การเข้ารับอิสลามของท่านอุมัรฺ 2
แล้วนางก็นั่งร้องไห้ ภาพเลือดที่กำลังหลั่งไหลออกมาจากบาดแผลบนศีรษะของน้องสาว กับน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย ทำให้อุมัรฺสะเทือนใจ รู้สึกตัวในสิ่งที่ทำลงไป จึงเข้าไปหาน้องสาวเช็ดเลือดที่กำลังไหลอยู่นั้นอย่างอ่อนโยน และปลอบนางให้หยุดร้องไห้ ทันใดนั้นอุมัรฺได้เหลือบไปเห็นกระดานไม้ที่วางอยู่ข้างนาง อุมัรฺจึงยื่นมือออกไปเพื่อจะหยิบไม้กระดานแผ่นนั้น แต่ด้วยความไวของนางฟาติมะห์จึงหยิบมันมาได้ก่อน แล้วรีบซ่อนไว้โดยไม่ยอมมอบให้แก่พี่ชาย อุมัรฺได้สาบานว่าจะคืนให้โดยดี นางจึงบอกว่าในกระดานไม้แผ่นนี้ ได้บันทึกส่วนหนึ่งของคัมภีร์อัลกุรอานอันประเสริฐ ผู้ที่สะอาดเท่านั้นที่สามารถสัมผัสกับอัลกุรอานได้
ความโกรธได้กลับคืนมาสู่อุมัรฺอีกครั้ง พร้อมกับดึงกระดานไม้แผ่นนั้นมาจากน้องสาวอย่างแรง และอ่านสิ่งที่เขียนอยู่ในนั้นว่า :
ด้วยพระนามของอัลเลาะห์ ผู้ทรงกรุณาต่อสรรสิ่งทั้งมวลในโลกนี้ ทรงปราณีเฉพาะผู้ศรัทธาในโลกอาคิเราะห์
ถึงตอนนี้มือของอุมัรฺเริ่มสั่นสะท้าน เช่นเดียวกับหัวใจของเขาที่เต้นแรงขึ้น ลมหายใจติดขัด! เขาทิ้งแผ่นกระดานพร้อมกับพูดว่า :
ไม่...ฉันจะไม่อ่านอีกๆ
นางฟาติมะห์มองพี่ชายแล้วพูดว่า :
อ่านสิ...ท่านอุมัรฺ และจงเข้าใจสิ่งที่เขียนอยู่ในนั้น หวังว่าพระองค์อัลเลาะห์จะทรงประทานฮิดายะห์ให้แก่ท่าน และให้ใจของท่านอ่อนโยนและเอนเอียงสู่อิสลาม
อุมัรหยิบแผ่นไม้แผ่นนั้นขึ้นมาอีกครั้งและเริ่มอ่าน :
ด้วยพระนามของอัลเลาะห์ ผู้ทรงกรุณาต่อสรรสิ่งทั้งมวลในโลกนี้ ทรงปราณีเฉพาะผู้ศรัทธาในโลกอาคิเราะห์
ฏอฮา เรามิได้ให้อัลกุรอานลงมาแก่เจ้า เพื่อให้เจ้าลำบาก เว้นแต่เป็นการตักเตือนแก่ผู้ที่ยำเกรง (คือมุอฺมินที่ได้รับแสงสว่างจากอัลกุรอาน) เป็นการประทานลงมาจากพระผู้สร้างแผ่นดินและชั้นฟ้าทั้งหลายอันสูงส่ง ผู้ทรงกรุณาปราณี ทรงสถิตอยู่บนบัลลังก์ สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสองนั้น และสิ่งที่อยู่ใต้พื้นดินล้วนเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์...
