ครองใจคน ตามแบบฉบับท่านเราะซูล 3
10. รู้จักระงับโทสะ
ใครบางคนอาจเคยทำผิดต่อท่าน เคยนัดแล้วไม่มาตามนัด เคยสัญญาว่าจะทำอะไรให้ท่านแต่ก็ผิดคำสัญญาและใครบางคนอีกเช่นกันที่เคยล่วงเกินท่านด้วยวาจาหรือการกระทำ คนเหล่านี้หากท่านยังต้องการให้เขาเป็นมิตรกับท่าน ยังรักท่านอยู่ ท่านก็ควรจะเก็บอารมณ์โกรธและความไม่พอใจของท่านเสีย ควรระงับโทสะ อัลลอฮิทรงชมเชยผู้ที่รู้จักระงับโทสะของตนเองไว้ว่า
“ และบรรดาผู้ข่มโทสะ และบรรดาผู้ให้อภัยแก่มนุษย์ และอัลลอฮฺทรงรักผู้ทำความดีทั้งหลาย ”
อาละอิมรอน 134
ความโกรธเป็นปฏิกิริยาที่เกิดได้กับทุกคน แต่การจัดการกับความโกรธนี่ซิสำคัญ เราจะต้องรู้จักควบคุมสติให้ดี จะต้องเก็บงำความโกรธ ความเกรียดชัง หรือความไม่พอใจเอาไว้ เพราะความโกรธเป็นกุญแจสู่ความชั่วทั้งปวงความโกรธทำให้ขาดสติ และนำมาซึ่งความเร่าร้อน ที่จะเผาผลาญตัวของเรา และผู้คนรอบข้าง ไม่มีใครชอบอยู่ใกล้คนที่ไม่รู้จักระงับอารมณ์ตนเอง คนที่หน้าตาบึ้งตึง คิ้วขมวดอยู่ตลอดเวลา
ท่านรอซู้ลจะไม่โกรธถ้าเรื่องที่ทำให้โกรธเกี่ยวพันกับตัวท่าน ดังจะเห็นได้จากเหตุการณ์ที่มีชายอาหรับชนบทคนหนึ่งมากระชากเสื้อท่านอย่างแรงจนเกิดรอยถลอกตรงลำคอของท่าน ท่านก็ไม่โกรธชายผู้นั้น ตรงกันข้ามกลับบอกให้บรรดาซอฮาบะฮฺ อะลุ่มอะล่วยเห็นใจเขา แต่ท่านจะโกรธเมื่อมีผู้ใดละเมิดสิทธิของอัลลอฮฺท่านรอซู้ลกล่าวว่า
“ผู้ใดระงับความโกรธ อัลลอฮฺจะทรงปกปิดเอาเราะฮฺของเขา และผู้ใดข่มโทสะและความแค้นของตนทั้งๆที่เขามีอำนาจที่จะจัดการกับผู้ที่ทำให้เขาโกรธได้ แต่เขาไม่ทำ อัลลอฮฺจะเติมเติมหัวใจของเขาด้วยความพึงพอพระทัยของพระองค์ในวันกิยามะฮฺ ”
บันทึกโดยอัฏฏ็อบรอนีย์
ท่านรอซุ้ลกล่าวว่า “ ผู้ใดที่มีอำนาจมีความสามารถที่จะทำอะไรก็ได้ แต่เขากลับระงับความโกรธ ในวันกิยามะฮฺอัลลอฮฺจะทรงเรียกเขาออกมาจากสิ่งที่ถูกสร้างทั้งหลายและจะให้เขาเลือกหญิงงามนางใดก็ได้ที่เขาพึงพอใจ ”
มีชายคนหนึ่งถามท่านรอซุ้ลและกล่าวว่า “ โปรดสั่งเสียกระผมด้วยเถิด "
ท่านรอซุ้ลกล่าวว่า "อย่าโกรธ "
และเมื่อชายคนนั้นถามท่านหลายครั้ง ท่านก็ตอบว่า อย่าโกรธ
ชายผู้นั้นจึงกล่าวว่าและเมื่อฉันไตร่ตรองคำพูดของท่านรอซู้ลแล้วฉันก็พบว่า "ความโกรธนั้นประมวลไว้ซึ่งสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง”
วิธีการจักการกับความโกรธ
ท่านรอซู้ลยังได้แนะนำวิธีการจัดการกับความโกรธไว้ดังนี้
1. ขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺให้พ้นจากซัยตอนการกล่าวว่า “ อะอูซุบิ้ลลาฮิมินัชชัยฏอนนิ้ลร่อญีม ”
ท่านสุไลมาน อิบนุ ศอรดฺเล่าว่ามีชายสองคนทะเลาะวิวาทกันต่อหน้าท่านนบีขณะที่เรากับท่านนั่งกันอยู่ คนหนึ่งด่าคนหนึ่งด้วยใบหน้าที่แดงกล่ำไปด้วยโทสะท่านนบีจึงกล่าวว่า
