มสติปัญญา
ครูได้ชื่อว่าเป็นผู้จุดประกายสติปัญญาให้แก่ศิษย์ ให้ศิษย์คิดเป็น ทำเป็น และรู้จักใช้สติปัญญาไปในทางที่ถูกต้อง และครูยังได้ชื่อว่าเป็นผู้เติมเต็มสติปัญญาให้แก่ศิษย์อีกด้วย เนื่องจากพัฒนาการของสติปัญญานั้นจำต้องอาศัยแบบฝึกหัดต่างๆจากครู เพื่อสติปัญญาจะได้รับการพัฒนาไปสู่จุดที่สมบูรณ์ และสุกงอมที่สุด
ครูคือผู้มีเมตตา...
ความเมตตาเป็นคุณธรรมที่สำคัญอีกประการหนึ่งของครูที่จะขาดเสียมิได้ ครูที่สอนศิษย์ด้วยความเมตตาจะอยู่ในดวงใจของศิษย์ทุกคน และที่สำคัญคือ ครูจะได้รับความเมตตาจากอัลลอฮฺเป็นพิเศษ ดังหลักฐานจากอัลหะดีษบทหนึ่งที่กล่าวไว้ว่า:
" اِرْحَمْ مَنْ فِيْ اْلأَرْضِ يَرْحَمُكَ مَنْ فِيْ السَّمَاءِ "
"ท่านจงเมตตาผู้อยู่ในโลก(มนุษย์)แล้วผู้อยู่บนฟ้า (อัลลอฮฺ) จะเมตตาท่าน"
(บันทึกโดยติรมิซียฺ )
ใครบ้างที่ครูมีเมตตา ?
1) เมตตาต่อศิษย์
ครูควรมีเมตตาต่อศิษย์ทุกคน และควรถือว่าศิษย์ทุกคนเป็นเสมือนลูก เสมือนหลาน ความเมตตาที่มีต่อศิษย์จะทำให้ครูมีความกระตือรือร้นในการสอน และสอนด้วยความสุข เพราะในดวงจิตของครูมีแต่ความปรารถนาดีที่ต้องการให้ศิษย์มีความรู้ และมีอนาคตที่ดีในภายภาคหน้า ครูที่มีเมตตาจะพูดกับศิษย์ด้วยคำพูดที่มีความไพเราะสุภาพ และอ่อนโยน และจะให้กำลังใจศิษย์อยู่เสมอ
2) เมตตาต่อญาติ
ครูควรมีเมตตาต่อญาติพี่น้องด้วยการช่วยเหลือ อนุเคราะห์ และสนับสนุนให้ทุกคนมีการศึกษา มีความก้าวหน้าในชีวิต และการงาน และช่วยเหลือในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทบาดหมางระหว่างเครือญาติ การมีเมตตาต่อญาติพี่น้อง จะทำให้ครูเป็นแบบอย่างที่ดีของศิษย์และของคนทุกคน
3) เมตตาต่อมิตร
โดยธรรมชาติของอาชีพครู ครูจะมีแต่ผู้ที่เป็นมิตร ทั้งที่รู้จัก และไม่รู้จัก ดังนั้นครูจึงต้องมีเมตตาต่อมิตรทุกคน ด้วยการช่วยเหลือ การให้คำแนะนำ และอื่นๆ ตามอัตภาพ การมีเมตตาต่อมิตรจะบ่งบอกถึงการมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีของครู ทำให้ครูเป็นที่รักและเคารพแก่ศิษย์ แก่บุคคลทั่วไป
4) เมตตาต่อศัตรู
การมีเมตตาต่อศัตรูถือเป็นคุณธรรมขั้นสูงที่ครูทุกคนพึงมี เนื่องจากครูเป็นปูชนียบุคคล หมายความว่าเป็นบุคคลที่น่านับถือ ที่สำคัญคือครูเป็นตัวอย่างที่ดีของศิษย์ หากครูเป็นคนวู่วาม ใจร้อน และชอบผูกพยาบาท ครูก็จะเป็นตัวอย่างที่ดีไม่ได้ การมีเมตตาต่อศัตรู คือการไม่โกรธ ไม่ผูกพยาบาท และการให้อภัย ซึ่งทั้งหมดเป็นคุณธรรมอิสลามที่ท่านนบีได้ทำเป็นแบบอย่างไว้แล้วทั้งสิ้น
5) เมตตาต่อคนทุกคน
เมื่อครูคือผู้ที่มีหน้าที่อบรมสั่งสอน ครูจึงต้องมีความเมตตาต่อคนทุกคนโดยไม่เลือกชั้นวรรณะบทบาทของครูคือบทบาทของอุละมาอฺ (ผู้รู้) ในการเผยแพร่ เป็นบทบาทเดียวกับท่านนบี ที่ถูกส่งมาเพื่อเป็นความเมมตาต่อชาวโลกทั้งมวล ดังที่อัลลอฮฺ ตรัสว่า:
" وَمَا أَرْسَلْنَاكَ إِلَّا رَحْمَةً لِّلْعَالَمِينَ "
"และเรามิได้ส่งเจ้ามาเพื่ออื่นใดนอกจากเพื่อเป็นความเมตตาต่อชาวโลกทั้งมวล"
(21 : 107)
ท่านนบี เป็นแบบอย่างของครูผู้มีเมตตาแก่คนทุกคน ท่านเคยกล่าวว่า:
" إِنَّمَا بُعِثْتُ مُعَلِّمًا "
"อันความจริงแล้วฉันถูกส่งมาเพื่อเป็นครู"
(บันทึกโดยอิบนุมาญะฮฺ)
ในอีกหะดีษรายงานหนึ่งกล่าวว่า:
" وَلكِنْ بَعَثَنِيْ مُعَلِّمًا مُيَسِّرًا "
" แต่(อัลลอฮฺ)ได้ส่งฉันมาเป็นครู และเป็นครูที่ง่ายๆ"
(บันทึกโดยอะห์หมัด)
คำว่า เป็นครูที่ง่ายๆ หมายความว่า เป็นครูที่สอนสิ่งที่ง่ายๆ หรือสอนสิ่งที่ยากให้เป็นสิ่งง่าย และหมายถึง ครูที่มีความเรียบง่าย ดูแลเอาใจใส่ลูกศิษย์ ให้ความเมตตาต่อลูกศิษย์โดยเสมอกัน
บทส่งท้าย
ครูคือผู้ให้ ครูคือผู้เติมเต็ม ครูคือผู้มีเมตตา ดังนี้อาชีพครูจึงเป็นอาชีพที่มีเกียรติ ท่านนบี นั้นให้เกียรติผู้ที่ทำหน้าที่เป็นครู แม้ว่าจะเป็นคนต่างศาสนิก หรือศัตรู ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ ท่านได้ไถ่ตัวเชลยศึกในสงครามบะดัร ซึ่งเป็นมุชริกีน ชาวมักกะฮฺ โดยให้เป็นครูสอนเด็กมุสลิมชาวนครมะดีนะฮฺจำนวนสิบคน แบบอย่างของท่านนบีนี้เป็นแบบอย่างที่งดงามที่มุสลิมทุกคนควรตระหนัก หากมุสลิมได้ตระหนักแล้ว กรณีการฆ่าครู หรือทำร้ายครูในจังหวัดชายแดนภาคใต้คงจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน
ขออัลลอฮฺ ได้ทรงชี้นำสู่ทางที่เที่ยงตรง อามีน