(ฏอฮา 20 : 1-6)
ครั้นอุมัรเสร็จสิ้นจากการอ่านอัลกุรอาน ใจของเขาสงบลงมาก รู้สึกอบอุ่นเบิกบานใจขึ้นมาทันที จึงกล่าวขึ้นว่า :
ช่างเป็นถ้อยคำที่แสนหวานไพเราะนัก พระเจ้าของพวกท่านทรงยิ่งใหญ่นัก ทรงครอบครองท้องฟ้า และสิ่งที่อยู่เหนือจากนั้น แผ่นดินและสิ่งที่อยู่ภายใต้นั้น
อุมัรฺอ่านถ้อยคำที่อยู่ในแผ่นไม้นั้นครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยจิตใจที่นอบน้อมยิ่ง
นางฟาติมะห์จึงเอียงตัวเข้าไปกระซิบที่หูของสามี และพูดว่า :
อีมานเริ่มเข้าสู่จิตใจของอุมัรแล้ว
กว่าอุมัรฺจะเสร็จสิ้นการอ่านแผ่นไม้นั้น ใจของเขาก็อ่อนโยนขึ้นมา จนกระทั่งน้ำตาที่ไหลลงมานั้นหยดลงบนกระดานไม้แผ่นนั้น อุมัรฺพูดว่า :
ที่จริงนี่คือคำพูดของพระเจ้าผู้ทรงเป็นพระเจ้าของโลกและมวลประชาโดยแท้
นางฟาติมะห์จึงพูดว่า :
จงเข้ารับอิสลามเถิดอุมัรฺ
อุมัร :
ฉันขอปฏิญาณว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะห์ และฉันปฏิญาณว่า มูฮัมหมัดคือ รอซูลของพระองค์
เมื่อนางฟาติมะห์และสามีได้ยินได้ยินคำปฏิญาณของอุมัรฺก็ได้ตักบีรขึ้นว่า : อัลลอฮุอักบัรฺ
นางฟาตีมะห์ดีใจและเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข ท่านค็อบบ๊าบจึงออกมาและพูดว่า :
จงดีใจเถิดท่านอุมัรฺ เมื่อวานฉันได้ยินท่านนบี กล่าวว่า :
โอ้...ข้าแต่อัลเลาะห์ โปรดทรงให้ศาสนาอิสลามได้รับความเจริญก้าวหน้าด้วยคนหนึ่งคนใดจากชายสองคนอันเป็นที่รักแก่พระองค์ด้วยเถิด และท่านนั้นแหละคือหนึ่งในสองคนอันเป็นที่รักแก่พระองค์
อุมัรฺหันไปถามท่านค็อบบ๊าบว่า :
แล้วท่านมูฮัมหมัดอยู่ที่ไหนในตอนนี้?
ท่านค็อบบ๊าบจึงชี้ทางให้อุมัรฺทราบ และบอกว่า :
ตอนนี้ท่านนบีอยู่กับบรรดาซอฮาบะห์ในบ้านของคนๆหนึ่งซึ่งเข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม และท่านกำลังสอนพวกเขาอ่านอัลกุรอาน และสอนให้พวกเขาได้เรียนรู้หลักศาสนาอิสลาม
อุมัรฺมุ่งหน้าไปบ้านหลังนั้น แล้วเคาะประตู ศอฮาบะห์ท่านหนึ่งลุกขึ้นเพื่อดูว่าใครเป็นผู้เคาะประตู ทันทีที่เห็นว่าคนๆนั้นคืออุมัร ซอฮาบะห์ท่านนั้นถึงกับถอยหลังหลับอย่างตื่นกลัว แล้วกล่าวว่า :
อุมัรฺ...อุมัรฺ
บรรดามุสลิมที่ได้ยินชื่ออุมัรฺถึงกับตัวสั่นด้วยความกลัว เพราะแน่ใจว่าสิ่งชั่วร้ายกำลังจะประสบแก่พวกเขา....แต่ท่านรอซูล กล่าวขึ้นว่า :
เปิดประตูให้เขาเถิด หากอัลเลาะห์ประสงค์ให้สิ่งดีประสบแก่เขา พระองค์ก็จะทรงฮิดายะห์ให้แก่เขา
และเมื่อประตูเปิดออก อุมัรฺได้เดินตรงมายังท่านนบีด้วยความสภาพที่เคารพและนอบน้อมผิดปกติ
ท่านรอซูลจึงถามว่า :
ท่านมาทำไมหรือ โอ้...บุตรของ อัล-ค็อฏฏอบ?