“แท้จริงฉันรู้ว่ามีถ้อยคำหนึ่งหากเขาเอ่ยออกไปแล้วสิ่งที่เขาประสบอยู่จะมลายหายไปหากเขากล่าวว่า
“อะอูซุบิ้ลลาฮิมินัชซัยตอนนิ้ลร่อญีม”( ฉันขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮ์ ให้พ้นจากซัยตอน )
2. ให้นั่ง ถ้ายังไม่หายโกรธให้นอนเพราะความโกรธที่พุ่งพล่านควรแก้ด้วยการนิ่ง คือนั่งหรือนอน ท่านอบูซัรรายงานว่า ท่านรอซู้ลกล่าวกับพวกเราว่า
“ เมื่อผู้ใดในหมู่พวกท่านโกรธในขณะที่เขายืนอยู่ก็จงนั่งเสีย ถ้ายังไม่หายโกรธก็ให้เขานอนลง ”
3. ให้อาบน้ำละหมาดในเมื่อน้ำสามารถดับไฟได้ก็สามารถดับความโกรธซึ่งเป็นเสมือนไฟในทรวงได้เช่นกันท่านรอซู้ลกล่าวว่า
“ แท้จริงความโกรธมาจากซัยตอน และซัยฏอนแน่แท้ถูกสร้างมาจากไฟ ไฟนั้นดับได้ด้วยน้ำดังนั้นเมื่อคนใดในหมู่พวกท่านโกรธก็จงอาบน้ำละหมาด ”
ท่านรอซู้ล ชมเชยผู้ที่รู้จักหักห้ามใจ รู้จักข่มโทสะว่าเขาผู้นั้นคือผู้ที่เข้มแข็งที่แท้จริง ท่านอบูฮุรอยเราะฮฺได้รายงานว่า
“ ผู้ที่ข็งแกร่งไม่ใช่ผู้ที่ชนะผู้อื่นแต่เป็นผู้ที่ชนะตนเองในยามโกรธ ”
พระองค์ตรัสอีกว่า “ และเมื่อพวกเขาโกรธพวกเขาก็จะให้อภัย ”
เมื่อมีผู้ถามท่านอับดุลเลาะฮฺ อิบนุ มุบาร็อกว่า “ ช่วยรวบรัดมารยาทที่ดีงามด้วยถ้อยคำสั้นๆหน่อยเถิดครับ
ท่านกล่าวว่า การละทิ้งความโกรธ จำไว้ว่า...กรดละลายน้ำผึ้งฉันใด ความโกรธทำลายความดีฉันนั้น"
11. ยกโทษ และให้อภัย
หากเรารู้จักที่จะระงับความโกรธ และข่มโทสะแล้วก็ควรที่จะรู้จักยกโทษและให้อภัย การให้อภัยเป็นการให้ที่วิเศษ เพราะเป็นการให้สองต่อนอกจากจะเป็นการปลดปล่อยความผิดของใครบางคนที่ทำต่อเราแล้วยังเป็นการปลดปล่อยใจไม่ให้แบกความรู้สึกที่ไม่ดีเอาไว้กับตัวเองด้วยการให้อภัย ไม่ถือโทษเอาผิดกับผู้ที่ทำไม่ดีกับเรานั้นนอกจากทำให้ร่างกาของเราผ่อนคลายแล้วจิตใจของเราก็ต้องเบิกบานไปด้วยยังสร้างความประทับใจความนิยมชมชอบและความยอกย่องนับถือจากผู้คนรอบข้างอีกด้วยและที่สำคัญที่สุดคือความรักและความพึงพอพระทัยของอัลลอฮฺ ตรัสความว่า
“และพวกเจ้าจงรีบเร่งกันไปสู่การอภัยโทษจากพระเจ้าของพวกเจ้า และไปสู่สวรรค์ซึ่งความกว้างขวางของสวรรค์นั้นคือบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน โดยที่ได้ถูกเตรียมไว้สำหรับบรรดาผู้ที่ยำเกรงคือบรรดาผู้ที่บริจาคทั้งในยามสุขและยามเดือดร้อนและบรรดาผู้ที่ข่มโทษะ และบรรดาผู้ให้อภัยแก่เพื่อนมนุษย์และอัลลอฮฺนั้นทรงรักผู้กระทำความดีทั้งหลาย ”
พระองค์ตรัสว่า
“ ผู้ใดอภัยและไกล่เกลี่ยคืนดีกันรางวัลตอบแทนของเขาอยู่ ณ อัลลอฮฺ ”
“ และพวกเขาจงอภัย และจงยกโทษพวกเจ้าจะไม่ชอบหรือที่อัลลอฮฺจะทรงให้อภัยแก่พวกเจ้า
และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ”
มีเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้นกับท่านร่อซู้ลที่บ่งบอกถึงความใจเย็นและการให้อภัยของท่านท่านร่อซู้ลได้ให้อภัยต่อชาวยิวที่ทำไสยศาสตร์กับท่านท่านให้อภัยแก่หญิงที่ใส่ยาพิษในขาแกะซึ่งเป็นอาหารที่นำมามอบให้ท่าน ท่านให้อภัยแก่ผู้ที่โรยขวากหนามตามทางที่ท่านเดินผ่าน ท่านอภัยให้กับชาย 80 คนที่มุ่งจะสังหารท่านในขณะที่ละหมาดซุบฮิฮฺ เมื่อบรรดาซอฮาบะฮฺจับพวกเขาได้ ท่านก๊สั่งให่ปล่อยพวกเขาให้เป้นอิสระและท่านก็ได้ให้อภัยแก่ชาวเมืองมักกะฮฺ ภายหลังที่พวกเขาได้เคยทำร้ายและยังเคยวางแผนสังหารท่านหลายครั้ง และขับไล่ท่านออกจากมักกะฮ์ และต่อต้านท่านทุกหนทางท่านได้กล่าวกับชาวมักกะฮฺว่า วันนี้ไม่มีการประณามพวกท่านจงไปเถิดพวกท่านล้วนเป็นอิสระ
ท่านซัยนุลอาบิดีน บุตร ท่านฮุเซน บุตรของท่านอาลี อิบนุ อบีฏอลิบ มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งคอยรับใช้ท่านวันหนึ่งเด็กหนุ่มคนนี้ได้ทำภาชะนะใส่อาบน้ำละหมาดของท่านซัยนุลอาบิดีนตกลงมาแตกที่เท้าของท่าน ทำให้เกิดบาดแผลและเลือดไหลไม่หยุด เมื่อเห็นดังนั้นเด็กหนุ่มจึงชิงกล่าวก่อนว่า
ท่านครับอัลลอฮฺตรัสว่า “ และบรรดาผู้ข่มโทสะ ”
ท่านซัยนุลอาบิดีนจึงกล่าวว่า “ ฉันข่มโทสะแล้ว ”
เด็กหนุ่มกล่าวต่อไปว่า และพระองค์ทรงตรัสว่า “ โอ้บรรดาผู้ที่ให้อภัยต่อมนุษย์ ”
ท่านซัยนุลอาบิดีนจึงกล่าวว่า "ฉันให้อภัยแก่เจ้าแล้ว"
เด็กหนุ่มกล่าวต่อไปว่า และพระองค์ทรงตรัสว่า “ และอัลลอฮฺทรงรักบรรดาผู้ที่ทำความดี ”
ท่านซัยนุลอาบิดีนจึงกล่าวว่า “ เจ้าเป็นอิสระเพื่ออัลลอฮฺตาอาลา”
12. ใจกว้างในการคบค้าสมาคม
ท่านร่อซู้ลได้แนะแนวถึงวิธีการในการคบค้าสมาคมกับผู้อื่น อันเป็นหนทางสู่การครองใจพวกเขาและได้มาซึ่งความนิยมชมชอบของพวกเขาด้วยถ้อยคำที่กระชับแต่ได้ใจความว่า
“อัลลอฮฺทรงเมตตาผู้ที่ใจกว้างเมื่อเขาขายใจกว้างเมื่อเขาซื้อ ใจกว้างเมื่อทวงสิทธิหรือทวงหนี้”
♥ ใจกว้างเมื่อทำการค้าขาย หมายถึง ผู้ขายจะต้องไม่ตระหนี่ถี่เหนียวขณะขาย หวังแต่ผลกำไรเพียงอย่างเดียวจะต้องไม่ใช้กริยา วาจาที่หยาบกระด้างต่อผู้มาซื้อ
♥ ใจกว้างในการซื้อ หมายถึงผู้ซื้อจะต้องไม่สร้างความอึดอัดความยากลำบากให้กับผู้ขายไม่ต่อรองราคามากจนเกินไปให้เปิดใจให้กว้าง โดยเฉพาระหากผู้ซื้อเป็นคนรวย และคนขายเป็นตนจนและขัดสน
♥ ใจกว้างในการทวงสิทธิหรือทวงหนี้ หมายถึงให้ทวงสิทธิด้วยความละมุนละม่อม นุ่มนวล และอ่อนโยน ไม่ใช่วาจากระโชกโฮกฮาก ควรให้โอกาสแก่ผู้ที่ขัดสน ประวิงเวลาให้แก่ผู้ที่ยังไม่มีความสามารถที่จะใช้คืนให้ได้
เหตุการณ์ที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าท่านร่อซู้ลได้ครองใจชายคนหนึ่งได้อย่างไร
มีรายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะฮฺว่า ท่านร่อซู้ลเป็นหนี้ชายคนหนึ่งด้วยอูฐตัวหนึ่งที่มีอายุหนึ่งปี และเมื่อชายคนนั้นมาทวงถามท่าน ท่านร่อซู้ลก็สั่งให้จัดหาให้เขา แต่ก็ไม่พบว่ามีอูฐที่มีอายุ 1 ปี เลยมีแต่ที่มากกว่านั้น ท่านร่อซู้ลจึงกล่าวว่าจงมอบให้ชายผู้นี้เถิด ชายผู้รี้ขอบคุณท่านร่อซู้ลเป็นอย่างมากและกล่าวกับท่านว่า ท่านให้ฉันและให้มากกว่าที่ฉันให้ท่านเสียอีกขออัลลอฮฺทรงตอบแทนท่านด้วย ท่านร่อซู้ลกล่าวขึ้นว่า
“ แท้จริงผู้ที่ดีที่สุดในพวกท่านคือผู้ที่ดีที่สุดในการคืนสิทธิ”
และการใจกว้างในการคบค้าสมาคมยังหมายรวมถึงการที่เราจะต้องไม่เคร่งครัดเอาจริงเอาจังในการจัดการและการดูแลของเรา การจะทำให้ผู้ที่อยู่ใต้การปกครองและการดูแลของเรา การจะทำให้ผู้ที่อยู่ใต้การปกครองของเราประทับใจนั้น เราจะต้องใจกว้าง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับพวกเขา เห็นอกเห็นใจไม่เอารัดเอาเปรียบหรือเบียดเบียนพวกเขา ไม่ซ้ำเติมในกรณีที่ทำผิดพลาดนั่นย่อมจะสร้างความประทับใจ และจะทำให้พวกเขาเคารพและเกรงใจทั้งต่อหน้าและลับหลัง
ท่านอนัส อิบนุ มาลิก รับใช้ท่านนบีมา 10 ปีท่านร่อซู้ลไม่เคยตำหนิหรือว่าท่านอนัสเลยแม้สักครั้งเดียว ท่านไม่เคยพูดเลยว่า เหตุใดถึงทำเช่นนี้และเมื่อท่านไม่ทำในสิ่งใดท่านร่อซู้ลก็ไม่เคยต่อว่าหรือพูดเลยว่าเหตุใดจึงไม่ทำเช่นนั้น
13. ขนานนาม หรือเรียกชื่อที่เขาชื่นชอบ
การขนานนามหรือเรียกผู้อื่นด้วยชื่อที่เขาชื่นชอบจะช่วยเปิดทางเปิดใจ และเป็นวิธีที่ง่ายในการมอบความสุขให้กับผู้ที่เราเรียกเขา ควรเรียกชื่อให้ถูกต้องให้ถูกกับภาษาและสำเนียงที่ได้ตั้งไว้ หากนามนั้นเป็นนามที่มงคลแต่เรากลับขนานนามเป็นอัปมงคลตั้งแต่เยาว์วัยเช่น อับดุลเราะฮฺมานเป็นต้น เป็น อ้ายมาน อ้ายเลาะเป็นต้น ใช้กันจนติดปากยากที่จะแก้ไข เมื่อเติบโตก็จะเป็นที่ไม่พึงพอใจแก่ผู้ถูกเรียกขานดังนั้นการตั้งชื่อตลอดจนการเรียกชื่อที่ดีนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อความพึงพอใจของผู้ถูกเรียกขาน
ท่านอุมัรได้กล่าวกับผู้ที่ถามท่านว่าสิ่งใดบ้างจะทำให้ผู้คนเข้าหาด้วยความเต็มใจ ท่านได้กล่าวว่า ให้เรียกเขาด้วยชื่อที่เป็นที่รักยิ่งแก่เขา
การเรียกชื่อบุคคลที่เราต้องการจะสนทนาด้วยนับเป็นการให้เกียรติแก่เขา ยิ่งถ้าเราจำชื่อของคนที่เรานานๆจะพบกับเขา และเรียกชื่อเขาได้อย่างถูกต้องและจำตำแหน่งหน้าที่การงานของเขาได้อย่างแม่นยำ นั่นหมายถึงเราได้ทำให้เขารู้สึกภูมใจที่เราให้ความสำคัญกับเขา
14. มีบุคคลิกภาพที่ดูดี
ด้วยการแต่งการที่สุภาพ เรีบยร้อย สะอาดสะอ้านและเหมาะแก่กาละเทสะ มีกลิ่นกายหอม ท่านอับดุลลอฮฺอิบนิ มัสอู๊ดรายงานว่าท่านนบีกล่าวว่า
“ผู้ที่หัวใจของเขามีความยิ่งยะโสแม้เพียงอนูเดียวจะไม่ได้เข้าสวรรค์
