11. ถ่อมตน
  จำนวนคนเข้าชม  3057

11. ถ่อมตน


         ผู้นำจะต้องถ่อมตัว ให้เกียรติแก่ประชาชนทุกระดับอย่างเท่าเทียมกัน ต้องเข้าใจว่ามนุษย์ทั้งหมดต่างรักในเกียรติยศและศักดิ์ศรี ไม่มีใครชอบให้ผู้อื่นมาลบหลู่แม้ว่าเขาจะเป็นคนด้อยโอกาสเพียงใดก็ตาม หากพยายามยกตัวเองข่มผู้อืนเมื่อใดก็เสมือนพยายามจะดิสเครดิตตัวเองเมื่อนั้น ความเคารพที่ประชาชนให้กับเขาก็จะเป็นเพียงภาพการประจบสอพลอที่รอโอกาสจะสาปแช่งหมดสิ้นซึ่งความศรัทธาและเลื่อมใสจากจิตใจของประชาชน 

เคาะลีฟะฮฺอุมัรฺ อิบนฺ อัล-ค็อฏฏ็อบ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮฺ เป็นผู้นำที่ถ่อมตัวเป็นอย่างมาก ท่านถ่อมตัวอย่างบริสุทธิ์ใจทั้งด้วยวาจาและการแสดงออก ท่านกล่าวแก่ประชาชนว่า 

"โอ้ ประชาชนทั้งหลาย พวกท่านจงถ่อมตัวเถิด เพราะฉันเคยได้ยินท่านเราะสูลุลลอฮฺ-ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม-กล่าวว่า

"ผู้ใดถ่อมตนอย่างบริสุทธิ์ใจเพื่ออัลลอฮฺ อัลลอฮฺจะทรงยกฐานะของเขา และกล่าวว่า เจ้าจงเงยหน้าขึ้นซิ อัลลอฮฺได้ทรงยกฐานะของเจ้าแล้ว ซึ่งพวกเขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า แต่ในสายตาของผู้อื่นเขาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ 

และผู้ใดที่ลำพองตน อัลลอฮฺจะทรงให้เขาต่ำต้อย และกล่าวว่า จงก้มหน้าลงซิ อัลลอฮฺให้เจ้าต่ำต้อยแล้ว ซึ่งเขารู้สึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่ แต่ในสายตาของผู้อื่นเป็นผู้ต่ำต้อยจนไร้ค่ายิ่งกว่าสุนัขเสียอีก"

 (Abu Nua’im al-Asbahaniy,n.d.: 7/129)

          การเดินทางของเคาะลีฟะฮฺอุมัรฺไปเยือนเมืองชามครั้งประวัติศาสตร์เพื่อรับมอบเมืองปาเลสไตน์ที่ถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนรัฐอิสลามเมื่อปี ฮ.ศ. 16 ดูเหมือนจะเป็นตัวอย่างที่แสดงถึงความถ่อมตัวอย่างเสมอต้นเสมอปลายของท่านอุมัรฺเป็นอย่างดี ซึ่งในตอนที่มาเมืองชามนั้น ท่านได้มาพร้อมกับอัล-อับบาสและคนรับใช้ ครั้นเมื่อใกล้ถึงเมืองชาม ท่านอุมัรฺก็ได้เปลี่ยนไปขี่อูฐของคนรับใช้ซึ่งมีอานที่ไม่ดี โดยให้ท่านอัล-อับบาสเป็นคนขี่ม้านำหน้า ซึ่งเป็นม้าที่สวยและท่านเองเป็นคนรูปหล่อ ดังนั้น พอมาถึงเมืองชามเหล่าผู้นำศาสนาคริสต์ที่ยังไม่รู้จักกับท่านเคาะลีฟะฮฺต่างก็เข้าไปจับมือท่านอัล-อับบาส  "ท่านจึงบอกว่า ไม่ใช่ฉันหรอก แต่เขา (เคาะลีฟะฮฺ) คือคนนั้นต่างหาก" (Ibn Manzur,n.d.:4/102)

         อิบนุ กะษีรฺ (Ibn Kathir) ได้กล่าวถึงสภาพความถ่อมตนของเคาะลีฟะฮุมัรในตอนที่ท่านเดินทางไปที่แคว้นชามว่า

อบู อัล-ฆอลิยะฮฺ แห่งชามได้เล่าว่า

"ท่านอุมัรฺ อิบนฺ อัล-ค็อฏฏ็อบได้มาถึงเมืองญาบิยะฮฺเพื่อผ่านไปยังเมืองอีลิยาอ์ (ปาเลสไตน์) ด้วยอูฐดำตัวหนึ่ง ความโล้นของศีรษะท่านได้สะท้อนประกายแวววับเมื่อดวงอาทิตย์ส่องมาเพราะบนศีรษะท่าน ไม่มีหมวกหรือผ้าโพกศีรษะใดๆ เลย เท้าสองข้างของท่านไขว้กระทบกันระหว่างสองขั้วอานโดยไม่มีที่ตั้งเท้า

ผ้าปูของท่านคือผ้าขนอัมบะญานียฺ ซึ่งมันถูกใช้เป็นอานเมื่อท่านขี่สัตว์และเป็นผ้าปูนั่งเมื่อท่านแวะพัก

กระเป๋าของท่านเป็นผ้าลายขาวดำหรือถุงผ้าที่เย็บข้างด้วยเชือกอินทผลัม ซึ่งมันเป็นกระเป๋าในยามเดินทางและเป็นหมอนเมื่อยามแวะพัก

ท่านสวมเสื้อยาวที่ทอจากผ้าฝ้ายหยาบๆ ที่ทะลุและฉีกขาดตามชายขอบ 

ท่านกล่าวว่า "จงเรียกหัวหน้าเผ่ามาพบฉันหน่อยซิ"

แล้วพวกเขาก็เรียกหัวหน้าเผ่ามาเข้าพบ ท่านกล่าวว่า "นี่พวกท่านช่วยซักและเย็บปะเสื้อผ้าของฉันหน่อยซิ แล้วเอาผ้าหรือเสื้ออื่นมาให้ฉันยืมก่อน"

แล้วเสื้อค็อตต็อนอย่างดีก็ได้ถูกนำมามอบให้ท่าน ท่านถามว่า "นี่มันทอจากอะไรกัน?"