อุมัรฺ :
ฉันมาเพื่อคารวะท่าน และประกาศตนเข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม พร้อมกับปฏิญาณตนว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์อัลเลาะห์ และท่านคือรอซูลของพระองค์
ทันใดนั้นบรรดามุสลิมก็ได้ตักบีรขึ้นพร้อมกันอย่างยาวนานด้วยความปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง พร้อมกับเข้าไปแสดงความยินดีกับท่านอุมัรฺอย่างที่พวกเขาแสดงความยินดีซึ่งกันและกัน
หลังจากนั้นท่านอุมัรได้มาหาท่านรอซูล และกล่าวแก่ท่านว่า :
โอ้ท่านรอซูลุลลอฮ์ เราอยู่ในหนทางที่ถูกต้องใช่ไหม?
ท่านรอซูล :
ใช่แล้ว
อุมัรฺ :
ถ้าหากเป็นเช่นนั้น เหตุใดเราจึงต้องหลบซ่อนเพราะศาสนาของเราด้วยเล่า?
ท่านรอซูล :
เรามีจำนวนน้อย โอ้...อุมัรฺ อีกอย่างเธอก็รู้ดีถึงความยากลำบากที่ประสบกับเราอยู่ในตอนนี้จากบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา
อุมัรฺ :
โปรดอนุญาตให้พวกเราออกไปรวมกำลังที่กะอฺบะห์ เพื่อให้บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาได้เห็นความแข็งแกร่งของพวกเรา พวกเขาเหล่านั้นจะได้กลัวเกรง และอัลเลาะห์จะทรงอยู่เคียงข้างเรา พระองค์ทรงสามารถทำให้เกิดความหวาดกลัวขึ้นในจิตใจของพวกเขา!
เมื่อท่านนบี ตกลงอนุญาตบรรดามุสลิมจะนวน 40 คน จึงพากันออกมาโดยแบ่งเป็นสองแถว อุมัรนำหน้าแถวหนึ่ง ส่วนอีกแถวก็คือ ท่านฮัมซะห์ซึ่งเป็นลุงของท่านรอซูล ในขณะที่พวกมุสลิมเดินเข้าไปในกะอฺบะห์ พวกกุฟฟาร (ผู้ปฏิเสธศรัทธา) ก็อยู่รอบๆนั้นด้วย และเมื่อพวกเขาเห็นอุมัรฺอยู่ต่อหน้าบรรดามุสลิม พวกเขาถึงกับกัดนิ้วมือของตัวเองด้วยความโกรธแค้น ชาวมุสลิมได้ทำการละหมาดอย่างโจ่งแจ้งต่อหน้าพวกกุฟฟาร ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขาไม่กล้ากระทำเช่นนั้นมาก่อนเลย ด้วยเหตุนี้มุสลิมจึงมีความเจริญด้วยการเข้ารับนับถือศาสนาอิสลามของอุมัรฺนั่นเอง
จากวันนั้นมักกะห์จึงถูกแบ่งเป็นสองฝ่าย เห็นได้ชัดเจนคือ ฝ่ายมุอฺมิน และฝ่ายกาฟิรฺ ท่านนบีได้ตั้งฉายาให้อุมัรฺว่า อัลฟารูก หมายถึง ผู้จำแนกระหว่างความจริงและความเท็จ ทั้งนี้เพราะอุมัรฺเป็นสาเหตุแห่งการเชิดหน้าชูตาของชาวมุสลิม และทำให้ชาวมุสลิมมีเอกลักษณ์พิเศษคือ การแยกตัวออกจากกุฟฟ๊ารฺได้
วัสสลาม
Click<<< การเข้ารับอิสลามของท่านอุมัรฺ 1
เผยแพร่โดย : สายสัมพันธ์