ชายคนหนึ่งกล่าวว่า แท้จริงอัลลอฮ์ทรงสวยงาม ทรงรักความสวยงาม"
มีรายงานจากท่านอบิดดัรด๊าอฺว่า ฉันได้ยินท่านร่อซู้ลกล่าวว่า
“แท้จริงพวกท่านกำลังจะมาหาพี่น้องของพวกท่าน ดังนั้นจะจัดแจงสัมภาระที่อยู่ของพวกท่าน
และจงแต่งกายให้เรียบร้อยเพื่อที่พวกท่านจะได้โดดเด่นในหมู่ผู้คน”
ท่านอุมัร อิบนุล คอฎฎ้อบกล่าวว่า “แท้จริงฉันจะรู้สึกประทับใจบุคคลที่ปฏิบัติศาสนกิจที่แต่งกายดีและมีกลิ่นกายหอม”
ท่านอับดุลลอฮฺบุตรของท่านอิหม่ามอะหมัด อิบนุฮัมบัลเล่าว่า
“ฉันไม่เคยเห็นใครที่มีเสื้อผ้าที่สะอาดสะอ้าน และใครที่จะเอาใจใส่ดูแลตัวเอง ดูแลหนวด ดูแลเส้นผม และขนในร่างกาย และมีเสื้อผ้าที่ขาวสะอาดยิ่งไปกว่าท่านอะหมัด อิบนุ ฮัมบัลเลย ”
15. ทำดีโดยมีหวังผลตอบแทน
ท่านรอซู้ลกล่าวว่า “ท่านจงมักน้อยในสิ่งที่มีอยู่ในโลกนี้แล้วอัลลอฮ์จะรักท่าน มักน้อยในสิ่งที่มีอยู่ในมือของผู้คนผู้คนจะรักท่าน”
ท่านร่อซู้ลสอนวิธีจะทำให้ผู้คนรักเราว่าให้ทำดีต่อพวกเขาโดยไม่หวังผลตอบแทนตำแหน่งหน้าที่หรือแม้กระทั่งหวังคำยกย่องชมเชยให้ทำทุกสิ่งด้วยความบริสุทธิ์ใจ
ท่านฮะซัน อัลบัศรีย์ กล่าวว่า
“ ชายคนหนึ่งยังจะมีเกียรติหน้ายกย่องจนกระทั่งเขาหวัง และต้องการสิ่งที่อยู่ในมือของผู้คน
และเมื่อนั้นผู้คนจะดูถูกเขา จะรังเกียจเขา และจะเกลียดชังเขา ”
16. ไปมาหาสู่กัน
การไปมาหาสู่ไถ่ถามทุกข์สุขกันเป็นวิธีกระชับมิตรที่ดียิ่งควรเลือกเวลาที่เหมาะสมและไม่ควรใช้เวลานานเพื่อไม่สร้างความอดอัดใจและความลำบากใจให้แก่เจ้าของบ้านเขาอาจมรธุระแต่ไม่กล้าเอ่ยปากให้ท่านทราบก็เป็นไปได้ท่านอบูอุรอยเราะฮ์เล่าว่า
ท่านร่อซู้ลกล่าวว่า “ท่านจงเยี่ยมเยียนโดยใช้เวลาน้อยท่านก็จะได้รับความรักเพิ่มขึ้น”
ท่านอบูฮุรอยเราะฮฺรายงานว่าท่านนบี กล่าวว่า
“มีชายคนหนึ่งได้ไปเยี่ยมพี่น้องของเขา (หมายถึงเพื่อน) ที่อาศัยอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง ระหว่างทางอัลลอฮฺได้ส่งมอบมาลาอิกะฮฺไปดักรอเขา และเมื่อเขาเข้ามาใกล้
มาลาอิกะฮ์ได้ถามว่า ฉันจะไปหาเพื่อนคนหนึ่งในหมู่บ้านแห่งนี้ มาลาอิกะฮฺ ถามต่ออีกว่า ท่านมีบุญคุณต่อเขาจึงต้องการที่จะให้เขาตอบแทนกระนั้นหรือ
ชายผู้นั้นกล่าวว่า ไม่เลยครับ เพียงแต่ผมรักเขาด้วยความบริสุทธิ์ใจเพื่ออัลลอฮฺ
มาลาอิกะฮฺจึงกล่าวว่า ดังนั้นเราขอแจ้งให้ท่านทราบว่าเราเป็นทูตของอัลลอฮฺ มาเพื่อบอกท่านว่า แท้จริงอัลลอฮฺทรงรักท่านเช่นเดียวกับที่ท่านรักเพื่อนของท่านเพื่ออัลลอฮฺ ”
บันทึกโดยอิหม่ามมุสลิม
ท่านร่อซู้ลกล่าวว่า
“ผู้ใดเยี่ยมเยียนผู้ป่วยหรือไปมาหาสู่พี่น้องร่วมศาสนาของอัลลอฮฺ จะมีผู้ประกาศแก่เขาว่าท่านทำดีแล้ว และการเดินทางของท่านเป็นการเดินทางที่ดี และท่านจะได้รับสวนสวรรค์เป็นที่พำนักอันทรงเกียรติ ”