เขาตอบว่า "เป็นเสื้อค็อตต็อน"

ท่านถามว่า "ค็อตต็อนคืออะไร?"

พวกเขาจึงอธิบายให้ท่านฟัง ท่านจึงถอดเสื้อออก แล้วมันก็ถูกนำไปซัก เย็บปะ และนำมามอบกลับให้กับท่าน ท่านจึงถอดเสื้อของพวกเขาออก และสวมเสื้อของท่านตามเดิม

หัวหน้าเผ่าเลยกล่าวว่า "ท่านนี้เป็นราชาแห่งอาหรับ และเมืองนี้เขาไม่ขี่อูฐกันหรอก ท่านเห็นอย่างไรหากท่านสวมเสื้ออีกตัวหนึ่งที่ไม่ใช่เสื้อตัวนี้และขี่ม้าเร็วตัวหนึ่ง สิ่งนี้ย่อมเป็นที่ยิ่งใหญ่ในสายตาของพวกโรมัน"

ท่านตอบว่า "เราเป็นชนที่อัลลอฮฺให้เกียรติเพราะอิสลาม ดังนั้นเราจะไม่ยอมเอาอะไรมาแลกกับอัลลอฮฺ"

แล้วเมื่อม้าเร็วถูกนำมาให้แก่ท่าน ท่านก็ขึ้นควบมันสักพักหนึ่งโดยไม่ใช้ที่วางเท้าและอานนั่ง แล้วท่านก็กล่าวว่า "ล่ามมัน ล่ามมันไว้ ฉันไม่เคยเห็นผู้คนขี่ชัยฏอนก่อนหน้านี้เลย" แล้วอูฐของท่านก็ได้ถูกนำมาให้ท่านขี่ต่อ” (Ibn Khathiyr, 1988: 7/61)

อิบนุมันซูร (Ibn Manzur) ได้เล่าเหตุการณ์ครั้งนี้หลังจากที่ท่านออกจากเมืองญาบิยะฮฺว่า

          แล้วท่านอุมัรฺก็เดินทางออกจากอัล-ญาบิญะฮฺมุ่งหน้าไปยังจอร์แดนซึ่งมีประชาชนจำนวนมากคอยต้อนรับท่าน โดยประชาชนมุสลิมและต่างศาสนาต่างยืนคอยท่าน แล้วท่านก็เดินทางมาพบพวกเขาบนลาตัวหนึ่งโดยที่มีอัล-อับบาสขี่ม้านำหน้า เมื่อชาวยิวและคริสเตียนเห็นท่าน พวกเขาก็ก้มลงกราบ

ท่านกล่าวว่า "พวกท่านจงอย่ากราบไหว้มนุษย์ แต่จงกราบไหว้อัลลอฮฺ" แล้วท่านก็เดินทางต่อไป

บรรดานักบวชยิวและคริสเตียนต่างพากันกล่าวว่า "เราไม่เคยเห็นผู้ใดที่มีลักษณะคล้ายกับอัล-หะวารียีน (ผู้ศรัทธาต่อเยซู) มากไปกว่าชายคนนี่เลย" (Ibn Manzur,n.d.:4/102)

           และด้วยการถ่อมตัวตลอดเวลานี่เอง ทำให้ท่านไม่ยอมรับการยกยอใดๆ ที่แสดงถึงความดีเลิศของตัวเอง ดังที่อัล-ซัรคียฺ (al-Zarkhiy) กล่าวถึงเหตุการณ์ในครั้งหนึ่งว่า

มีชายคนหนึ่งพูดกับท่านอุมัรฺ อิบนฺ อัล-ค็อฏฏ็อบว่า "โอ้ สุดยอดคนดี"

ท่านอุมัรฺไม่เข้าใจคำพูดดังกล่าว ท่านจึงถามว่า "เอ๊ะ ท่านพูดว่าอะไรนะ?”

แล้วพวกเขาก็ตอบว่า "เขาคนนั้นพูดว่า "โอ้ สุดยอดคนดี"

แล้วท่านอุมัรฺก็กล่าวแก่เขาว่า "มาใกล้ฉันหน่อยซิ ฉันไม่ใช่สุดยอดคนดีหรอก จะบอกให้เอาไหมว่าใครคือสุดยอดคนดี?"

เขาตอบว่า "ใครกัน โอ้ ท่านอะมีรุลมุมินีน?"

ท่านอุมัรฺตอบว่า "คือชายชาวชนบทเจ้าของอูฐหรือแกะฝูงหนึ่ง ที่เข้ามาในเมืองหนึ่งด้วยอูฐหรือแกะของเขา แล้วก็ขายมันไป จากนั้นได้เอาเงินไปบริจาคในหนทางของอัลลอฮฺ เพื่อเป็นเสบียงในการต่อสู้ของชาวมุสลิมกับข้าศึก นั้นแหล่ะคือสุดยอดคนดี" (al-Zarkhiy, n.d.: 1/13)