17. อดทน
คุณคิดหรือว่าคุณจะสามารถครองใจผู้อื่นได้หากไม่รู้จักที่จะอดทนต่อความประพฤติอันมิชอบของพวกเขาและไม่รู้จักอดทนต่ออุปสรรค และปัญหามากมายที่คุณอาจเผชิญเมื่อติดต่อสัมพันธ์กับพวกเขา
อัลลอฮฺตรัสว่า
" และจงอดทนต่อตัวของเจ้า ร่วมกับบรรดาผู้วิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา ทั้งยามเช้าและยามเย็น โดยปรารถนาความโปรดปรานของพระองค์ และให้สายตาของเจ้าหันเหอออกจากพวกเขา ขณะที่พวกเจ้าประสงค์ความสวยงามแห่งชีวิตของโลกนี้ และเจ้าอย่าเชื่อฟังผู้ที่เราให้หัวใจของเขาละเลยจากการรำลึกถึงเรา และปฏิบัติตามอารมณ์ต่ำของเขาและกิจการของเขาพินาศสูญเสียหาย ”
การคบค้าสมาคมกับผู้อื่นก็ดี และการคงไว้ซึ่งความสัมพันธ์อันดีงามกับพวกเขาก็ล้วนต้องการความเพียรพยายามและการอดทนที่ดี เพราะมนุษย์เรานั้นต่างอารมณ์ต่างความต้องการ ต่างความคิดเห็นและมีแนวทางในการดำเนินชีวิตที่ไม่เหมือนกันจึงเป็นการฉลาดอย่างยิ่งที่เราจะรู้จักใช้กลยุทธ์ในการคบค้าสมาคมกับพวกเขาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลและเหนือสิ่งอื่นใดคือการรู้จักอดทนต่ออุปสรรคที่อาจจะประสบในการนี้ท่านร่อซู้ลกล่าว่า
“ มุอฺมินที่คบค้าสมาคมกับมนุษย์และอดทนต่อการทำร้ายของพวกเขา
ย่อมดีกว่ามุอฺมินที่มิได้คบค้าสมาคมกับเพื่อนมนุษย์และไม่อดทนต่อการทำร้ายของพวกเขา"
18. ปฏิบัติต่อผู้อื่นเช่นเดียวกับที่ท่านต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อท่าน
ความรักหมายถึงการให้ในเบื้องต้นและการได้รับการสนองตอบด้วยความรักในบั้นปลายและผู้ที่ไม่รู้จักทำดีกับผู้อื่นไม่ให้เกียรติพวกเขาจิตใจมีแต่ความหยิ่งทะนงและมีทิฐินั้นเขาจะคาดหวังจะได้รับความรักจากคนรอบข้างนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนท่านร่อซูลกล่าวว่า
“ท่านจงรักที่จะให้แก่ผู้คนในสิ่งที่ท่านรักจะให้แก่ตัวของท่านเอง“
หากเราใช้มาตรฐานนี้ในการมีมนุษย์สัมพันธ์กับผู้อื่นแน่นอนเหลือเกินว่าความแตกแยกและบาดหมางคลางแคลงใจที่มีต่อกันจะมลายหายไป และจะกัลป์กลายเป็นความรัก ความกลมเกลียว และความสามัคคีแทนมีใครบ้างไหมที่ชอบที่จะให้ผู้อื่นคดโกง หรือดูถูกตนต่อหน้าผู้อื่น ถ้าไม่ก็อย่าทำเช่นนั้นกับผู้อื่น เมื่อยามที่ตนขัดสนหรือเจ็บป่วยถ้าคุณต้องการ คุณก็ต้องทำเช่นนั้นกับผู้อื่นเช่นกัน เราอยากได้สิ่งใดก็ต้องไม่อยากที่จะให้เขาประสบกับสิ่งนั้นด้วยแล้วความสัมพันธ์ที่งดงาม และราบรื่นก็จะก่อกำเนิดและยั่งยืนระหว่างกันท่านร่อซู้ลกล่าวว่า
“อุปมาบรรดาผู้ศรัทธาในด้านความรักความเอ็นดูเมตตาต่อกันเปรียบประดุจเรือนร่างเดียวกัน
เมื่ออวัยวะส่วนหนึ่งส่วนใดเจ็บปวดก็จะทำให้อวัยวะทุกส่วนในร่างกายเจ็บปวดตามไปด้วย”
19. อย่ามุ่งติเตียน
การเอาแต่ติเตียนผู้อื่นในสิ่งไร้สาระโดยไม่จำเป็นตัวการสำคัญในการต้องทำให้ผู้อื่นออกห่างจากเรา เพราะการติเตียนสามารถทำให้จิตใจอันภาคภูมิของมนุษย์ได้รับความปวดร้าว ทำลายความรู้สึกแห่งการเป็นคนที่มีความสำคัญ ทำให้เขามองผู้ติเตียนในแง่ลบ เพราะผู้ที่ถูกติเตียนโดยปกติแล้วจะต้องแก้ตัวต่างๆนานาและพยายามที่จะเข้าข้างตนเองด้วยความทิฐิ ถือตน
ดังนั้นก่อนที่จะตำหนิติเตียน แก้ไข วิพากวิจารณ์ผู้อื่นให้เราคิดอยู่เสมอว่า เรามิได้ติดต่อกับบุคคลที่เพียบพร้อม ที่มีเหตุผล ควรควบคุมตนเอง คิดก่อนพูดโดยเฉพาะยิ่งเมื่อจะตำหนิหรือวิพากวิจานณ์ คนเราชอบฟังคำสรรเสริญยกย่องมากกว่าติเตียน ควรใคร่ควรถึงผลดี และผลเสียของคำพุดที่จะพูดออกไปเสียก่อนสุภาษิตไทยกล่าวไว้ว่า " พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง "
20. ให้คำแนะนำตักเตือน
การนิ่งเงียบและการระมัดระวังในการติเตียนผู้อื่นมิได้หมายถึงการละเลยต่อการแนะนำและการให้คำตักเตือนเมื่อเห็นผู้อื่นทำผิด หรือละเมิดขอบเขตของอัลลอฮฺหรือขอบเขตของมนษย์
ท่านร่อซูลกล่าวว่า “ศาสนาคือการตักเตือน
มีผู้ถามท่านว่า เพื่อใครครับ
ท่านร่อซู้ลตอบว่า เพื่ออัลลอฮฺ เพื่อร่อซู้ลของพระองค์ บรรดาผู้นำมุสลิมทั้งหลาย ตลอดจนสามัญชนทั่วไป”
บันทึกโดยอิหม่ามมุสลิม
“และจงตักเตือนเถิด แท้จริงการตักเตือนจะให้ประโยชน์แก่บรรดาผู้ศรัทธา ”
ท่านอุมัร อิบนุล คอฎฎ็อบ กล่าวว่า “ ไม่มีความดีงามใดๆในหมู่ชนที่ไม่ชอบบรรดาผู้แนะนำตักเตือน”
ท่านอัลฮาริษ อัลมุซฺบีย์ กล่าวว่า “พึงรับรู้ว่า ผู้ที่ตักเตือนท่าน คือผู้ที่รักท่านอย่างแท้จริง และผู้ที่ประจบประแจงพูดเอาใจท่าน คือผู้ที่หลอกลวงหักหลังท่าน และผู้ที่ไม่ยอมรับคำตักเตือนเขามิได้เป็นพี่น้องของท่าน ”
ผู้ที่แนะนำจำเป็นต้องเป็นผู้ที่มีมารยาทดีงามเป็นแบบอย่างที่ดี มิใช่ตักเตือนห้ามปรามผู้อื่นแต่ตนนั้นกลับทำเองเสียก่อนที่จะให้คำแนะนำตักเตือนแก่ผู้อื่น และการตักเตือนก็ควรใช้วิธีที่ละมุนละม่อม อ่อนโยน โดยไม่ประจานผู้ถูกตักเตือนคือการเปลี่ยนแปลงที่ดีไม่ใช่การโอ้อวดว่าตนเก่งหรือรู้ดีกว่าท่านซาฟีอีย์กล่าวว่า
หากท่านจะตักเตือน ก็จงตักเตือนแบบลับๆไม่เปิดเผย
เพราะหากท่านตักเตือนเขาโดยเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชนแล้วนั้น ก็เท่ากับท่านได้ให้คำตักเตือนกับเขา และทำให้เขาเลวร้าย ”
บางครั้งอาจพูดตรงๆไม่ได้ ก็ควรจะใช้วิธีการเปรียบเทียบ ยกนิทาน อุทาหรณ์สอนใจจะได้ผลกว่าโดยเฉพาะกรณีที่ผู้ที่เราให้คำแนะนำนั้นเป็นผู้ที่มีอำนาจมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่สูงกว่าเรา หรืออาวุโสกว่าเรา ท่านอัลฮะซัน และท่านอัลฮุสเซน บุตรท่านอาลี อิบนิ อบีฎอลิบ ขณะที่ท่านทั่งสองยังเด็ก ได้เดินผ่านชายขราคนหนึ่งที่กำลังอาบน้ำละหมาดอยู่ แต่เขาทำได้ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ท่านทั้งสองต้องการนะนำชายชราคนนั้นถึงวิธีการอาบน้ำละหมาดที่ถูกต้องท่านทั้งสองจึงเดินเข้าไปหาชายชราคนนั้นและกล่าวว่าท่านครับ เราสองคนถกเยงกันว่าใครอาบน้ำละหมาดได้ดีกว่ากัน แต่ก็ยังไม่ได้ข้อยุติ จึงอยากให้ท่านช่วยตัดสินระหว่างเราด้วยเถิด และเมื่อท่านทั้งสองอาบน้ำละหมาดให้ชายชราดู ชายชราคนนั้นก็ตระหนักในทันใดว่าตนอาบน้ำละหมาดผิด จึงขอบคุณท่านทั้งสองที่ช่วยแนะนำ จำไว้ว่า แทนที่จะสั่งสอนด้วยคำพูด ให้สอนด้วยการทำให้ดูเป็นแบบอย่าง
21. มีสัมพันธ์ที่ดีกับอัลลอฮฺ
เป็นวิธีสำคัญที่สุด และลึกซึ้งที่สุดในการที่จะทำให้เราสามารถครองใจคนรอบข้างได้ คือความสัมพันธ์ของเราที่มีต่ออัลลอฮฺนั้นจะต้องดีงามและบริสุทธิ์ใจอย่างยิ่ง เพราะหัวใจของมนุษย์อยู่มนอุ้งพระหัตของอัลลอฮฺพระองค์จะพลิกผันหัวใจเช่นใดก็ได้ตามแต่พระองค์จะทรงประสงค์ ผู้ใดที่ต้องการครองใจใครก็จำเป็นที่จะต้องเข้าหาอัลลอฮฺ ผู้ทรงกุมหัวใจของมนุษย์ทั้งมวลไว้ในอุ้งพระหัตถ์ของพระองค์ มีรายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะฮฺว่า ท่านร่อซู้ลกล่าวว่า
“แท้จริงอัลลอฮฺ เมื่อพระองค์ทรงรักบ่าวคนใด พระองค์ก็จะทรงเรียกญิบรีล และกล่าวแก่ญิบรีลว่า แท้จริงฉันรักบ่าวคนนี้
และญิบรีลก็จะประกาศในฟากฟ้าว่า แท้จริงอัลลอฮิทรงรักคนนั้นคนนี้ดังนั้นพวกท่านทั้งหลายจงรักเขาด้วยเถิด
ชาวฟากฟ้าทั้งหลายก็จะรักเขา แล้วเขาก็จะได้การยอมรับจะเป็นที่รักในหมู่ชาวโลก”
บันทึกโดยอิหม่ามอัลบุคคอรีย์
ส่งท้าย
วิธีต่างๆที่เราได้นำเสนอในการครองใจคน หากพินิจพิจารณาโดยละเอียดถี่ถ้วนแล้วไม่เคล้วที่จะเกี่ยวพันกับจรรยามารยาท หากผู้ใดดำเนินชีวิตให้อยู่ในกรอบแห่งมารยาทที่ดีงาม เป็นแบบอย่างที่ดี เขาก็จะพบว่าการที่จะครองใจคนรอบข้างนั้นเป็นเรื่องที่ง่าย และสะดวก ราบรื่น แต่ทั้งนี้ก็ด้วยพระปรสงค์ของอัลลอฮ์ ดังนั้นเราควรมุ่งหาอัลลอฮ์ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ และด้วยการวิงวอนขอต่อพระองค์ให้พระองค์ทรงเปิดใจเรา และเปิดใจผู้อื่นให้เข้าหาเราด้วยเถิด
ข้าแต่อัลลอฮ์ ข้าพระองค์ขอต่อพระองค์ซึ่งความรักที่มีต่อพระองค์ และความรักที่มีต่อทุกๆการงานที่จะทำให้ข้าพระองค์ ได้ใกล้ชิดกับความรักของพระองค์
ข้าแด่อัลลอฮ์ พระองค์ผู้ทรงทำให้หัวใจทั้งหลายแปรผัน ขอพระองค์ทรงให้หัวใจของข้าพระองค์มั่นคงอยู่ในศาสนาของพระองค์
ข้าแต่อัลลอฮ์พระองค์คือผู้พลิกพันหัวใจ และสายตา ของพระองค์ทรงผินหัวใจของเหล่าข้าพระองค์ให้ได้เชื่อฟังพระองค์ด้วยเถิด
จากหนังสืองานวะลีมะฮ์
ครองใจคนตามแบบฉบับท่านเราะซูล >>>>Click